บริทนีย์ สเปียร์ส กับชีวิตที่ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของ และ #FreeBritney เพื่อปลดแอกชีวิตเพื่ออิสรภาพ

บริทนีย์ สเปียร์ส กับชีวิตที่ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของ และ #FreeBritney เพื่อปลดแอกชีวิตเพื่ออิสรภาพ
       ภาพของสาวผมบลอนด์กับชุดหนังสีแดง ในเพลง ‘Oops!...I Did It Again’ หรือสาวน้อยมหัศจรรย์ที่มาพร้อมผมเปียสองข้างกับชุดนักเรียนเสื้อผูกเอว พร้อมลีลาการเต้นที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน ทั้งหมดนี้กลายเป็นภาพจำที่หลายคนนึกถึง บริทนีย์ สเปียร์ส (Britney Spears) เสมอ ๆ สเปียร์ส เป็นหนึ่งในศิลปินที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงป๊อป เธอเปี่ยมไปด้วยความสามารถและพรสวรรค์ จนถูกยกให้เป็น “เจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อป” จากผลงานสตูดิโออัลบั้มและซิงเกิลที่โด่งดัง ทำยอดขายได้มากกว่า 150 ล้านแผ่นทั่วโลก แม้ชีวิตภายใต้แสงสปอตไลต์บนเวทีของสเปียร์สจะดูสวยงามและยิ่งใหญ่เสมอ แต่ถ้ามองดูชีวิตหลังม่านของเธอ คุณจะค้นพบว่าเธอต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการป่วยทางจิตและการถูกพ่อแท้ ๆ เข้ามาควบคุมชีวิต ย้อนกลับไปในปี 2007 สเปียร์สที่โด่งดังสุด ๆ จากเพลงฮิตอย่าง ‘Baby One More Time’ หรือ ‘Toxic’ จากอัลบั้มก่อน ๆ กลับต้องพบมรสุมชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเธอไปตลอดกาล ชีวิตพัง ๆ เริ่มต้นขึ้นตอนที่แพ้คดีหย่าร้างกับสามี เควิน เฟเดอร์ไลน์ จนทำให้เธอต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูบุตรและสามีเป็นจำนวนมหาศาล ที่สำคัญความพ่ายแพ้ครั้งนั้นทำให้เธอเสียสิทธิในการเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองคนให้อดีตสามีอีกด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างรอยแผลฉกรรจ์ให้จิตใจของเธอ หลังจากนั้นสเปียร์สก็เริ่มแสดงอาการเสียศูนย์อย่างหนักจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปมีตั้งแต่โกนหัวตัวเอง หรือเอาร่มไปตีรถของพวกปาปาราซซีที่ตามมาถ่ายรูป อาการของสเปียร์สหนักขึ้นจนสุดท้ายต้องเข้ารับการบำบัดปัญหาสุขภาพจิตในโรงพยาบาล บริทนีย์ สเปียร์ส กับชีวิตที่ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของ และ #FreeBritney เพื่อปลดแอกชีวิตเพื่ออิสรภาพ        ผ่านไปหนึ่งปี ปัญหาสุขภาพจิตของสเปียร์สหนักขึ้น ถึงขั้นศาลจัดให้เธออยู่ในกลุ่มคนที่ไม่สามารถจัดการหรือตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ของตัวเองได้ ก่อนจะตัดสินแต่งตั้งให้ เจมี สเปียร์ส พ่อแท้ ๆ ของเธอและทนายส่วนตัว เข้ามาเป็น conservatorship หรือคนที่รับหน้าที่พิทักษ์กิจการและดูแลเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตของสเปียร์ส ทั้งด้านกฏหมาย ทรัพย์สิน สุขภาพ รวมถึงงานทั้งหมด สรุปง่าย ๆ ว่า ภายใต้กฏหมายนี้ทำให้สเปียร์สผู้พ่อกลายมาเป็น “ผู้จัดการชีวิต” และมีสิทธิ 100 เปอร์เซ็นต์ในการควบคุมเรื่องต่าง ๆ ของลูกสาว แม้ศาลจะพูดถึงอำนาจในการควบคุมเรื่องสำคัญในชีวิต แต่ว่ากันว่าทุกวันนี้เวลาสเปียร์สจะกินข้าวอะไร