ชาล็อตต้า เทอร์เนอร์: ส่งคนไปช่วยนักศึกษาจากกลุ่ม IS เพื่อกลับมาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกให้เสร็จ

ชาล็อตต้า เทอร์เนอร์: ส่งคนไปช่วยนักศึกษาจากกลุ่ม IS เพื่อกลับมาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกให้เสร็จ
“ลูกศิษย์ข้าใครอย่าแตะ!”  ชาล็อตต้า เทอร์เนอร์: ส่งคนไปช่วยนักศึกษาจากกลุ่ม IS เพื่อกลับมาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกให้เสร็จ “ถ้าผมไม่กลับไปภายในหนึ่งอาทิตย์ อาจารย์ตัดชื่อผมออก (จากการเป็นนักศึกษาปริญญาเอก) ได้เลยครับ” เดือนสิงหาคม ปี 2014 ชาล็อตต้า เทอร์เนอร์ (Charlotta Turner) ศาสตราจารย์เคมีจากมหาวิทยาลัยลุนด์ ในประเทศสวีเดนได้รับข้อความจาก ฟิราส จูมา (Firas Jumaah) นักศึกษาปริญญาเอกคนหนึ่งที่เธอเป็นที่ปรึกษาอยู่  ใจความของข้อความที่ส่งมา คือเขาอาจจะไม่สามารถกลับมาที่ห้องแลบฯ เพื่อทำวิจัยและวิทยานิพนธ์ที่คาไว้ให้จบลงได้ ขอให้อาจารย์จงตัดชื่อเขาทิ้ง หากเขาไม่กลับไปที่มหาวิทยาลัยได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ เมื่ออ่านข้อความจบลงชาล็อตต้าไม่รอช้า รีบโทรศัพท์หาฟิราสในทันทีเพื่อสอบถามเรื่องราวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลังการพูดคุยจบลงชาล็อตต้าจึงเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดว่า ชีวิตของฟิราสลูกศิษย์ของเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายชนิดที่ว่าเป็น-ตาย ได้ทุกเมื่อ เพราะตอนนี้ฟิราสอยู่ที่อิรัก เขากลับไปที่นั่นเพื่อไปรับครอบครัวของเขา ซึ่งประกอบไปด้วย ภรรยาและลูกน้อยทั้งสองเพื่อกลับสวีเดน ตอนแรกครอบครัวของฟิราสเดินทางไปที่อิรักเพื่อไปร่วมงานแต่งงาน ส่วนตัวของฟิราสเองอยู่ที่สวีเดนเพื่อตั้งใจทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกให้จบ แต่สถานการณ์ที่อิรักกลับย่ำแย่ลงทุกวัน กลุ่มผู้ก่อการร้าย IS (Islamic State) บุกเข้าโจมตีเมืองเมืองซินจาร์ เมืองที่อยู่ใกล้ ๆ กับเมืองที่ภรรยาของฟิราสอาศัยอยู่  เสียงปืน เสียงระเบิดและความหวาดผวายามค่ำคืนทำให้ภรรยาของฟิราสรู้สึกหวาดกลัวมาก จนต้องโทรศัพท์หาสามีเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สามีฟัง เมื่อฟิราสได้ทราบว่าลูกเมียของตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายและต้องนอนอย่างหวาดผวาทุกคืน เขาจองเที่ยวบินที่เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะหาได้เพื่อบินออกจากสวีเดนไปที่อิรักในทันที สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ที่ว่าได้ยินภรรยาอันเป็นที่รักร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวแล้ว ก็คงจะไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นเท่าการได้มาอยู่ที่อิรักและได้เห็นกับตาตัวเองจริง ๆ ว่าเหตุการณ์เลวร้ายแค่ไหน เมื่อฟิราสมาถึงอิรัก เขารำพันกับตัวเองในทันทีว่าเขาอาจจะไม่ได้กลับไปที่สวีเดนอีกแล้ว ฟิราสจึงส่งข้อความหาชาล็อตต้าผู้เป็นอาจารย์ ด้วยความไม่คาดหวังใด ๆ เพียงแต่อยากแจ้งข่าวให้อาจารย์ทราบเท่านั้น ชาล็อตต้าไม่เพียงแค่รับทราบข่าว แต่เธอคิดว่าเธอจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยลูกศิษย์และครอบครัวให้ออกมาจากอิรักให้ได้ “สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ฉันโกรธมากกับสิ่งที่ IS ทำกับโลกของเรา ทำกับครอบครัวลูกศิษย์ฉัน และมาขัดขวางการทำงานวิจัยของเขา” ชาล็อตต้าเริ่มมองหาทางว่าเธอจะช่วยฟิราสได้ยังไงบ้าง เธอจึงลองไปติดต่อ เพอร์ กุสตาฟสัน (Per Gustafson) หัวหน้ารักษาระบบรักษาความปลอดภัยของมหาวิทาลัยในขณะนั้น เหมือนกับว่านี่คือภารกิจที่เพอร์รอมาทั้งชีวิต เพราะทันทีที่ชาล็อตต้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเพอร์ เพอร์ก็ได้บอกกับเธอทันใดว่า เขาสามารถจัดหาทั้งทหารรับจ้าง การคุ้มครอง และการเดินทางได้ทั่วโลก เขาจะจัดแจงพาให้ฟิราสออกมาจากอิรักให้ได้ และไม่กี่วันต่อมาเพอร์ – หัวหน้าระบบรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยก็ทำตามที่เขาคุยไว้กับชาล็อตต้าจริง ๆ เพอร์ใช้เครือข่ายของตนจัดแจงคนจากบริษัทรับจ้างรักษาความปลอดภัยเอกชนให้ออกไปรับตัวฟิราสและครอบครัวให้ออกมาจากอิรักให้กลับมาที่สวีเดนได้อย่างปลอดภัยทั้งครอบครัว ฟิราสให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขาจะต้องจ่ายเงินประมาณ 6,613 ดอลล่าสหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยกับภารกิจพาครอบครัวของพวกเขาออกมาจากอิรักในครั้งนี้ แต่เขาบอกว่า เพื่อความปลอดภัยของครอบครัว ต่อให้ต้องจ่ายมากกว่านี้อีกสอง สาม หรือสี่เท่าเขาก็ยอม ปัจจุบันฟิราสเรียนจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยลุนด์และทำงานที่บริษัทผลิตยาในสวีเดน ส่วนภารกิจช่วยลูกศิษย์กลับมาทำทีสิสให้เสร็จของชาล็อตต้าก็กลายเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก สร้างสมญานามให้เธอประมาณว่า ลูกศิษย์ข้า IS ก็ห้ามแตะ!   ที่มา: https://www.nbcnews.com/news/world/how-swedish-professor-helped-rescue-grad-student-isis-controlled-iraq-n947866 https://www.staff.lu.se/article/rescue-operation https://www.militarytimes.com/off-duty/military-culture/2018/12/18/this-badass-professor-hired-mercenaries-to-rescue-a-college-student-from-an-isis-war-zone/   ภาพ: https://www.staff.lu.se/article/rescue-operation