คริสโตเฟอร์ ลี : จากอดีตคอมมานโด สู่ 'พ่อมดขาวซารูมาน'

คริสโตเฟอร์ ลี : จากอดีตคอมมานโด สู่ 'พ่อมดขาวซารูมาน'
เสียงทุ้มกังวานปานเทวทูตในตำนาน ร่างสูงใหญ่เกือบ 2 เมตรดูน่าเกรงขาม เขาผู้นี้จะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก ‘คริสโตเฟอร์ ลี’ (Christopher Lee) ดารารุ่นปู่ (เรียกทวดก็ไม่ผิด) จากเกาะอังกฤษ ผู้ฝากผลงานการแสดงภาพยนตร์มาไม่น้อยกว่า 200 เรื่อง และยังออกจอเงินในละครโทรทัศน์อีกหลายเรื่อง และบทบาทที่ทุกคนจดจำกันได้ในฐานะ ‘พ่อมดขาว’ จาก The Lord of the Rings และเคานท์แดรกคูลาในภาพยนตร์ฉบับปี 1958 นอกเหนือจากงานแสดง เขายังมีวีรกรรมสุดโลดโผนในหน้าประวัติศาสตร์โลกไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะได้พบบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์หลากหลาย และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญของโลกหลายครั้ง หากจะเทียบชายผู้นี้กับตัวละครอย่าง ‘ฟอร์เรสต์ กัมป์’ ก็คงไม่เกินความจริงนัก ลีเกิดในครอบครัวขุนนางชาวอังกฤษเมื่อปี 1922 เนื่องจากครอบครัวของลีเป็นชนชั้นสูงที่มีแวดวงสังคมกว้างขวาง เปิดโอกาสให้ลีได้พบกับบุคคลมีชื่อเสียงหรือขุนนางจากประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก หนึ่งในนั้นคือเจ้าชายเฟลิกซ์ ยูซูปอฟ (Prince Felix Yusupov) และแกรนด์ดยุค ดิมิทรี ปาฟโลวิช (Grand Duke Dmitri Pavlovich) สองขุนนางรัสเซียผู้ร่วมสังหาร กริกอรี รัสปูติน (Grigori Rasputin) นักบวชลึกลับผู้กุมอำนาจในวังหลวง   คอมมานโดกล้าตายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ลีในวัยหนุ่มได้เข้าไปเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อจบออกมาก็หางานทำประสาเด็กจบใหม่ทั่วไป แต่เมื่องานประจำในออฟฟิศไม่อาจตอบโจทย์ชีวิตของหนุ่มสปิริตนักผจญภัย เขาจึงตบเท้าเข้าเป็นทหารทันที ในปี 1939 ลีได้อาสาไปเข้าร่วมกับกองทัพฟินแลนด์เพื่อต่อสู้กับสหภาพโซเวียตในสงครามฤดูหนาว (Winter War) แต่ได้รับมอบหมายเพียงหน้าที่ในแนวหลัง และกลับมาบ้านเกิดภายใน 2 สัปดาห์ นี่เป็นช่วงเวลาที่โลกกำลังเดินหน้าสู่สงคราม สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ปะทุขึ้นในปีเดียวกัน ลีสมัครเข้าร่วมกองทัพอากาศอังกฤษ และได้ไปอยู่ในหน่วยข่าวกรองเพื่อถอดรหัสของเยอรมัน จากนั้นจึงถูกย้ายไปหน่วย Long Range Desert Group (LRDG) ในแอฟริกาเหนือ ซึ่งเป็นกองกำลังพิเศษที่ปฏิบัติการหลังแนวข้าศึก หน้าที่หลักของเขาคือการแทรกซึมไปหลังแนวเพื่อก่อวินาศกรรมฐานบินของเยอรมัน ต่อมาสายบังคับบัญชาเห็นว่าลีปฏิบัติหน้าที่ได้ดี เขาจึงถูกส่งตัวไปหน่วย Special Operations