จะไปหาหมอที่ไหน จะซื้ออะไรสักอย่าง หรืออยากจะทำอะไร เธอแทบจะต้องขออนุญาตพ่อก่อน Business Insider Reports เคยรายงานไว้ว่า ในปี 2018 นักร้องสาวคนนี้มีรายรับมากถึง 59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,880 ล้านบาท) แต่กลับมีรายจ่ายเพียง 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ หรือรายจ่ายทั่วไปของสเปียร์ส ซึ่งลือกันว่าสาเหตุที่รายจ่ายของสเปียร์สน้อยขนาดนั้น เป็นเพราะเจมีอนุญาตให้ลูกสาวใช้เงินได้สัปดาห์ละ 50,000 บาท เท่านั้น หลายปีก่อน สเปียร์สพยายามออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การที่เธอต้องเข้า ๆ ออก ๆ แผนกจิตเวช เป็นว่าเล่น สาเหตุหลักมาจากการบังคับจากพ่อ อีกทั้งยังมีข่าวว่าหลายครั้งสเปียร์สผู้พ่อมักบังคับให้ลูกสาวทำงานหนัก ทั้ง ๆ ที่เธอไม่อยากทำ แหล่งข่าวใกล้ชิดของสเปียร์สหลายคนถึงขั้นพูดว่า “เจมีดูแลบริทนีย์ไม่ต่างกับเป็นเครื่องปั๊มเงิน” และทุกครั้งที่สเปียร์สสติแตกใส่พ่อหรือใคร ๆ บทสรุปอันน่าเศร้าของเรื่องนี้มักจะจบลงด้วยการที่เธอถูกส่งไปโรงพยาบาลบ้า [caption id="attachment_25136" align="aligncenter" width="597"] บริทนีย์ สเปียร์ส กับชีวิตที่ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของ และ #FreeBritney เพื่อปลดแอกชีวิตเพื่ออิสรภาพ สเปียร์สและพ่อ[/caption]        ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2019 สเปียร์สที่กำลังมีคิวแสดงโชว์ครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ Domination ที่เมืองลาส เวกัส แต่จู่ ๆ ก็ประกาศยกเลิกโชว์ทั้งหมด โดยให้เหตุผลเรื่องความไม่สบายใจของสเปียร์สต่ออาการป่วยของพ่อ แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปกลับมีข่าวว่า สาเหตุที่แท้จริงของการยกเลิกในครั้งนี้ เป็นเพราะนักร้องสาวต้องไปเข้ารับการรักษา “อาการป่วยทางจิต” (อีกแล้ว) แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงของอาการที่กำเริบนี้ บ้างก็ว่าสเปียร์สเครียดเรื่องอาการป่วยของพ่อจริง หรือบ้างก็ว่าเธอไม่ยอมกินยาตามที่พ่อบังคับ จนสุดท้ายพ่อของเธอนั่นแหละที่ส่งลูกสาวไปที่นั่น ตลอดระยะเวลาที่ถูกพ่อควบคุมชีวิตมา 12 ปี แม้จะมีช่วงที่สเปียร์สสามารถลบคำครหาของใคร ๆ และสามารถกลับมาเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการเพลงป๊อปได้อีกครั้ง แต่ข้อเท็จจริงสำคัญที่สะท้อนให้เราเห็นก็คือ แม้แสงไฟจะกลับมาสาดส่องที่เธอกี่ครั้ง แต่สเปียร์สก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ชีวิตของเธออีกแล้ว เดือนมีนาคม 2019 แอนดรูว์ วอลเล็ท ทนายความของสเปียร์สลาออกจากบทบาทผู้พิทักษ์ร่วม ก่อนที่ในเดือนกันยายน เจมี พ่อของเธอ ก็ขอลดบทบาทผู้พิทักษ์ลงชั่วคราวโดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพส่วนตัว ลือกันอีกว่านอกจากปัญหาสุขภาพแล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่เขาขอถอยหลังออกมา เพราะถูกกล่าวหาว่าไปคว้าและบีบคอหลานชายตัวเอง (ลูกของสเปียร์ส) ต่อมาศาลได้แต่งตั้ง โจดี้ มอนโกเมอรี เพื่อรับไม้ต่อดูแลชีวิตของนักร้องสาวเป็นการชั่วคราว แม้ชีวิตที่น่าสงสารนี้ของสเปียร์ส