08 ก.ย. 2566 | 13:05 น.
- ‘ยัสปาล กรุ๊ป’ (JASPAL Group) ธุรกิจของคนไทยที่มีแพลนจะเข้า IPO เร็ว ๆ นี้
- JASPAL ธุรกิจครอบครัวที่สานต่อจนถึงรุ่นที่ 4 ทำธุรกิจมาแล้วกว่า 70 ปี ด้วยสินค้าเริ่มแรกคือ เครื่องนอน ที่ย้่านพาหุรัด
- JASPAL ธุรกิจอันดับ 1 ในกลุ่มสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ (จากข้อมูลของ Euromonitor International
ก่อนที่จะเป็น ‘ยัสปาล’ (JASPAL) ธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์สัญชาติไทยอย่างทุกวันนี้ หากย้อนไป 70 ปีต้องพูดว่ามุมมองแนวคิดและการเติบโตของธุรกิจนี้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เพราะในตอนนั้นสมัยที่ยังเป็น ‘รุ่นคุณพ่อ’ JASPAL ยังเป็นร้านที่ขายสินค้าประเภทที่นอน ผ้าปูที่นอนอยู่เลย จนปัจจุบันกลุ่มผู้บริหารรุ่นที่ 2 และ 3 มีแพลนที่จะเตรียมเข้า IPO แล้ว
Stories of the Month เป็นซีรีส์ใหม่ของ The People ซึ่งจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจในแต่ละเดือน และเป็นประเด็นพิเศษให้ติดตามกันแบบไม่ซ้ำกัน โดยเดือนกันยายน 2023 เป็นเรื่องราวของ ‘องค์กรที่ก้าวสู่ IPO’
ในยุคที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ เคล็ดลับ กลยุทธ์ หรือวิธีการใดก็ตามล้วนมีผลต่อการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ซึ่ง ‘IPO’ หรือที่มาจากคำว่า ‘Initial Public Offering’ คือการที่บริษัททำการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เจ้าของกิจการมักเลือกเพื่อขยับขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปอีกระดับ
ทั้งนี้ ในสัปดาห์แรกของเดือนนี้เราอยากพูดถึง ‘JASPAL’ ธุรกิจของคนไทยที่อยู่คู่คนไทยมาถึง 70 ปีแล้ว นับตั้งแต่ที่ทำธุรกิจเป็นร้านขายเครื่องนอนต่าง ๆ ซึ่ง JASPAL ถือเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มีเรื่องราว และมุมคิดเรื่องธุรกิจที่น่าสนใจ อีกทั้งยังเป็นของคนไทย (ซึ่งมีหลายคนที่ไม่รู้) โดยเราจะค่อย ๆ พาไปทำความรู้จักกับองค์กรนี้ผ่านผู้บริหารรุ่นที่ 2 และ 3 ผ่านบทความนี้
เริ่มจากนำเข้าเครื่องนอน
ในปี 1947 คุณพ่อซึ่งก็คือ ‘ยัลปาล’ ได้เริ่มทำธุรกิจครั้งแรกก็คือ ขายผ้าที่ย่านพาหุรัด หลังจากนั้นขยับขยายมาขายสินค้าที่สยามเซ็นเตอร์ แล้วก้เริ่มมีการนำเข้าสินค้าประเภท ‘เครื่องนอน’ คุณภาพดีจากต่างประเทศ
พอในปี 1972 เป็นปีแห่งการขยายสู่เซ็กเมนต์ที่เป็น ‘เสื้อผ้า’ และมีความอิงกับสินค้าแฟชั่นมากขึ้น ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ใช้ชื่อแบรนด์ว่า ‘Jaspal Emporium’ (ตามชื่อของคุณพ่อ) เพื่อสร้างการจดจำให้กับผู้ซื้อด้วย หลังจากนั้น ปี 1980 ได้เปิดตัวแบรนด์ CPS CHAPS ถือเป็นการย้ำภาพลักษณ์ที่ชัดขึ้นเกี่ยวกับการเข้าสู่วงการสินค้าแฟชั่นของ JASPAL
ในปี 1985 ได้ก่อตั้ง บริษัท ยัสปาล แอนด์ ซันส์ จำกัด บริษัทที่ผลิต นำเข้า ส่งออก และจำหน่ายที่นอนคุณภาพสูง ซึ่งปัจจุบันก็มีทั้งแบรนด์ของตัวเองและแบรนด์ที่นำเข้ามา เช่น SEALY และ STEVENS จากสหรัฐอเมริกา
