กราฟชีวิตคนเราจะขึ้นสูงแล้ วดิ่งลงสลับไปมาอย่างนี้ได้ กี่ครั้ง แล้วถ้าต้องเผชิญความเจ็บปว ดซ้ำๆ จะรับมือกับสถานการณ์ได้นาน แค่ไหน
ใครที่ไม่เคยเผชิญสภาวะบีบค ั้นแบบนี้อาจนึกไม่ออก แต่สำหรับ ชาตรี ตรีศิริพิศาล ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่ น หรือที่แวดวงกีฬารู้จักในนา ม “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONE Championship รายการแข่งขันศิลปะการต่อสู ้แบบผสมผสานชื่อดังของเอเชี ย คุ้นเคยกับสถานการณ์นี้ดี
ชาตรีไม่เคยอายที่จะบอกใครต ่อใครว่าชีวิตที่ผ่านมาต้อง เผชิญอุปสรรคสาหัส อดอยาก ต้องอดมื้อกินมื้อ เจอสารพัดคำดูถูกเหยียดหยาม เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่ถ่า ยทอดออกมานั้นจะช่วยสร้างแร งบันดาลใจให้คนอื่นฮึดสู้ขึ ้นมาแบบเขาได้
ทุกวันนี้ ONE Championship มีมูลค่ากิจการเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3 หมื่นล้านบาท ทั้งยังเนื้อหอมขนาด Venture Capital (VC) ชั้นนำระดับโลก ทุ่มเงินลงทุนกับรายการนี้แ ล้วกว่า 100 ล้านเหรียญ เพราะ ONE Championship สามารถเข้าถึงผู้ชมแล้วกว่า 1.7 พันล้านคน ในราว 130 ประเทศทั่วโลก
เผชิญฝันร้าย
ฉายา “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ไม่ใช่ได้มาลอยๆ แต่เป็นเพราะชาตรีชื่นชอบศิ ลปะแม่ไม้มวยไทย เมื่ออายุ 13 ปี เขาขอครอบครัวไปฝึกวิชามวยก ับ ยอดธง เสนานันท์ ที่ในแวดวงหมัดเท้าเข่าศอกน ับถือเป็น “ครูยอดธง” เจ้าของค่ายมวยศิษย์ยอดธง ใน จ.ชลบุรี
ชาตรีฝึกฝนมวยอยู่หลายปี แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่เว้นระย ะเพราะเดินทางไปเรียนต่อปริ ญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ที่ Tufts University สหรัฐอเมริกา ช่วงนั้นเองที่ครอบครัวของเ ขาเริ่มได้รับผลกระทบจากพิษ “ต้มยำกุ้ง” ปี 2540 ตามด้วยการล้มละลายในที่สุด
จากคนที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุ ณหนู มีเงินมีทองใช้แทบไม่ขาดมือ จนหลายคนแอบอิจฉา แต่แล้ววันหนึ่งก็เหมือนฟ้า ผ่า พ่อซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว ตัดสินใจเดินแยกทาง ทิ้งภรรยาชาวญี่ปุ่นและลูกๆ 2 คน คือชาตรีและน้องชายให้สู้ชี วิตกันเอง
แน่นอนว่านี่คือฝันร้ายชัดๆ !!
“สู้” ทุกเวที
“ช่วงนั้นผมร้องไห้บ่อยมาก. ..เชื่อไหมพูดไปแล้วภาพนั้น ยังติดตา ร้องไห้ เพราะไม่มีอนาคต บ้านไม่มี ไม่มีทางออก น้องชายอายุ 15 จะไปโรงเรียนยังไง เหมือนเราโดนทิ้งจากพ่อ และถูกผลักให้กลายเป็นหัวหน ้าครอบครัวแบบไม่ได้ตั้งตัว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยากลำบา กมาก” ชาตรีกล่าวในการให้สัมภาษณ์ ไทยรัฐออนไลน์
ภาพที่ 3 คนแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ อดมื้อกินมื้อ ต้องขอยืมเงินคนอื่นเพื่อเอ ามาประทังชีวิตให้อยู่รอดไป วันๆ เป็นภาพที่ชาตรีจดจำได้ไม่ม ีวันลืม
