ถอดรหัสและคิดแบบ ‘คนรวย’ ทฤษฎีลองเสี่ยงของ ‘เจฟฟ์ เบซอส’

ถอดรหัสและคิดแบบ ‘คนรวย’ ทฤษฎีลองเสี่ยงของ ‘เจฟฟ์ เบซอส’

เจฟฟ์ เบซอส เคยตั้งเป้าทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้ดีกว่า eBay 10 เท่า เขามุ่งมั่นที่จะเลือกเส้นทางของตัวเอง แม้ว่ามีคำดูถูกแบบรอบทิศ จนประสบความสำเร็จ Amazon กลายเป็นร้านขายหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน

KEY

POINTS

  • เจฟฟ์ เบซอส เจ้าพ่อ Amazon ที่เคยตั้งเป้าต้องทำธุรกิจให้ดีกว่า eBay 10 เท่า
  • เขาลาออกจากงานเพราะคนดูถูกเส้นทางที่จะเลือก แม้แต่ประธานบริษัทที่ทำงานให้ก็คือว่า เขาจะไปไม่รอด
  • ช่วง 30 วันแรกที่เปิดตัวเว็บไซต์ Amazon ผู้คน 5จ รัฐในอเมริกา มุ่งความสนใจไปที่ธุรกิจนี้ทันที

“Amazon ต้องดีกว่า eBay 10 เท่า”

คำขวัญของเว็บไซต์ Amazon ธุรกิจที่เป็นลูกรักของ ‘เจฟฟ์ เบซอส’ (Jeff Bezos) เจ้าพ่อโลกอีคอมเมิร์ซตะวันตก ซึ่งเขาตั้งเป้าอยากจะทุบ ‘eBay’ คู่แข่งหลักในยุคนั้นให้จมดิน โดยกล่าวปฎิญาณต่อหน้าพนักงานทุกคนในวันที่ก่อตั้งธุรกิจ สิ่งเดียวที่มองในตอนนั้นก็คือ ‘ชัยชนะ’

แต่กว่าที่เขาจะกล้าตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเอง เจฟฟ์ เบซอส ก็เป็นเหมือนเด็กเรียนเก่งคนอื่น ๆ ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และได้รับการทาบทามจากบริษัทใหญ่ ๆ ให้ไปอยู่ด้วย

จนวันหนึ่งที่เขาทนเสียงเรียกร้องของตัวเองไม่ไหว อยากจะก้าวขาสู่โลกภายนอกที่ไม่มีการผูกมัดใด ๆ กับบริษัทที่เขาทำงานให้ และ Amazon ก็คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาไขประตูไปสู่โลกที่ใหญ่ขึ้น และท้าทายขึ้น แม้จะมีเสียงทัดทานรอบด้านก็ตาม

และต่อมาเขาได้เข้าทำงานกับบริษัททุน อย่าง D.E.Shaw & Co. บริษัทจัดการการลงทุนข้ามชาติชื่อดัง ซึ่งความสามารถที่โดดเด่นของเขานั้นทำให้เขาได้ขึ้นเป็นรองประธานด้วยอายุเพียง 28 ปี อาจจะเรียกได้ว่า เจฟฟ์ เบซอส มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในอาชีพลูกจ้างตั้งแต่แรก

แต่อะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากบริษัท และยุติบทบาทการเป็นพนักงานประจำเต็มตัวครั้งนั้น?

สำหรับ เจฟฟ์ เบซอส เขาคิดมาตลอดว่า แม้จะมีตำแหน่งเป็นรองประธาน แต่นั่นยังหมายถึงว่าเขาก็คือลูกจ้าง ไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ

จนวันหนึ่งที่เขาทนเสียงเรียกร้องของตัวเองไม่ไหว อยากจะก้าวขาสู่โลกภายนอกที่ไม่มีการผูกมัดใด ๆ กับบริษัทที่เขาทำงานให้ และ Amazon ก็คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาไขประตูไปสู่โลกที่ใหญ่ขึ้น และท้าทายขึ้น แม้จะมีเสียงทัดทานรอบด้านก็ตาม

และต่อมาเขาได้เข้าทำงานกับบริษัททุน อย่าง D.E.Shaw & Co. บริษัทจัดการการลงทุนข้ามชาติชื่อดัง ซึ่งความสามารถที่โดดเด่นของเขานั้นทำให้เขาได้ขึ้นเป็นรองประธานด้วยอายุเพียง 28 ปี อาจจะเรียกได้ว่า เจฟฟ์ เบซอส มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในอาชีพลูกจ้างตั้งแต่แรก

แต่อะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากบริษัท และยุติบทบาทการเป็นพนักงานประจำเต็มตัวครั้งนั้น?