จนกระทั่งปี 1987 เส้นทางของแบรนด์ JASPAL ดำเนินมาถึงการจดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัทอย่างเป็นทางการ ชื่อว่า ‘บริษัท ยัสปาล จำกัด’
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 สินค้าในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น มีด้วยกัน 19 แบรนด์ แบ่งเป็น In-house Brand จำนวน 10 แบรนด์ เช่น JASPAL (ยัสปาล), CC DOUBLE O (ซีซี ดับเบิ้ลโอ), CPS CHAPS (ซีพีเอส แชปส์), LYN (ลิน), lyn around (ลิน อะราวนด์) เป็นต้น ส่วน Import Brand เช่น FRED PERRY (เฟร็ด เพอร์รี่), DIESEL (ดีเซล), Superdry (ซุปเปอร์ดราย) เป็นต้น
ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน ภายใต้ In-house Brand และ Import Brand รวมกัน 6 แบรนด์ และมีสินค้ามากกว่า 21,500 SKUs ภายใต้แบรนด์ SANTAS, SANTAS HOME, STEVENS, Sealy, TEMPUR และ ETHAN ALLEN
และได้มีการขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 2008 จนทุกวันนี้ก็ยังมีแพลนขยายสู่ต่างประเทศในอาเซียนอยู่เสมอ
เตรียมเข้า IPO
ในปี 2023 ธุรกิจ JASPAL ได้แปรสภาพบริษัทให้เป็นบริษัทมหาชน จำกัด อีกทั้งยังได้ยื่นแบบคำขอและ Filing ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว
หากดูจากศักยภาพของ JASPAL ถือว่าน่าสนใจเพราะรายได้ในปี 2021 สามารถทำกำไรได้มากถึง 221.47 ล้านบาท ส่วนในปี 2022 ยอดกำไรขยับขึ้นมาเป็น 914.50 ล้านบาท และในไตรมาส 1/2023 กำไรแตะที่ 242.99 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งดูจากนัยยะของตัวเลขกำไรถือว่า JASPAL เป็นแบรนด์ที่น่าถอดรหัสการทำธุรกิจอีกแบรนด์หนึ่งของไทย
ขณะเดียวกัน สาขาในต่างประเทศเองก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 82 สาขาแล้ว และจะเพิ่มอย่างต่อเนื่องในปี 2567 ในเวียดนาม, กัมพูชา, มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่ง hero brands ที่มักจะใช้เจาะตลาดในต่างประเทศ เช่น LYN, LYN Around และ JASPAL
ทั้งนี้ ‘วิเศษ สิงห์สัจจเทศ’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JASPAL Group (ทายาทรุ่นที่ 3) ได้กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทฯ เป็นบริษัทสัญชาติไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าเฉพาะอย่างของประเทศไทย (อ้างอิงจาก Euromonitor International) โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในช่วงปี 2563 ปี 2564 และปี 2565 ร้อยละ 8.4 ร้อยละ 10 และร้อยละ 10.5 ตามลำดับ”
ขณะที่ ‘ยศเทพ สิงห์สัจจเทศ’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JASPAL Group (ทายาทรุ่นที่ 3) ได้กล่าวว่า “JASPAL ถือเป็นแบรนด์แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำ Brand Collaboration ร่วมกับดีไซเนอร์ระดับโลกเพื่อสร้างคอลเลคชั่นพิเศษ หรือการเลือกใช้ซูเปอร์โมเดลระดับโลกและเซเลบริตี้ นักแสดง นักร้องระดับโลก มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้”