Executive (SOE) เพื่อปฏิบัติภารกิจจารกรรม ก่อวินาศกรรม และสอดแนมแนวหลังของฝ่ายอักษะในยุโรป ระหว่างนี้เองที่ลีได้รับหน้าที่ประสานงานกับ โจซิป บรอซ ติโต (Josip Broz Tito) ผู้นำกลุ่มต่อต้านยูโกสลาเวีย ซึ่งจะกลายเป็นผู้นำคอมมิวนิสต์ของยูโกสลาเวียในเวลาต่อมา และทั้งสองยังรักษามิตรภาพต่อกันภายหลังสงคราม   ระหว่างลาจากหน้าที่ชั่วคราวในเดือนมีนาคม ปี 1944 ลียังใช้โอกาสนี้ไปปีนภูเขาไฟวิสุเวียสใกล้กับเมืองเนเปิลส์ (Naples) เพียง 3 วันหลังจากนั้น ภูเขาไฟวิสุเวียสก็ปะทุครั้งใหญ่ขึ้นในรอบหลายปี ส่งผลให้หมู่บ้านหลายแห่งโดยรอบถูกทำลายจนสิ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ลียังผันตัวไปเป็นหน่วยตามล่าและสอบสวนอาชญากรสงครามนาซี ตำแหน่งนี้ทำให้เขาได้ไปสัมผัสบรรยากาศอันหดหู่ในค่ายมรณะหลายแห่งด้วยตนเอง เขาได้ออกตระเวนไปทั่วยุโรปเพื่อตามสะกดรอยเหล่านาซีที่หลบหนีคดีและจับตัวมาขึ้นศาลได้หลายราย “ผมเห็นคนมากมายต้องตายไปต่อหน้าต่อตา มากจนผมเกือบจะด้านชาต่อมันแล้ว การได้เห็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่มนุษย์กระทำต่อกัน ผลลัพธ์ของการทรมาน การทำให้เสียโฉม และได้เห็นใครสักคนถูกระเบิดเป็นชิ้น ๆ ทำให้คุณต้องสร้างเกราะป้องกันบางอย่างขึ้นมา ซึ่งคุณต้องทำ ไม่อย่างนั้นเราไม่อาจชนะสงครามได้” ลีรำพันถึงความหลังสมัยสงคราม “เราได้รับรายงานว่าพวกมันทำอะไรไว้บ้าง และได้รับคำสั่งให้ตามหาตัวพวกนั้น พยายามสอบสวนพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และส่งมอบตัวให้เจ้าหน้าที่ต่อไป” น่าสนใจว่าเขาไม่ค่อยเล่ารายละเอียดในช่วงสงครามมากนักจนเสียชีวิต ข้อมูลทางการทหารและภารกิจของลีก็ยังถูกเก็บไว้เป็นความลับโดยกองทัพอังกฤษจนถึงปัจจุบัน แต่เราพอจะเดาได้ว่าวีรกรรมของเขาคงโลดแล่นไปทั่วยุโรปและเป็นที่เลื่องลือ เนื่องจากรัฐบาลของหลายประเทศในยุโรปได้มอบเหรียญกล้าหาญให้เขาไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร ยูโกสลาเวีย สาธารณรัฐเชก และโปแลนด์   เข้าสู่บทบาทบนจอเงิน ปี 1948 เพียง 3 ปีหลังสงครามสงบ ลีที่ออกจากราชการมายังไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรต่อ เมื่อได้รับคำแนะนำให้ไปเอาดีด้านการแสดงดู เขาก็หันหน้าเข้าสู่วงการบันเทิงทันที บทบาทแรกที่ส่งให้ลีกลายเป็นตำนานคือ The Curse of Frankenstein ในปี 1957 และบท ‘เคานท์แดรกคูลา’ ในเรื่อง Horror of Dracula ฉบับปี 1958 ซึ่งเขาเป็นคนด้นสดสีหน้าท่าทางของเจ้าแห่งแวมไพร์ด้วยตนเอง บทบาทของลีในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสร้างภาพลักษณ์ของแวมไพร์ให้มีเขี้ยวคู่ยาวเด่นไปตลอดกาลอีกด้วย นักแสดงมากฝีมือผู้นี้ยังเป็นเจ้าของสถิติ Guinness World Records ถึง 3 อย่างด้วยกัน สถิติแรกคือจำนวนผลงาน เขาเป็นดาราที่มีผลงานมากที่สุดในโลกในปี 2007 มีภาพยนตร์และโทรทัศน์มากถึง 244 เรื่องด้วยกันที่มีชื่อของเขาในเครดิต ในสถิติที่ 2 เขาคือนักแสดงนำที่มีส่วนสูงมากที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 194 เซนติเมตร เมื่อใดที่เข้าฉากก็ทำให้นักแสดงคนอื่น ๆ ดูตัวเล็กลงไปทันตา และสถิติสุดท้ายคือเจ้าของตำแหน่งดาราที่ฟันดาบในภาพยนตร์มากที่สุดถึง 17 เรื่อง   ผู้ประพันธ์ The Lord of the Rings และเจมส์ บอนด์ตัวจริงเสียงจริง คริสโตเฟอร์ ลี เฝ้าติดตามมหากาพย์แห่งแหวน The Lord of the Rings ทุกเล่ม และหนังสือเรื่องอื่นในจักรวาลเดียวกันมาตลอด การได้พบกับ เจ.อาร์.อาร์. โทลคีน (J.R.R. Tolkien) ผู้ให้กำเนิดวรรณกรรมชุดนี้เป็นหนึ่งในความฝันอันสูงสุดของลีก็ว่าได้ แม้จะถูกจดจำในฐานะ ‘ซารูมาน’ แต่ตัวละครโปรดในดวงใจของลีกลับเป็น ‘พ่อมดเทา’ แกนดัล์ฟ และนี่เป็นบทที่เขาสนใจมากที่สุด ครั้งหนึ่ง ราวกับโชคชะตาเล่นตลก ลีได้พบกับโทลคีนในบาร์แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ เขาจึงเข้าไปแนะนำตัวว่าติดตามและชื่นชมผลงานของโทลคีนมากมายเพียงใด โทลคีนรู้สึกเอ็นดูจึงได้อวยพรให้ลีได้รับบทเป็นแกนดัล์ฟ หากนวนิยายของเขาถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์สักวันหนึ่ง นั่นทำให้เขาเป็นบุคคลเพียงผู้เดียวจากทีมงานทั้งหมดที่เคยพบกับโทลคีนตัวจริง แต่เมื่อเข้ารอบออดิชัน ผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน ได้เสนอให้เขารับบทพ่อมดขาวซารูมานแทน เนื่องจากลุคเข้มและน่าเกรงขามของเขาเหมาะกับบทนี้มากกว่า แม้จะไม่ใช่บทที่เขาคาดหวัง แต่ลีก็สวมบทบาทได้ยอดเยี่ยมและใส่ใจกับบทพ่อมดขาวอย่างจริงจังจนกลายเป็นไอคอนของแวดวงภาพยนตร์ถึงทุกวันนี้ ประสบการณ์โชกเลือดในสงครามของลียังทำให้เขาเป็นปูชนียบุคคลที่ทีมงานภาพยนตร์ต้องหันมาฟังคำแนะนำของเขา และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings: The Return of the King เมื่อพ่อมดขาว ‘ซารูมาน’ ที่ลีรับบทต้องถูกสังหารโดยลูกน้องที่กำลังโกรธแค้น (ฉากนี้มีเฉพาะใน Extended Edition) ในตอนแรก ผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน (Peter Jackson) ได้เตรียมบทให้ลีร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนมีดแทงจากข้างหลัง แต่พ่อมดขาวกลับแย้งว่าเสียงที่เขาจะเปล่งออกมาควรเป็นเสียงปล่อยลมจากปอดของคนกำลังตายมากกว่า เขายังเล่าต่อว่าในสมัยสงคราม เมื่อเขาออกปฏิบัติการหลังแนวข้าศึก เวลาที่เหยื่อโดนมีดแทงก็ปล่อยเสียงแบบนี้เช่นกัน ปีเตอร์ แจ็คสัน