Saucony รองเท้าที่ไปเหยียบดวงจันทร์ กับความท้าทายการเป็น Top 3 ของตลาดรองเท้าวิ่งในไทย

Saucony รองเท้าที่ไปเหยียบดวงจันทร์ กับความท้าทายการเป็น Top 3 ของตลาดรองเท้าวิ่งในไทย

การที่แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งสามารถยืนระยะมาได้นานนับร้อยปี อาจเป็นหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร็จของแบรนด์นั้นได้ เช่นเดียวกับ Saucony (อ่านว่า ซอค-เคอะ-นี) แบรนด์รองเท้าวิ่งสัญชาติอเมริกันที่เคยไปเหยียบดวงจันทร์ ซึ่งวันนี้เดินทางมายาวนานถึง 125 ปี

  • Saucony เป็นแบรนด์รองเท้าที่เก่าแก่แบรนด์หนึ่งของโลก โดยก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1898 
  • แม้จะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ไฮไลท์สำคัญเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 กับภารกิจ Apollo 11 เมื่อ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin สวมรองเท้า Saucony ไปเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรก
  • ในไทย Saucony มี ‘เรฟ อีดิชั่น’ เป็นตัวแทนจำหน่ายและวางเป้าหมายเป็น Top 3 ของตลาดรองเท้าวิ่งในไทย ภายในปี ค.ศ.2024   

ย้อนกลับไปปี ค.ศ. 1898 ชายหนุ่ม 4 คน ได้แก่ William A. Donmoyer, Thomas S. Levan, Walter CC Snyder และ Benjamin F. Reider ได้ให้กำเนิด Saucony ขึ้น ณ เมือง Kutztown รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการนำชื่อลำธาร Saucony Ceek ซึ่งไหลถัดจากที่ตั้งของโรงงานมาตั้งเป็นชื่อโรงงานและชื่อแบรนด์ 

ในปี ค.ศ. 1910 โรงงานมีกำลังผลิตรองเท้าอยู่ประมาณ 800 คู่ต่อวัน และพยายามเจาะกลุ่มนักกีฬา โดยเฉพาะกลุ่มนักวิ่งมากขึ้น เนื่องจากเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น กระทั่งปี ค.ศ. 1958 ได้เปิดตัวรองเท้าวิ่งรุ่นแรก นั่นคือ 7446 Spike รองเท้าวิ่งแทรคน้ำหนักเบา ทำจากหนังจิงโจ้ (คนยุคนั้นยังใส่รองเท้าวิ่งทำจากหนังวิ่ง ไม่ใช่รองเท้าผ้าใบอย่างที่เราเห็นในตอนนี้)

Saucony รองเท้าที่ไปเหยียบดวงจันทร์ กับความท้าทายการเป็น Top 3 ของตลาดรองเท้าวิ่งในไทย

ร่วมภารกิจพิชิตดวงจันทร์

Saucony ได้รับการตอบรับดีมาตลอด แต่ในปี ค.ศ.1968 หลังต้องเผชิญการแข่งขันดุเดือดกับแบรนด์ที่เติบโตเร็วในช่วงนั้นอย่าง Nike และ Reebok ทำให้ Saucony ถูกขายให้กับ Hyde Athletic Industries บริษัทรองเท้ากีฬาได้รับสิทธิ์ในการผลิตรองเท้าให้กับกองทัพสหรัฐฯ 

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของมนุษยชาติของแบรนด์นี้ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน Hyde Athletic Industries ได้เข้าร่วมโปรเจกต์ออกแบบ Space Boots ให้กับ NASA เพื่อให้นักบินอวกาศมีรองเท้าประสิทธิภาพสูงใส่ไปทำภารกิจนอกโลก และ Saucony เป็นผู้ดูแลการผลิตไปจนถึงการออกแบบทั้งหมดสำหรับงานนี้

โดยไฮไลต์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969 กับภารกิจ Apollo 11 เมื่อ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin สามารถไปเยือนและประทับรอยเท้าบนพื้นผิวดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ซึ่งรอยเท้าที่ประทับพื้นดวงจันทร์ก็คือรอยของพื้นรองเท้า Saucony นั่นเอง 

หลังจาก Hyde Athletic Industries หมดสัญญากับกองทัพสหรัฐฯ Saucony ก็กลับมาโฟกัสกับการทำรองเท้าวิ่งอย่างจริงจัง และพัฒนารุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ Jazz ในปี ค.ศ. 1981, Shadow ในปี ค.ศ. 1985, Grid ปี ค.ศ. 1991 เป็นต้น 

ปัจจุบัน Saucony มีวางจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย และเป็นแบรนด์ภายใต้การดูแลของ  Wolverine Worldwide ผู้ผลิตรองเท้าสัญชาติอเมริกันรายใหญ่และถือสิทธิ์รองเท้าอีกหลายแบรนด์ เช่น Hush Puppies, Merrell, Keds, Stride Rite และ Sperry Top-Sider เป็นต้น

