ชิมข้าวตัง ชมนาบัวและสวนผลไม้กับโครงการ “เอไอเอส ตามรอยพระราชา ถอดรหัสนวัตกรรม ณ บ้านศาลาดิน”

ชิมข้าวตัง ชมนาบัวและสวนผลไม้กับโครงการ “เอไอเอส ตามรอยพระราชา ถอดรหัสนวัตกรรม ณ บ้านศาลาดิน”
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดโครงการ “เอไอเอส ตามรอยพระราชา ถอดรหัสนวัตกรรม ณ บ้านศาลาดิน” ที่ได้นำนักศึกษาจำนวน 25 คนจากทั่วประเทศไปทำกิจกรรมพร้อมกับการเรียนรู้การทำเกษตรแบบผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่ และความพอเพียง ตามศาสตร์พระราชา เพื่อให้เข้าใจและนำหลักคิดดี ๆ นี้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและสังคมในอนาคต บ้านศาลาดิน ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เป็นชุมชนวิถีชีวิตริมคลอง ที่ได้รับพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ 1009 ไร่ จากพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดชให้กับเกษตรกรเพื่อใช้ทำมาหากิน ทุกวันนี้หมู่บ้านแห่งนี้ได้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนครปฐม ซึ่งบ้านศาลาดินยังมีภูมิปัญญาไทยที่เรียกได้ว่าเป็นของดีของที่นี้เลยก็ว่าได้ นั้นก็คือ “ข้าวตัง” ที่ทำมาจากข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ หากเราได้มาชุมชนแห่งนี้ จุดแรกที่เราต้องแวะเลยอย่างบ้านข้าวตัง จะมีกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์คอยต้อนรับ เราจะได้ชิมข้าวตังของที่นี่ว่ารสชาติมันอร่อยขนาดไหน แถมที่นี่มีการสอนวิธีการทำข้าวตังอย่างไม่กั๊กสูตรให้เราได้หัดทำ และยังมีไข่เค็ม กล้วยตาก มะม่วงกวน ที่วัตถุดิบทั้งหมดที่นำมาทำนั้นมาจากพื้นที่ในชุมชนทั้งนั้น ถ้าหากถูกใจในรสชาติ ที่นี่ก็มีสินค้าให้เราจับจ่ายซื้อกลับบ้านไปเป็นของฝากได้ด้วย ในครั้งนี้ตลอดเส้นทางการเที่ยวชมเราจะได้ล่องเรือไปตามคลองมหาสวัสดิ์ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี คลองแห่งนี้เป็นคลองเก่าแก่ที่มีการขุดคลองแล้วเสร็จปี พ.ศ.2403 ระยะทาง 28 กิโลเมตร ในรัชกาลที่ 4 สมัยนั้นคลองแห่งนี้ถูกขุดขึ้นเพื่อไว้ใช้สำหรับเป็นเส้นทางหลักในการเสด็จพระราชดำเนินไปพระปฐมเจดีย์ เมื่อมาถึงปัจจุบันคลองแห่งนี้เป็นเส้นทางสัญจรของชาวบ้านและเป็นอีกหนึ่งเส้นทางไว้สำหรับนักท่องเที่ยวได้ล่องเรือ ชิมข้าวตัง ชมนาบัวและสวนผลไม้กับโครงการ “เอไอเอส ตามรอยพระราชา ถอดรหัสนวัตกรรม ณ บ้านศาลาดิน” จุดที่สองที่ได้ล่องเรือไปคือ นาบัวลุงแจ่ม พื้นที่กว่า 15 ไร่ ที่ปลูกดอกบัวสัตตบงกชสีชมพูเด่นตาทั่วนา พร้อมทั้งสะพานไม้เอาไว้ให้ไปยืนถ่ายรูปสวยๆ คู่กับดอกบัว หรือจะไปนั่งเล่นรับลมเย็นๆ โชยมากระทบหน้าบนศาลากลางน้ำก็ย่อมได้ แต่ถ้าอยากเห็นช่วงที่ดอกบัวสวยที่สุดเราขอแนะนำให้ไปในช่วงของเดือนมีนาคม –เมษายน ที่ดอกบัวจะออกดอกดีกว่าช่วงของเดือนอื่น ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังมีกิจกรรมอย่างการพายเรือชมวิวทิวทัศน์พร้อมเก็บดอกบัว หรือจะเรียนจีบดอกบัวที่นี่ก็มีสอนถึง 4 รูปแบบ คือ ลายพื้นฐาน ลายพิกุล ลายกุหลาบ ลายบายศรี ชิมข้าวตัง ชมนาบัวและสวนผลไม้กับโครงการ “เอไอเอส ตามรอยพระราชา ถอดรหัสนวัตกรรม ณ บ้านศาลาดิน” นอกจากนี้นาบัวแห่งนี้ยังมีคาเฟ่เล็ก ๆ ที่คอยให้บริการขายอาหารและน้ำที่มีส่วนผสมของดอกบัวอย่าง เมี่ยงคำกลีบบัว ที่มีการใส่ส้มโอ มะพร้าวคั่ว มะนาว พริกขี้หนู ถั่วลิสง กุ้งแห้ง ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกันมาก เมื่อเคี้ยวไปเราจะได้สัมผัสรสชาติหลายระดับที่ทำให้อยากจะหยิบลิ้มลองอีกเรื่อย ๆ และยังมีเมนูอื่น ๆ ให้เลือกสรรอย่าง ส้มตำไหลบัว ยำไหลบัว แกงส้มไหลบัว เมื่ออิ่มแล้วเราก็ตบท้ายด้วยน้ำเกสรดอกบัว ที่มีรสชาติหวานนิด ๆ หอมกลิ่นดอกบัวอ่อน ๆ ทานแล้วจะรู้สึกเย็น ๆ สดชื่น ๆ ที่ไม่ได้มีเพียงความอร่อยที่เราจะได้รับเท่านั้น น้ำเกสรดอกบัวยังสามารถช่วยแก้ในเรื่องโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และที่นี่ได้มีการผ่านการตรวจสอบมาแล้วรับรองกินได้ไม่มีสารตกค้างปลอดภัยแน่นอน แถมราคาไม่แพงอีกด้วย เรามาล่องเรือไปต่อในจุดที่สาม สวนผลไม้คุณลุงบุญเลิศ (ป๋าแจ๋ว) ชมสวนผลไม้ฉบับชาวไร่ชาวสวนและการทำเกษตรผสมผสานที่มีทั้ง ส้มโอ ขนุน มะม่วง กล้วย 10 กว่าชนิด มะนาว กระท่อน มะปราง และผลไม้อีกหลากหลายชนิดที่ออกผลตลอดฤดูกาล แถมยังมีวิวแบบ 360 องศาให้ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ของกลิ่นอายของทุ่งนาแบบใกล้ชิด และยังมีของโอท็อปอย่างชาเกสรดอกบัว ชาดอกบัวหลวง เมี่ยงคำบัวหลวง หมวกสานทำมือ ขนมอีกหลากหลายให้ได้ช็อปกัน สวนผลไม้ป้าแจ๋วยังมีการสอนทำขนมไทยพื้นบ้านโบราณอย่างข้าวตู ที่มีรสชาติหวานจากน้ำตาลมะพร้าวและส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งในปากจาก ข้าวที่นำมาคั่ว งา และมะพร้าว ไม่หมดเพียงเท่านี้ ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ของที่นี่คือการนั่งรถอีแต๋นสุดซิ่งที่พร้อมมอบความหวาดเสียวให้กับทุกคน จากการโค้งสุดชำนาญบนเส้นทางเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรมากั้น ถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวก็คงได้ตกลงไปบนทุ่งนาเป็นแน่ แล้วถ้ายิ่งจังหวะที่คุณลุงคนขับกระโดดลงจากรถ ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นเข้าไปอีก เป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิตที่อยากชวนให้มาลองสักครั้ง ชิมข้าวตัง ชมนาบัวและสวนผลไม้กับโครงการ “เอไอเอส ตามรอยพระราชา ถอดรหัสนวัตกรรม ณ บ้านศาลาดิน” นอกจากที่เที่ยว 3 จุดนี้ บ้านศาลาดินยังมี บ้านฟักข้าว เราจะได้เห็นแปลงฟักข้าวอันร่มรื่น และผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ได้มีการนำฟักข้าวมาเป็นส่วนประสมหลักในการนำมาทำ อาทิ น้ำฟักข้าว คุกกี้ฟักข้าว หมี่กรอบฟักข้าว และยังมีสวนกล้วยไม้นานาชนิดที่เพาะปลูกแบบธรรมชาติ ที่คอยออกดอกอย่างสวยสดงดงามให้เราได้เดินชม ยิ่งไปกว่านั้นสวนกล้วยไม้ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตกล้วยไม้ส่งออกที่สำคัญของประเทศไทย ที่มีสีม่วงสดโดดเด่นงดงามอย่าง “กล้วยไม้พันธุ์ทัศนีย์” เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของชาวมหาสวัสดิ์ ปิดท้ายด้วยตลาดน้ำคลองมหาสวัสดิ์ที่จะเปิดให้บริการในช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ ที่จะเป็นการขายสินค้าจากคนในชุมชนที่มาจากการเพาะปลูกในพื้นที่ของตนเองรับรองความสดใหม่จากสวนแท้ ๆ บ้านศาลาดินถือเป็นสถานที่หนึ่งที่เมื่อเรามา เราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบจริงๆ ได้เรียนรู้หลักคิดดี ๆ จากศาสตร์พระราชา ได้รับอากาศบริสุทธิ์และความสงบร่มเย็น ได้กินของอร่อย ๆ ได้เลือกซื้อสินค้าอย่างหลากหลาย ได้มีกิจกรรมที่เปิดประสบการณ์ชีวิตมากมาย เรียกได้ว่าครบครันในที่เดียว เรื่อง : ภัคจีรา ทองทุม