แต่ท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ ชาตรียังมีความหวัง เมื่อนึกถึงคำสอนของครูยอดธ งที่เคยกล่าวไว้ทำนองว่า เป็นนักมวยต้องสู้ทุกเวที ไม่ว่าจะเป็นเวทีมวยหรือเวท ีชีวิต ประกอบกับแม่ที่ไม่เคยทิ้งค วามเชื่อมั่นในตัวเขา ชายหนุ่มจึง “สู้” ไม่ว่าข้างหน้าจะต้องเจอกับ อะไรก็ตาม
ชาตรีสมัครหลักสูตร MBA ที่ Harvard Business School สหรัฐอเมริกา ตามคำแนะนำของแม่ที่มองการณ ์ไกลว่าถ้าเข้าที่นั่นได้ ก็จะเป็นบันไดที่มั่นคงในกา รพาชาตรีก้าวไปสู่อนาคตที่ด ี นับว่าโชคเข้าข้างเพราะเขาท ำได้สำเร็จ แม่ เขา และน้องชาย จึงตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า ที่ดินแดนแห่งเสรีภาพ
ชาตรีกู้ยืมเงินจากธนาคารมา เป็นค่าเล่าเรียน และหาเงินเลี้ยงครอบครัวด้ว ยการทำงานสารพัด อย่างการเป็นครูสอนพิเศษ พนักงานส่งอาหารจีน และงัดเอาทักษะมวยไทยไปเป็น ครูสอนมวยไทย และให้แม่แอบเข้ามาอยู่ในหอ พักนักศึกษากับเขาด้วย เพราะไม่มีเงินพอจะไปเช่าที ่อยู่ข้างนอก
“ผมขอบคุณที่มีโอกาสจน เพราะความจนสอนผมหลายอย่างใ นชีวิต ผมเรียนรู้ที่จะมีความสุขโด ยไม่ต้องมีเงิน ตอนรวยเราอาจกลัวเสียหน้า แต่เมื่อถึงวันที่คุณสูญเสี ยทุกอย่าง เรื่องหน้าตาก็ไม่สำคัญแล้ว และทำให้ผมแกร่งขึ้น” เขาให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Forbes Thailand
ไล่ล่าความฝัน
“การเป็นผู้ประกอบการ” คือความฝันหนึ่งของชาตรีสมั ยเรียนที่ Harvard Business School เขาเคยร่วมก่อตั้งธุรกิจซอฟ ต์แวร์อินเตอร์เน็ต โดยมี VC ให้ทุนสนับสนุนมาราว 500,000 เหรียญ แต่ความฝันของชาตรีใหญ่กว่า เงินจำนวนนั้น
ชาตรีโน้มน้าวให้ VC ใน Silicon Valley เห็นศักยภาพในธุรกิจซอฟต์แว ร์อินเตอร์เน็ตของเขา จนระดมทุนมาได้อีก 38 ล้านเหรียญ หลายปีต่อมา เขาก็ขายหุ้นในบริษัทส่วนขอ งตัวเอง ทำให้มีเงินเก็บหลักล้านเหร ียญได้เป็นครั้งแรก หลังจากครอบครัวล้มละลาย
ชาตรีไล่ล่าความฝันต่ออย่าง ไม่หยุดยั้ง เขาพกดีกรี MBA เข้าไปทำงานใน “ตลาดทุน” อย่าง Wall Street ความรู้ความสามารถบวกกับการ ทุ่มเททำงานหนัก ทำให้ชาตรีก้าวขึ้นสู่การเป ็นผู้บริหารระดับ Managing Director ดูแลกองทุน Hedge Fund (กองเงินสำหรับการลงทุนที่ม าจากนักลงทุนหรือสถาบัน โดยมีผู้บริหารกองเงินเป็นผ ู้ดำเนินการลงทุนให้) มูลค่าถึง 1.5 หมื่นล้านเหรียญ
เมื่อฝึกปรือฝีมือจนได้ท ี่ ชาตรีก็ออกมาตั้งบริษัทกองท ุน Hedge Fund ขึ้นเอง
ความฝันทั้งการเป็นผู้ประกอ บการและการทำงานในตลาดทุนสำ เร็จไปแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ “ศิลปะป้องกันตัว”
กำเนิด ONE Championship
หลังจากชั่งน้ำหนักระหว่างค วามร่ำรวยกับความฝัน ท้ายสุดชาตรีก็เลือกอย่างหล ัง เพราะเป็น “แพสชั่น” ที่จะทำให้ใช้ชีวิตต่อไปได้ อย่างมีความสุข
เขาเห็นว่าเสน่ห์อย่างหนึ่ง ของโลกตะวันออกคือศิลปะการต ่อสู้ป้องกันตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยแ ละผูกพันมาตั้งแต่เด็ก จึงก่อตั้ง Evolve MMA ซึ่งเป็นยิมที่ฝึกสอนศิลปะป ้องกันตัวในรูปแบบต่างๆ ขึ้นที่สิงคโปร์ในปี 2552 และไม่ลืมที่จะชักชวนนักมวย จากค่ายศิษย์ยอดธงมาเป็นครู มวยที่นี่