เป้าหมาย Top3 ผู้นำรองเท้าวิ่งในไทย

สำหรับประเทศไทย ทาง ‘บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด’ เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นี้ตั้งแต่ ค.ศ. 2020 และได้ประกาศจะพา Saucony ขึ้นเป็น Top  3 ของตลาดรองเท้าวิ่งในประเทศไทยในปี ค.ศ. 2024 จาก ณ ตอนนี้อยู่ในอันดับ Top 5  ใกล้เคียงกับ Nike, Adidas, Asic และ Hoka

“ในตลาดโลก Saucony ก็อยู่ประมาณ Top 5 ถามว่าทำไมโฟกัสรองเท้าวิ่ง เพราะเติบโตน่าสนใจมาก เห็นจากที่เราทำตลาดอุปกรณ์กีฬามา 22 ปี ยอดขายครึ่งหนึ่งของบริษัทมาจากรองเท้าวิ่ง และช่วง 2 - 3 ปีที่มีโควิด-19 ตลาดนี้โตชัดเจน ขณะที่ตลาดอื่นตก” พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด เล่าให้ฟัง พร้อมเสริมว่า 

Saucony รองเท้าที่ไปเหยียบดวงจันทร์ กับความท้าทายการเป็น Top 3 ของตลาดรองเท้าวิ่งในไทย

จุดที่ทำให้ Saucony อยู่มายาวนานถึง 125 ปี หลัก ๆ เพราะเป็นแบรนด์ที่มีโฟกัสในการเป็นรองเท้าวิ่งอย่างเดียว เปรียบเสมือน ‘รองเท้าสามัญประจำบ้านของนักวิ่ง’ โดยนักวิ่งในสหรัฐอเมริกา 80% จะต้องมีแบรนด์นี้ในครอบครอง 

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีและโปรดักต์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ อาทิ เป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ที่มีการนำ ‘เพลทคาร์บอน’ ซึ่งช่วยเพิ่มแรงส่งในการวิ่งมาฝังในพื้นรองเท้า โดยเทคโนโลยีนี้ถือเป็นการสร้างจุดเปลี่ยนของวงการรองเท้าวิ่งเลยก็ว่าได้ และยังเป็นแบรนด์แรกที่มีเทคโนโลยีสำหรับนักวิ่งเร็ว หรือ Elite มาพัฒนาให้นักวิ่งทุกคนใส่ได้ 

“Saucony เป็นแบรนด์ที่กลุ่มนักวิ่งดั้งเดิมรู้จักดีอยู่แล้ว เนื่องจากมีมานาน บวกกับเรื่องเทคโนโลยีและการพัฒนาโปรดักต์ที่ครอบคลุมการวิ่งหลายกลุ่ม ทำให้กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์กว้างขึ้น และเป็นโอกาสทางธุรกิจของแบรนด์ด้วย”

Saucony รองเท้าที่ไปเหยียบดวงจันทร์ กับความท้าทายการเป็น Top 3 ของตลาดรองเท้าวิ่งในไทย

อย่างไรก็ตาม ด้วยการเป็นแบรนด์ที่อาจจะไม่แมสเหมือนแบรนด์คู่แข่งอื่น ๆ ทำให้ทางเรฟ อีดิชั่น วาง 3 กลยุทธ์ในการนำแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ได้แก่ 1. ตั้งราคาขายให้ใกล้เคียงหรือถูกกว่าต่างประเทศ เพื่อเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องรอ เช่น รองเท้ารุ่น Endorphin Elite ตั้งราคาขายไว้คู่ละ 8,990 บาท ซึ่งถูกกว่าซื้อจากต่างประเทศ

2. การสร้างความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีของรองเท้า เพราะเป็นอีกจุดตัดสินใจซื้อของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าคนไทยที่สนใจรายละเอียดของรองเท้าเป็นอย่างมาก เช่น วัสดุโฟมพื้นรองเท้าทำจากอะไร รองรับดีหรือไม่ มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ฯลฯ เพราะมองว่ามีผลต่อการวิ่ง

และ 3. ช่องทางจัดจำหน่าย ด้วยการเพิ่มช่องทางให้หลากหลาย ได้แก่ Saucony Official Store ที่ตอนนี้มีอยู่ 2 แห่ง คือ เซ็นทรัลเวสต์เกต และสยามเซ็นเตอร์, ร้าน Rev Runnr ซึ่งเป็นร้านรองเท้าวิ่งมัลติแบรนด์ในเครือเรฟ อีดิชั่น และร้านกีฬาอื่นๆ 

เมื่อถามว่าการวางเป้าหมายเป็น Top 3 ของตลาดรองเท้าวิ่งในบ้านเราท้าทายหรือไม่ พรศักดิ์ตอบว่า ‘ท้าทาย’ 

แต่เชื่อว่า เป็นไปได้ไม่ยาก เพราะตอนที่เขาเข้ามาดูแล Saucony ตลาดไทยมียอดขายของแบรนด์นี้ติดอันดับเกือบท้าย ๆ ตารางของในเอเชีย ขณะที่ปัจจุบันบ้านเรามียอดขายของ Saucony อยู่อันดับ 3 รองแค่ ‘จีน’ กับ ‘ญี่ปุ่น’ เท่านั้น 

.

ภาพ : กัลยารัตน์ วิชาชัย, Getty Images