เบบี เพ็กกี นักแสดงหนังเงียบคนสุดท้ายที่ยังมีลมหายใจ

เบบี เพ็กกี นักแสดงหนังเงียบคนสุดท้ายที่ยังมีลมหายใจ

นักแสดงหนังเงียบคนสุดท้ายที่ยังมีลมหายใจ

ยุคนี้หลายคนอาจไม่มีโอกาสรับชมภาพยนตร์เงียบกันเท่าไหร่ เพราะปัจจุบันภาพยนตร์ได้เปลี่ยนศาสตร์การนำเสนอตามเทคโนโลยีที่มีภาพและเสียงเพิ่มอรรถรสการชมให้เต็มศักยภาพมากขึ้น แต่หากย้อนไปช่วง ค.ศ. 1894 – 1928 ภาพยนตร์ที่ฉายในโรงยังเป็นแค่ภาพและการแสดงดนตรีประกอบ ซึ่งถึงแม้ยุคของภาพยนตร์เงียบจะมีอายุเพียงสั้นๆ แต่ก็เป็นประวัติศาสตร์ล้ำค่าของวงการที่มีอิทธิพลมาถึงปัจจุบัน บรรดานักแสดงในยุคนั้นต่างล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา แต่มีนักแสดงคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ในวัย 101 ปี เธอคือ เบบี เพ็กกี (Baby Peggy) หรือชื่อจริง ไดอานา เซอร์รา แครี (Diana Serra Cary) นักแสดงภาพยนตร์เงียบคนสุดท้ายที่ยังหายใจ อดีตดาราเด็กผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคภาพยนตร์เงียบของฮอลลีวูด เบบี เพ็กกี เริ่มการแสดงครั้งแรกด้วยวัยเพียง 18 เดือนใน Playmates (1921) การที่เธอสามารถแสดงออกทางสีหน้าได้เก่ง และมีผมบ็อบหน้าม้าหน้าตาน่ารัก ทำให้เธอได้โดดเด่นเหนือนักแสดงคนอื่นๆ พอหนังออกฉายก็ประสบความสำเร็จ พ่อแม่ของเธอจึงตัดสินใจเซ็นสัญญาระยะยาวทันที แล้วเธอก็มีผลงานฮิตมากมาย เช่น Captain January (1924), Helen's Babies (1924) หรือ The Family Secret (1924) ตามมา เดวิด โรบินสัน นักประวัติศาสตร์ภาพยนตร์กล่าวถึง เบบี เพ็กกี ว่า “เธอไม่ใช่ดาราเด็กคนแรกของวงการ แต่เธอเป็นนักแสดงพรสวรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยความตลกแบบธรรมชาติ เป็นนักล้อเลียนที่ทรงประสิทธิภาพ มีบุคลิกเฉพาะตัวที่โดดเด่นจากคนอื่น ทั้งยังมีการแสดงความรู้สึกและกิริยาท่าทางที่โตเกินวัย” ความสำเร็จของเพ็กกีคือการถ่ายทำภาพยนตร์เงียบกว่า 150 เรื่อง ได้รับจดหมายจากแฟนคลับกว่า 1.2 ล้านฉบับ และได้รับเงินเดือนกว่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ปรับค่าเงินเฟ้อแล้วจะประมาณ 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 72.5 ล้านบาท) กระทั่งฮอลลีวูดขนานนามให้เธอเป็น “Million Dollar Baby” เธอสามารถสร้างอิทธิพลต่อชาวอเมริกันนับล้านในการแห่กันซื้อตุ๊กตาเบบี เพ็กกี เครื่องประดับ แผ่นเสียง หรือกระทั่งเครื่องดื่มนมที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ นับเป็นช่วงเวลาเฟื่องฟูชื่อเสียงที่สุดในชีวิตของเธอ “ผู้คนต่างบอกว่าการแสดงของฉันได้เปลี่ยนชีวิตพวกเขา” เพ็กกีให้สัมภาษณ์ใน The Hollywood Reporter “นักแสดงเด็กเป็นสิ่งสำคัญมากในเวลานั้น และ เบบี เพ็กกี ประทับความสวยงามลงในใจพวกเขาได้สำเร็จ”   [caption id="attachment_13280" align="alignnone" width="478"] เบบี เพ็กกี นักแสดงหนังเงียบคนสุดท้ายที่ยังมีลมหายใจ Baby Peggy[/caption]   อย่างไรก็ตาม โชคชะตาก็เล่นตลกกับเธออย่างรวดเร็วจากมรสุมชีวิตทางครอบครัว เมื่อคุณพ่อและแม่ต้องการเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เธอหาได้มาใช้เอง เธอบอกว่าพวกเขาติดนิสัยสุรุ่ยสุร่ายราวกับว่าสามารถใช้เงินได้อย่างไม่มีวันหมด “คุณพ่อของฉันสูญเสียบทบาทผู้นำครอบครัวลงในวันหนึ่ง ทั้งๆ ที่การดูแลครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้ชาย เขาไม่ได้เป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวอีกต่อไป” เงินกว่า 15 ล้านเหรียญฯ ถูกใช้ไปกับบ้านขนาด 14 ห้องนอน รถยนต์หรู และบัตรสมาชิกกอล์ฟคลับ อย่างไรก็ตาม เธอกลับไม่คิดโทษพวกเขาเลย แม้จะมองว่ามันเป็นการกระทำที่โง่เขลา เธอบอกว่าพวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งเลวทรายต่ำช้าใดๆ “มันเป็นเรื่องเศร้านะ – ฉันคิดว่าพวกเขาไม่เคยเรียนรู้อะไรเลยเกี่ยวกับฉันและตัวพวกเขาเอง พวกเขาไม่เคยถามอะไรที่มีผลกระทบต่อตัวฉัน... ในทางหนึ่งฉันเป็นคนเดียวที่หาเงินทั้งหมด แต่พวกเขาไม่เคยตระหนักถึงมันเลย” และแล้วก็เกิดข้อพิพาทเรื่องค่าตอบแทนระหว่างคุณพ่อกับบริษัทหนัง ทำให้เด็กสาวคนนี้ถูกยกเลิกสัญญา และขึ้นบัญชีดำในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นการตอบแทน ท้ายที่สุดเพ็กกีเหลือเพียงบทบาทเล็กๆ ก่อนจะลาออกจากวงการขณะอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น ปัจจุบับเพ็กกีหันมาเอาดีด้านการเขียนหนังสือ โดยออกหนังสือเล่มแรกในปี 1975 เกี่ยวกับภาพยนตร์คาวบอยยุคบุกเบิก ตามมาด้วยรวมบทสัมภาษณ์นักแสดงเด็กที่เติบโตในกองถ่ายเหมือนเธอในปี 1978 ส่วนเล่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดคือบันทึกชีวิตส่วนตัว “Whatever Happened to Baby Peggy?” ในปี 1996 ขณะที่เธอเพิ่งเขียนหนังสือเล่มล่าสุดและเป็นนิยายเล่มแรกของเธอกับ “The Drowning of the Moon” ในวัย 99 ปี เพ็กกีกล่าวถึงระบบการทำงานเขียนของเธอว่า แต่ละวันเธอเขียนงานแบบไม่หยุดพักกว่า 4-5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นความสุขในวัยนี้ ทั้งยังไม่มีแผนวางมือจากการเขียนอีกด้วย “ชีวิตยังมีประสิทธิภาพเสมอ แต่ละวันเต็มไปด้วยความสุดขั้วของการเมือง การค้นพบวิทยาศาสตร์ที่น่าอัศจรรย์เกี่ยวกับโภชนาการอาหารหรือสุขภาพที่ดี และฉันกำลังหลงใหลในชีวิตที่ดีหลังจากนี้” ด้วยการหมั่นดูแลรักษาสุขภาพอยู่เสมอ 29 ตุลาคม 2018 เธอมีอายุ 100 ปีพอดิบพอดี และเมื่อถามเธอความสุขในชีวิตวันนี้ เพ็กกีตอบว่า

การอยู่นั่งอยู่ใต้หลังคากับครอบครัวที่รักอย่างปลอดภัยในบ้านตัวเอง และเฝ้ามองพวกเขาเติบโต

  ที่มา