Backstreet Boys ชื่อนี้ยังขายได้เสมอ และอะไรที่ทำให้เจ้าพ่อบอยแบนด์ยุค 90s กลับมาทวงชาร์ท

Backstreet Boys ชื่อนี้ยังขายได้เสมอ และอะไรที่ทำให้เจ้าพ่อบอยแบนด์ยุค 90s กลับมาทวงชาร์ท

       Backstreet Boys น่าจะเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึงหากพูดถึงวงบอยแบนด์ในตำนาน เจ้าของเพราะติดหูอย่าง I Want it That Way และ As Long As You Love Me ในช่วงปลายยุค 90s ความดังของ Backstreet Boys จัดอยู่ในระดับเดียวกับวงบอยแบนด์เคป็อปอย่าง BTS เลยก็ว่าได้ พวกเขามีแฟนเพลงกระจายตัวอยู่มากมายทั่วโลก และทำสถิติสร้างยอดขายอัลบั้มในสัปดาห์แรกได้สูงกว่า 1 ล้านอัลบั้ม และมียอดรวมสูงกว่า 9 ล้านอัลบั้ม ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกิดได้ยากมากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามความตื่นเต้นนี้ได้ลดน้อยลง เมื่อสมาชิกมีปัญหากับค่าย และพักกิจกรรมวงในปี 2002

แล้วเรื่องน่ามหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในปี 2019 เมื่อ Backstreet Boys ปล่อยอัลบั้มเต็มหลังจากหายไปกว่า 6 ปี กับอัลบั้มชื่อ DNA ซึ่งทะยานขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ท Billboard 200 ไปอย่างสวยงาม หลังจากไม่สามารถเจาะตำแหน่งสูงสุดบนชาร์ทได้เกือบ 20 ปี เรื่องราวนี้สามารถเป็น Case Study ชั้นดีสำหรับวงบอยแบนด์รุ่นต่อไปได้เลย เรามาลองวิเคราะห์กันดีกว่าว่าอะไรที่ทำให้บอยแบนด์ยุค 90s ที่เคยเงียบหายไป กลับมาปังและดังอีกครั้งในปัจจุบัน

Backstreet Boys ชื่อนี้ยังขายได้เสมอ และอะไรที่ทำให้เจ้าพ่อบอยแบนด์ยุค 90s กลับมาทวงชาร์ท

ปัจจัยที่หนึ่ง: คนโหยหายุค 90s

กระแสโหยหายุค 90s ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ไม่เฉพาะในฝั่งตะวันตกเท่านั้น ในบ้านเราก็มีการรียูเนี่ยนศิลปินรุ่นเก่าหรือคอนเสิร์ตรวมศิลปินดังในยุคก่อนมากมาย ทำให้การกลับมาครั้งนี้ของ Backstreet Boys ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นกว่าเดิมจากแฟนๆ ที่อยากหวนความหลัง นึกถึงวันก่อนๆ

ปัจจัยที่สอง: ทดลองแนวเพลงใหม่ แต่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิม

ตั้งแต่ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มที่ปล่อยออกมาในปี 2018 อย่าง Don’t Go Breaking My Heart คนฟังอย่างเราสามารถรับรู้ได้ทันทีว่า Backstreet Boys กำลังทดลองแนวเพลงใหม่ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะอัลบั้ม DNA ผสมผสานเพลงแดนซ์อิเล็กทรอนิกส์และบัลลาดซึ้งกินใจได้อย่างลงตัว และพวกเขาไม่ลืมที่จะรักษาเอกลักษณ์การประสานเสียงที่ไพเราะไว้ทั้งอัลบั้มด้วย

Backstreet Boys ชื่อนี้ยังขายได้เสมอ และอะไรที่ทำให้เจ้าพ่อบอยแบนด์ยุค 90s กลับมาทวงชาร์ท

ปัจจัยที่สาม: จับมือกับโปรดิวเซอร์รุ่นใหม่

แน่นอนว่าการจะทำเพลงให้เหมาะกับสมัยนี้ จำเป็นต้องมองผ่านมุมมองของโปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ การร่วมมือของ Backstreet Boys กับโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงแถวหน้าของยุคจึงเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้เพลงของพวกเขากลับมาติดหูคนฟังอีกครั้ง โดยตัวท็อปที่พวกเขาทำเพลงด้วยก็มี โปรดิวเซอร์นักร้องนำแห่ง One Republic ที่เขียนเพลงฮิตให้ศิลปินมากมายอย่าง Ryan Tedder และ Shawn Mendes ศิลปินป๊อปหน้าใหม่ เมื่อผนวกมุมมองของโปรดิวเซอร์ไฟแรงเหล่านี้เข้ากับความเก๋าของ Backstreet Boys ผลลัพธ์ที่ได้จึงกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของเพลงเพราะที่ติดหูคนฟัง

ปัจจัยที่สี่: ฐานแฟนคลับที่มีกำลังซื้อมากขึ้น

ไม่ใช่แค่ศิลปินที่โตขึ้น แต่แฟนคลับก็เติบโตขึ้นเช่นกัน หากเป็นเมื่อก่อน แฟนคลับของ Backstreet Boys อาจจะต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการเก็บเงินเพื่อจะซื้ออัลบั้มของพวกเขา แต่วันนี้แฟนคลับกลุ่มนี้เติบโตและมีงานทำกันหมดแล้ว พวกเขาสามารถสนับสนุนศิลปินที่รักได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบัตรคอนเสิร์ต หรือการซื้ออัลบั้ม

Backstreet Boys ชื่อนี้ยังขายได้เสมอ และอะไรที่ทำให้เจ้าพ่อบอยแบนด์ยุค 90s กลับมาทวงชาร์ท

ปัจจัยที่ห้า: ขายแพ็คเกจ ซื้ออัลบั้มพร้อมตั๋วคอนเสิร์ต

เป็นดีลที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม จนทำให้แฟนเพลงที่รอคอยอัลบั้มของ Backstreet Boys มานานรีบกดจองกดซื้อกันแทบไม่ทัน ส่งผลให้อัลบั้ม DNA กลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดประจำสัปดาห์ และทำยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 234,000 ยูนิต ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูงพอสมควรในยุคที่คนเลิกซื้ออัลบั้ม และหันมาฟังเพลงผ่านการสตรีมมิ่งออนไลน์แทน

ความสำเร็จอันยาวนานของ Backstreet Boys เป็นอีกข้อพิสูจน์ว่าถ้าคุณเก่งจริง คุณจะกลับมาเป็นที่รักของแฟนเพลงได้เสมอ ก่อนนี้พวกเขาถูกเชิญให้ไปแสดงโชว์ที่ลาส เวกัส แต่ล่าสุด Backstreet Boys กำลังจะออกทัวร์ครั้งใหญ่ในรอบ 18 ปี ซึ่งมีประเทศไทยเป็นหนึ่งจุดหมายสำคัญด้วย กับคอนเสิร์ต Backstreet Boys DNA World Tour Live in Bangkok จัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคมนี้ ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-6 ซื้อบัตรได้เลยที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือคลิก www.thaiticketmajor.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 0-2262-3838

Backstreet Boys ชื่อนี้ยังขายได้เสมอ และอะไรที่ทำให้เจ้าพ่อบอยแบนด์ยุค 90s กลับมาทวงชาร์ท