จึงยอมให้ลีได้แสดงอาการของคนโดนแทงอย่างสมจริง นอกจากผู้ประพันธ์มหากาพย์แห่งแหวนแล้ว ลียังรู้จักกับ เอียน เฟลมมิง (Ian Fleming) ผู้ประพันธ์นวนิยายสายลับ เจมส์ บอนด์ ที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นตำนานภาพยนตร์สายลับแห่งยุค ทั้งคู่ยังเป็นญาติห่าง ๆ กันด้วย เอียน เฟลมมิงเคยวางตัวให้ลีรับบทเป็นวายร้าย ดอกเตอร์โน (Dr.No) แต่สตูดิโอได้คัดเลือกนักแสดงไปแล้ว เขาจึงพลาดบทนี้ไป ต่อมาเอียนได้ทาบทามให้ลีมาร่วมงานใน เจมส์ บอนด์ อีกครั้งในบท ‘ฟรานซิสโก สคารามังกา’ (Francisco Scaramanga) ใน เจมส์ บอนด์ ภาค The Man with the Golden Gun แน่นอนว่าทุกดาวเจิดจรัสย่อมมีวันดับสิ้นเป็นสัจธรรมของโลก คริสโตเฟอร์ ลี เสียชีวิตลงในวัย 93 ปี เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2015 จากปัญหาทางระบบหายใจ บรรดาผู้คนที่เคยร่วมงานและพบเจอเขาต่างแสดงความเสียใจอย่างถ้วนหน้า ผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน ที่เคยร่วมงานกับลีหลายครั้งได้กล่าวสรุปเกี่ยวกับตัวเขาไว้อย่างกินใจว่าเขาคือ ‘ตำนานตัวจริง’ เขาคือตำนานตัวจริงคนสุดท้าย ซึ่งผมโชคดีที่ผมได้สร้างมิตรภาพด้วย เขาจะยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผมและผู้คนอีกนับไม่ถ้วนไปอีกหลายชั่วรุ่น สำหรับชีวิตของดาวผู้ล่วงลับ คงไม่มีใครสรุปความในใจของเขาได้ดีไปกว่าเจ้าตัว “ผมถามตัวเองอยู่ตลอดว่า ‘แล้วผมทำอะไรได้อีกบ้าง’ ภาพยนตร์ไม่ได้เป็นแค่งานสำหรับผม แต่มันคือชีวิตของผม" “ผมพอมีความสนใจด้านอื่นนอกเหนือการแสดง ไม่ว่าจะร้องเพลง เขียนหนังสือ เป็นต้น แต่การแสดงคือแรงผลักดันของผม มันคือสิ่งที่ผมทำ มันทำให้ชีวิตมีความหมาย” เขากล่าวระหว่างการสัมภาษณ์   ที่มาภาพ : https://www.digitalspy.com/movies/a652350/christopher-lee-1922-2015-iconic-stars-life-and-career-in-pictures/ และ https://www.quotev.com/story/5931683/Hold-BackAragorn-Love-Story/40    อ้างอิง: https://www.theguardian.com/film/2015/jun/11/christopher-lee-dies-at-the-age-of-93-dracula  https://www.forces.net/services/army/sas-gurkhas-story-sir-christopher-lee https://www.independent.co.uk/news/people/times-christopher-lee-was-wonderfully-metal-a30716.html https://www.independent.co.uk/news/people/christopher-lee-the-untold-life-of-the-sas-soldier-who-spoke-several-languages-and-almost-died-twice-in-wwii-10315453.html  https://www.independent.co.uk/news/people/christopher-lee-obituary-actor-dies-at-the-age-of-93-after-an-illustrious-and-diverse-career-10313046.html