สำหรับ เจฟฟ์ เบซอส เขาคิดมาตลอดว่า แม้จะมีตำแหน่งเป็นรองประธาน แต่นั่นยังหมายถึงว่าเขาก็คือลูกจ้าง ไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ

ชุดความคิดนี้เองที่ทำให้ เจฟฟ์ เบซอส เริ่มคิดเกี่ยวกับธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งก็เป็นที่มาของการก่อตั้งเว็บไซต์ www.amazon.com ในปี 1994 ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ทัดทานแบบรอบทิศ แม้แต่ประธานบริษัทฯ ที่เขาทำงานให้ก็ยังดูถูกดูแคลนว่า “อาจจะไปไม่รอด”

แล้วยังปรามาสด้วยว่า สิ่งที่เขาคิดนั่นเป็นเพียงงานที่ขายของทางเว็บไซต์ ซึ่งเป็นงานของพวกที่ไม่มีอะไรจะทำในมุมของคนที่ดูถูก เจฟฟ์ เบซอส ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงแรก ๆ ธุรกิจของ เจฟฟ์ เบซอส เคยถูกประเมินว่า มีเปอร์เซ็นต์ที่จะล้มเหลวสูงมาก เพราะระบบการสื่อสารในสมัยนั้นยังไม่พร้อม และยังไม่ทันสมัย

เรียกว่าทุกคนพร้อมใจกันฟันธงว่าน่าจะไปไม่รอด และน่าจะขาดทุนยับเยิน

คำดูถูกพวกนั้นทำให้ เจฟฟ์ เบซอส ตัดสินใจลาออกทันที หนึ่งเหตุผลในนั้นก็น่าจะอยากพิสูจน์ตัวเองด้วยว่า คำดูถูกเหล่านั้นไม่เป็นจริงเลยสักนิด

หลังจากที่เขาลาออกจากงาน ได้ตัดสินใจย้ายบ้านจากเมืองที่เจริญมาก ๆ อย่างนครนิวยอร์กเพื่อไปอยู่ที่ ‘ซีแอตเทิล’ เพื่อให้ตัวเองอยู่ใกล้กับศูนย์กระจายสินค้าประเภท ‘หนังสือ’ ซึ่งตอนนั้นตั้งใจที่จะให้หนังสือเป้นสินค้าหลักที่เขาจะนำมาขายในออนไลน์ได้

เมื่อรู้ชัดเกี่ยวกับธุรกิจที่อยากจะทำแล้ว เจฟฟ์ เบซอส ตัดสินใจขายรถยนต์ที่เขารักมาก เพื่อมาเป็นทุนในการเริ่มธุรกิจ แล้วก็ดัดแปลง ‘โรงรถ’ ให้เป็น ‘ออฟฟิศ’ และก็กักเก็บสินค้าไว้ที่นั่น ซึ่งเขาไม่มีแม้แต่โต๊ะทำงานด้วยซ้ำในตอนนั้น เป็นเพียงแผ่นไม้เก่า ๆ ราคาถูกที่ทำเป็นโต๊ะชั่วคราว ส่วนแรงงานที่ช่วยกันแพ็กของส่งลูกค้า ก็เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ละแวกนั้นที่เขาจ้างเป็นครั้งเป็นคราว ก่อนจะส่งของให้ไปรษณีย์

เจฟฟ์ เบซอส เคยพูดว่า ไม่อยากตกหลุมพรางของความสบายในชีวิตลูกจ้างตลอดไปอีกแล้ว ซึ่งเขาใช้เวลาเพียง 2 วันในการเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง ซึ่งต้องยอมรับว่า เจฟฟ์ เบซอส มีส่วนอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงวงการอีคอมเมิร์ซของโลกไปอย่างสิ้นเชิง

เขาเคยถูกยกย่องให้เป็นคนที่สร้างประวัติศาสตร์และมีบทบาทต่อการซื้อของออนไลน์คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่เปิดตัวเว็บไซต์ Amazon ได้เพียง 30 วัน ผู้คนทั้ง 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา มุ่งความสนใจไปที่ Amazon ทำให้ยอดขายในเว็บไซต์ช่วงนั้นสูงถึง 2 หมื่นเหรียญดอลลาร์ต่อสัปดาห์

เจฟฟ์ เบซอส ใช้เวลาเพียง 3 ปี ที่จะนำ Amazon เข้าสู่ตลาดหุ้นและกลายเป็นร้านหนังสือรายใหญ่ที่สุดในโลกในปี 1997 แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง Barnes & Noble เจ้าตลาดที่เคยเป็นรายใหญ่ที่สุดในเวลานั้น

เรามองว่า เรื่องราวของ ‘เจฟฟ์ เบซอส’ เหมือนคลังพลังงานบวกที่ใหญ่มาก ๆ อีกคนหนึ่ง เพราะเขากล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และสร้างเส้นทางใหม่ของตัวเองได้ จนประสบความสำเร็จ ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ยังเป็นบุคคลที่มีบทบาทและเป็นไอดอลให้อีกหลาย ๆ คนในเส้นทางธุรกิจ

 

อ้างอิง :

หนังสือ “คนสำเร็จ 1% คิดและทำแบบนี้ ถึงมีหมื่นล้าน”

The Richest People In The World