โดย JASPAL ได้พูดในงานแถลงข่าวด้วยว่า การที่มีผู้บริหารร่วมจะเป็นการแบ่งหน้าที่ตามความถนัดของแต่ละคน โดยมีจุดประสงค์เดียวคือการบรรลุการเป็น ‘ผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในอาเซียน’
ทั้งนี้ ‘จรัญ สิงห์สัจจเทศ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JASPAL Group (ทายาทรุ่นที่ 2) ได้พูดถึงคีย์ของความสำเร็จของ JASPAL Group สำหรับเขามีประมาณ 7 ด้านด้วยกันที่สำคัญ ได้แก่
“สำหรับแบรนด์ที่เป็นเรือธงที่สร้างรายได้มากที่สุด 5 แบรนด์ในเครือ JASPAL ก็คือ LYN, LYN Around, JASPAL, CC DOUBLE O และ CPS CHAPS”
ซึ่ง จรัญ ได้แย้มอีกว่า ในอนาคตจะมีแบรนด์ใหม่ที่เข้าสู่ตลาด ทั้ง In-house brand และ import brand ขึ้นอยู่กับเกณฑ์พิจารณาของ JASPAL Group ที่เห็นว่าแบรนด์นั้น ๆ มีศักยภาพมากพอในตลาดไทยและอาเซียน เหตุผลเพราะว่าผู้ซื้อจากกลุ่มประเทศอาเซียนมีความชอบในแบรนด์ของ JASPAL Group อยู่แล้ว จากพฤติกรรมที่ชอบซื้อสินค้าเมื่อมาเที่ยวที่ไทย
และไม่ได้มีแค่สินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่เป็นหมวด เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ เพราะตอนนี้ CPS CHAPS ได้เปิดตัว 'CPS Coffee' เป็นการเติมพอร์ตธุรกิจที่น่าสนใจทีเดียวของกลุ่มธุรกิจ JASPAL
คำสอนจากรุ่นสู่รุ่น
เมื่อเราถาม จรัญ เกี่ยวกับคำสอนหรือคติประจำใจบางอย่างที่เขาได้รับจากรุ่นคุณพ่อ และปัจจุบันก็ยังนำมาปฏิบัติอยู่คืออะไร? เขาแชร์กับเราว่า “รักในสิ่งที่เราทำ เพราะเราจะทำมันได้ดีตลอดเวลา” และความเชื่อนี้ยังถูกส่งต่อไปถึงรุ่นที่ 3-4 ด้วย ในฐานะที่เป็นธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่มากธุรกิจหนึ่งในไทย
จรัญ บอกกับเราว่า “ทุกวันนี้ผมก็สอนคล้าย ๆ กับที่เราได้รับมาจากคุณพ่อ ก็คือ ต้องรักและอินกับสิ่งที่ทำเพราะไม่อย่างนั้นมันจะทำได้ไม่นาน สำหรับผมมันสำคัญมาก”
นอกจากนี้ จรัญ ยังได้พูดถึงไอดอลการทำธุรกิจของเขาด้วยว่า “ผมอาจจะไม่ได้มีไอดอลการทำธุรกิจที่ชัดเจน เพราะผู้บริหารชั้นนำทุกคนเป็นไอดอลให้กับเราตลอด และทุกครั้งที่มีการประชุม การพูดคุยกันในกลุ่มทายาทแต่ละรุ่น ก็จะมีการหยิบมาพูดคุยเป็น topic around อยู่แล้ว ข้อมูลของเราคือ เราทุกคนต่างอินและเห็นตรงกันว่าอยากเห็นแต่ละแบรนด์เติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ”
มุมคิดและเรื่องราวก่อนมาเป็นอาณาจักร JASPAL อย่างทุกวันนี้ เริ่มต้นมาจากสิ่งที่ตัวเองถนัด และมีการส่งต่อความเชื่อและความรักในสิ่งที่ทำจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งแนวคิดแบบนี้ก็ได้พิสูจน์ให่เห็นแล้วว่า เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ปรุงความสำเร็จให้กับธุรกิจได้
ภาพ: JASPAL Group