แอมเบอร์ เฮิร์ด ราชินีผมแดงจาก Aquaman กับเรื่องเฮิร์ทๆ ของความรัก

แอมเบอร์ เฮิร์ด ราชินีผมแดงจาก Aquaman กับเรื่องเฮิร์ทๆ ของความรัก
หลังโชว์ความสวยแซ่บกับลุคราชินีผมแดง “เมร่า” เจ้าแม่แห่ง 7 คาบสมุทรในภาพยนตร์ Aquaman (2018) เชื่อว่าคนดูหนังหลายคนโดน แอมเบอร์ เฮิร์ด “ตก” เป็นที่เรียบร้อย ทั้งยังกระโดดเข้าไปกอดปลอบประโลมหลังประโยคเฮิร์ทๆ “บางครั้งเราต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง ถึงแม้หัวใจจะเจ็บปวดก็ตาม” แต่คุณรู้ไหมว่า เห็นหน้าสวยๆ แบบนี้ ชีวิตรักของเธอก็มีแต่ “ความเจ็บปวดที่ต้องแบกรับ” ไม่แพ้กัน อันที่จริง แอมเบอร์ เฮิร์ด เป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดที่อยู่ในวงการมาได้สักระยะแล้ว ทว่าภาพยนตร์ของเธอส่วนใหญ่อาจไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างนัก หนำซ้ำยังเป็นตัวประกอบเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น Zombieland (2009), Machete Kills (2013), 3 Days to Kill (2014), Magic Mike XXL (2015) หรือ The Danish Girl (2015) ก่อนบท เมร่า จะชุบชีวิตเธอสู่แสงสปอตไลท์ได้สำเร็จ ผลงานภาพยนตร์ช่วงแรกไม่ได้สร้างชื่อให้กับเธอสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับชีวิตรักของเธอดูเหมือนจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเช่นกัน เฮิร์ดเริ่มออกเดทกับผู้กำกับและนักแสดงอยู่หลายคนช่วงปี 2004-2008 ซึ่งล้วนแล้วเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนจะมีความสัมพันธ์ระยะยาวกับช่างภาพสาวเท่ แทสยา ฟาน รี ช่วง 2008 ถึง 2012 พร้อมกับการออกมายอมรับว่าเป็นไบเซ็กชวลในปี 2010 “ฉันไม่ได้มีรสนิยมทางเพศเดียว ฉันตกหลุกรักที่ตัวคน ไม่ใช่เพศ ทุกคนก็รู้ แม้กระทั่งครอบครัวที่เป็นอนุรักษนิยมของฉัน” แต่เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะภรรยาพระเอกคราวพ่อ จอห์นนี เดปป์ หลังจากทั้งสองมีโอกาสแสดงภาพยนตร์ร่วมกันใน The Rum Diary (2011) ซึ่งเธอกับเขาได้แต่งงานกันในปี 2015 น่าเสียดาย เธอกับเขาต้องเลิกรากันแบบไม่ดีนักภายในระยะเวลา 15 เดือนเท่านั้น ผลพวงการเลิกราครานั้น ทำให้เธอเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เธออ้างว่าถูก จอห์นนี เดปป์ ทำร้ายร่างกายด้วยการโยนไอโฟนใส่หน้า และมีการฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดูจากการหย่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สวนทางกับสื่อหลายสำนักและเพื่อนๆ ในวงการที่ออกมาปกป้องป๋าเดปป์ว่าเขาเคยทำร้ายใคร อีกทั้งยังกลายเป็นโรคซึมเศร้าหลังเลิกรากับสาวเจ้าอีกด้วย (มีข่าวว่าเดปป์ไม่พอใจในตัวเฮิร์ดที่แอบนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับ บิลลี บ็อบ ธอร์นตัน) ไม่นานเธอก็ถอนฟ้องคดีความ สื่อต่างๆ วิเคราะห์ว่าถึงสู้ไปก็อาจจะแพ้ ซ้ำร้ายอาจเสียอนาคตในวงการอีก ซึ่งเธอยังนำเงินค่าเลี้ยงดูจากการหย่า 7 ล้านเหรียญจากเดปป์ไปบริจาคการกุศล 2 แห่ง คือ American Civil Liberties Union (ซึ่งได้รับเกียรติเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์) และ Children’s Hospital Los Angeles ในสิ้นปี 2018 หลังเลิกราได้ไม่นาน เฮิร์ดก็มีข่าวปลูกต้นรักครั้งใหม่กับ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของแบรนด์ Tesla ผู้โด่งดัง ทั้งคู่คบกันระยะเวลาไม่ถึงปีก็ประกาศเลิกรากัน โดยตัวแทนทั้งสองฝ่ายให้เหตุผลว่า “เวลาไม่ตรงกัน” อย่างไรก็ดี เธอออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า แม้จะเลิกกันไปแล้ว พวกเขายังเป็นเพื่อนที่ดี และยังสนิทสนมรักกันเหมือนเดิม “อีลอนกับฉันมีความสัมพันธ์ที่สวยงาม และตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วยรสนิยมที่คล้ายกัน เช่น ความใคร่รู้ทางปัญญา ไอเดีย การสนทนา และการแชร์ความรักเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เรารู้สึกเชื่อมโยงกันจากสิ่งที่คุยกันหลายๆ อย่าง และฉันรู้สึกเคารพเขา” ทั้งนี้ทั้งนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเฮิร์ดกับมัสก์เริ่มก่อตัวตั้งแต่ปี 2012 ระหว่างการถ่ายทำ Machete Kills เมื่อ อีลอน มัสก์ ส่งอีเมล์มายังผู้กำกับ โรเบิร์ต โรดริเกซ ซึ่งเปิดเผยกับ The Hollywood Reporter ในปี 2016 ว่า “คุณช่วยส่งโน้ตถึงเธอว่าผมอยากชวนมากินอาหารกลางวันที่ แอลเอ? ผมไม่ได้ชวนเธอเดท ผมรู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์ระยะยาวอยู่ (กับจอห์นนี เดปป์) แต่แอมเบอร์เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจที่จะพบเจอ” หลังเลิกกับมัสก์ เธอเองก็มีข่าวว่าออกเดทกับคนอื่นเป็นระยะๆ ทั้ง ดารารุ่นใหญ่ ฌอน เพนน์, นางแบบสาวฝรั่งเศส มาเรีย เดอ วีลแป็ง รวมทั้ง วิโต ชนาเบล นักธุรกิจสายศิลปะอดีตคนรักของนางแบบรุ่นใหญ่ ไฮดี คลุม ซึ่งเขาและเธอมีภาพหลุดออกมาเป็นระยะ ทว่าก็ไม่มีการประกาศคบกันอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ล่าสุดเธอให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Marie Claire เดือนธันวาคม 2018 โดยยอมรับว่าตัวเองมีรสนิยมหาคู่ที่แย่มาก และบอกว่า หลังปีแห่งเลวร้ายของการเดท เธอปรารถนาเดทใหม่ที่เป็นความโรแมนติกแบบดีๆ (Healthy Romance) กับเขาบ้างเสียที “มีเรื่องตลกในกลุ่มเพื่อนเล็กๆ ของฉันที่เรียกฉันว่าหายนะ (Calamity)” เธอกล่าว “ฉันหวังว่าจะพบความสัมพันธ์ที่จริงใจจากใครสักคนที่สมบูรณ์ และฉันต้องการมันจริงๆ” หวังว่าในปี 2019 ที่จะถึงนี้ เธอจะมีความรักที่ดีต่อใจบ้างเสียที และใคร (ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย) จะเป็นคนโชคดี (?) คนนั้น   ที่มา