เมื่อ Evolve MMA อยู่ตัวและไปได้ดี ชาตรีที่เห็นว่าโลกทุกวันนี ้หมุนไปด้วย “คอนเทนต์” จึงสร้างโอกาสธุรกิจครั้งให ม่ขึ้นในปี 2554 ด้วยการปลุกปั้น ONE Championship รายการแข่งขันศิลปะการต่อสู ้แบบผสมผสาน ชูจุดเด่นของความเป็นเอเชีย อย่างบุคลิกลักษณะความอ่อนน ้อมถ่อมตนผสมความแข็งแกร่งใ นเชิงต่อสู้เข้าด้วยกันอย่า งกลมกล่อม นำนักกีฬาต่อสู้จากประเทศต่ างๆ มาชิงชัยบนสังเวียน เพื่อกรุยทางสู่ความเป็นหนึ่ง
แม้จะมีชื่อเสียงที่สร้างมา แล้วจาก Wall Street มีงบลงทุนเตรียมไว้หลายสิบล ้านเหรียญ และวางแผนธุรกิจอย่างรัดกุม มาอย่างดีแค่ไหน แต่การขอสปอนเซอร์ไม่ใช่เรื ่องง่าย เพราะเป็นการแข่งขันกีฬาราย การใหม่ ยังไม่มีใครรู้จัก ต่อให้อธิบายแผนงานอย่างละเ อียดเพียงใด ก็ไม่สามารถทำให้สปอนเซอร์ค วักเงินออกมาช่วยได้ แถมยังโดนหาว่า “บ้า” เสียด้วย
ถึงอย่างนั้น ดีเอ็นเอความเป็นนักสู้ของช าตรีก็ยังเข้มข้น เขาเลือกสร้าง ONE Championship ให้เป็นจริง โดยไม่สนเสียงเยาะเย้ยจากคน รอบข้างที่ดังเข้าหูว่าธุรก ิจนี้อาจล้มเหลวเข้าสักวัน
ONE Championship ที่จัดเต็มแสง สี เสียง สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้ผู้ชมในสนามและทางบ้าน
สร้างช่องทางความนิยม
กลยุทธ์ที่ชาตรีใช้คือ แทนที่จะจัดการต่อสู้แล้วให ้ผู้ชมเข้ามาดูในฮอลล์ที่สล ับสับเปลี่ยนไปแข่งตามประเท ศในเอเชียเพียงอย่างเดียว เขาก็ใช้การถ่ายทอดสดทางโทร ทัศน์และโลกออนไลน์เป็น “ช่องทาง” เพื่อสร้างความรับรู้ รวมทั้งสร้างความตื่นเต้นเร ้าใจให้คนดูด้วยแสง สี เสียง เต็มขั้น และคอนเสิร์ตสุดมัน
นอกจากนี้ การมีนักสู้ดาวเด่นจากแต่ละ ประเทศมาแข่งขัน อย่าง ริกะ อิชิเกะ นักสู้สาวแกร่งลูกครึ่งไทย- ญี่ปุ่น แองเจล่า ลี นักสู้หญิงจากสิงคโปร์ อ่อง ลา เอ็น ซาง นักสู้จากพม่า เจ้าของฉายา “The Burmese Python” ฯลฯ ก็ช่วยสร้างฐานแฟนคลับให้ขย ายตัวในวงกว้าง และลงลึกในความชื่นชอบอย่าง ต่อเนื่อง
ความนิยมในคนดูกลุ่มเล็กๆ ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นกลุ่มใหญ่ ONE Championship เริ่มเป็นรายการกีฬาที่ใครจ ะมองข้ามไปไม่ได้อีกแล้ว กระทั่ง VC ระดับโลกหลายราย เช่น บริษัทในเครือ Temasek Holdings รวมทั้ง Sequoia Capital (India) Singapore สนใจลงทุนใน ONE Championship ซึ่งชาตรีก็หวังว่าจะช่วยหน ุนให้รายการที่เกิดจากความร ักของเขา ที่ขณะนี้เป็น Sports Property อันดับหนึ่งในเอเชีย สามารถขึ้นไปเทียบชั้นสูสีก ับรายการแข่งขัน NBA และ NFL ของสหรัฐอเมริกา ได้ในอนาคต
“ชีวิตที่ล้ม” ไม่ใช่ชีวิตที่พ่ายแพ้ แต่คือบทพิสูจน์ความอดทนในต ัวว่าจะสามารถลุกขึ้นสู้เพื ่อผ่านพ้นไปได้หรือไม่ เช่นที่ชาตรีก้าวข้ามมาได้ และประสบความสำเร็จเช่นทุกว ันนี้
เพราะ “ฟ้าหลังฝน” ย่อมสดใสเสมอ
ที่มา https:// www.thairath.co.th/content/ 587350 นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2561 https://www.voathai.com/a/ a-47-2007-04-11-voa1-906350 04/920849.html
ภาพ : ONE Championship
บรรณาธิการ The People ผู้เขียนเรื่องราวน่าสนใจหลากหลายแง่มุม