A Simple Life...กระเทียม ข้าวก้นหม้อ และการบอกรักโดยไม่มีคำว่า ‘รัก’ ที่เรียบง่ายงดงาม
การบอกรักโดยไม่มีคำว่า ‘รัก’ นั้นมีหน้าตาแบบไหน?
ดอกกุหลาบ ของขวัญ การทำดีต่อกัน การส่งพลังบวก ส่งความห่วงใย ต่างก็ไม่มีคำว่ารัก แต่นั่นก็ทำให้รู้สึก ‘รัก’
และสำหรับหลายคน คำว่า ‘รัก’ มันอาจจะมาในรูปแบบของการทำงานเสร็จแล้วกลับบ้านดึก ๆ แล้วพบว่าคนที่บ้านหลับหมดแล้ว แต่พอเดินเข้าไปในครัวตอนหิว ๆ กลับพบว่ามีข้าวก้นหม้อที่คนในบ้าน อาจจะเป็นแม่หรือใครสักคนหุงรอไว้ พร้อมด้วยอาหารต้มผัดแกงทอดวางรอไว้บนโต๊ะ
เท่านี้ก็ทำให้มองเห็นคำว่ารักวางอยู่ตรงหน้า โดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำนี้ออกมาแม้แต่นิดเดียว
ภาพยนตร์ A Simple Life (2011) อาจจะเป็นความรักแบบนั้น...
A Simple Life (กำกับโดย แอน ฮุย) ภาพยนตร์ฟอร์มดีจากฮ่องกงเรื่องนี้ เริ่มต้นเรื่องด้วยฉากในตลาด อาเต๋า-หญิงชรา ค่อย ๆ เลือกสรรผัก ปลา และวัตถุดิบทำอาหารต่าง ๆ นานาอย่างพิถีพิถัน จนในที่สุดเธอไปหยุดที่ร้านขายกระเทียม เจ้าของร้านพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า เชิญป้าเลือกกระเทียมได้ตามสบายเลย
แต่หลังจากที่เธอตั้งสมาธิเลือกกระเทียมแล้ว เจ้าของร้านและเพื่อนขาเมาท์ในตลาดต่างหัวเราะคิกคักในพฤติกรรมของหญิงชราผู้นี้ ที่พยายามคัดกระเทียมหัวที่ดีที่สุด หัวต่อหัวอย่างละเอียด
เรื่องตลกของคนอื่น อาจจะเป็นเรื่องจริงจังของเรา สิ่งที่อาเต๋าทำ คือการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนที่เธอรัก...
ก่อนที่เรื่องจะขลุกอยู่แต่ในตลาด ฉากตัดมาที่ห้องพักห้องหนึ่ง ที่ค่อนข้างเป็นระเบียบเพราะฝีมืออาเต๋า หญิงชราทำกับข้าวให้กับโรเจอร์ พระเอกของเรื่องซึ่งแสดงโดย หลิวเต๋อหัว (ตอนที่แสดงเรื่องนี้ อายุ 51 ปี)
อาเต๋าเป็นคนรับใช้ประจำตระกูลเหลียงของโรเจอร์มาหลายรุ่น ในขณะที่คนในตระกูล ย้ายไปอยู่อเมริกา เหลือเพียงโรเจอร์คนเดียวที่ยังทำงานเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อยู่ที่ฮ่องกง
ฉากในห้องนี้ จึงดูเรียบ ๆ เหงา ๆ เป็นไปอย่างเรียบง่าย เพราะมีเพียงหนุ่มใหญ่กับหญิงชราที่อยู่ด้วยกันเพียงสองคน โดยฝ่ายหญิงคอยดูแลความเป็นอยู่ให้กับนายน้อยของตนเอง
แต่จุดเปลี่ยนของเรื่องก็คือ ในวันที่หญิงชราเริ่มสังขารเสื่อมไปตามวัย คราวนี้โรเจอร์ต้องเปลี่ยนบทบาทจาก ‘ผู้รับ’ มาเป็น ‘ผู้ให้’ คืนกลับสู่อาเต๋าบ้าง ด้วยความที่พระเอกงานรัดตัว แต่ก็พยายามจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด เขาจึงเสนอว่า จะหาคนรับใช้ให้อาเต๋า แต่หญิงชรากลับขอเลือกไปอยู่ที่บ้านพักคนชราแทนเพื่อลดภาระของโรเจอร์
หากมองในบริบทแบบไทย ๆ แล้ว การที่พาผู้ใหญ่ไปบ้านพักคนชรา สังคมมักจะมองว่า นี่คือความไม่รับผิดชอบของลูกหลาน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ ดูเหมือนว่าการพาคนแก่ไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา เป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ในสังคมฮ่องกง บ้านพักคนชราจึงเป็นธุรกิจเอกชนที่ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน อีกทั้งโรเจอร์พยายามกลับมาเยี่ยมเยียนดูแลอาเต๋า ซึ่งเปรียบเสมือนแม่ของตนเองทุกครั้งที่มีโอกาส
ตัวหนังค่อนข้างราบเรียบ ตัวละครไม่มากนัก บทหนักตกอยู่กับโรเจอร์และอาเต๋า (แสดงโดย ดีนนี่ ยิป นักร้องและนักแสดงสาวที่เล่นหนังตลกมาตั้งแต่ต้นยุค 80s พอมารับบทนี้ เธอเปล่ง ‘ออร่า’ ในการแสดงมาก ๆ) ที่สะท้อนชีวิตของคนในสังคมคู่หนึ่งผ่านกิจวัตรประจำวันที่แสนจะธรรมดา แต่ในความน้อยนิดกลับแสดงออกได้มากมายยิ่ง เสน่ห์ของหนังคือการใส่ใจรายละเอียดในสิ่งที่คนทั้งสองคนกระทำให้กัน ตั้งแต่วันที่อาเต๋าเลือกกระเทียม ไปจนถึงวันที่โรเจอร์คอยป้อนข้าวให้อาเต๋า
ชวนให้กลับมาละเลียดคิดถึงคนที่ห่วงใยเราในบ้านเราเอง วันไหนที่ชีวิตไม่วุ่นมากนัก ลองเปิดหม้อข้าวที่บ้าน ก่อนคดข้าวก้นหม้อใส่จาน
ค่อย ๆ สังเกตดูซิว่า ในไอร้อน ๆ ของหม้อข้าวที่อุ่นไว้ แฝงไปด้วยไอรักของคนที่หุง กี่มากน้อย?
เรื่อง: ณัฐกร เวียงอินทร์