จะทำให้เธอรู้สึกว่าโดดเดี่ยวและเครียด แต่เหล่าแฟน ๆ ผู้เป็นที่รักของเธอไม่เคยทิ้งไอดอลของพวกเขาไว้ข้างหลัง ย้อนกลับไปในปี 2009 หลังศาลตัดสินว่าสเปียร์สไร้อำนาจในชีวิตตัวเอง แฟนเพลงของสเปียร์สกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินนี้ ได้สร้างแคมเปญสนับสนุนนักร้องสาวในชื่อ #FreeBritney เพื่อหวังว่าจะเป็นกระบอกเสียงที่ช่วยปลดปล่อยสเปียร์สจากโซ่ที่พ่อล่ามเธอเอาไว้ บริทนีย์ สเปียร์ส กับชีวิตที่ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของ และ #FreeBritney เพื่อปลดแอกชีวิตเพื่ออิสรภาพ        สเปียร์สไม่เคยออกมาพูด หรือแสดงท่าทีว่าเห็นด้วยกับแคมเปญที่จะช่วยปลดแอกเธอนี้ ทุกครั้งที่เธอถูกถามเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต เธอมักจะตอบว่า “ฉันสบายดี” อีกทั้งยังบอกแฟน ๆ ว่า อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือได้ยินมา (เรื่องอาการป่วยของเธอ) สเปียร์สรับรู้ถึงความเป็นห่วงของทุกคนอย่างดี สเปียร์เคยไลฟ์ทางอินสตาแกรม และมีแฟนเพลงรายหนึ่งพิมพ์ข้อความว่า “ถ้าคุณอยากให้เราช่วย ครั้งหน้าใส่เสื้อสีเหลืองนะ” และคลิปในโพสต์ต่อมา สาวสเปียร์สก็ใส่เสื้อสีเหลืองจริง ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญหรืออะไรกันแน่ และในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เธอได้โพสต์คลิปในอินสตาแกรมพร้อมข้อความว่า “สำหรับคนที่คิดว่าฉันไม่ได้โพสต์คลิปนี้เอง คุณคิดผิดแล้วล่ะ” เป็นการส่งข้อความถึงแฟน ๆ ว่า อย่างน้อยเธอก็ยังมีสิทธิในชีวิตตัวเองอยู่บ้าง ด้าน เจมี ลินน์ สเปียร์ส น้องสาวของนักร้องดัง ก็ออกมาโพสต์ดับมโนและต่อมเผือกของแฟน ๆ ด้วยข้อความว่า “ถ้าคุณกำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยทางจิตหรือแคร์คนพวกนี้ คุณก็น่าจะรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหนที่จะให้ความเคารพกับสถานการณ์และความเป็นส่วนตัวของคนคนนั้น” โพสต์ดังกล่าวเหมือนเป็นการตอกกลับทุกคนที่โจมตีครอบครัวเธอว่า “อย่ามาจุ้นเรื่องครอบครัวฉันนะ” อย่างไรก็ดี ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ลินน์ สเปียร์ส แม่แท้ ๆ ของนักร้องสาว ได้ยื่นความประสงค์ต่อศาลเพื่อที่จะมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ดูแลและผู้ร่วมตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ของสเปียร์สด้วย ตามเอกสารของศาลที่สื่ออย่าง The Blast ได้ไปเห็นมา แม่ของสเปียร์สอยากช่วยจัดการเรื่องเงินของเธอ รวมถึงการจัดการทรัพย์สินไว้สำหรับลูกชายของเธอ แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนามเผยกับ Entertainment Tonight ว่า แม้ทั้งคู่จะไม่ลงรอยกันนัก แต่สเปียร์สเชื่อจริง ๆ ว่าแม่อยากจะช่วยเธอให้มีสิทธิในการปกครองตัวเองบ้าง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ [caption id="attachment_25141" align="aligncenter" width="553"] บริทนีย์ สเปียร์ส กับชีวิตที่ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของ และ #FreeBritney เพื่อปลดแอกชีวิตเพื่ออิสรภาพ สเปียร์สกับแม่[/caption]         ล่าสุดกระแส #FreeBritney บนโลกออนไลน์ ร้อนแรงดั่งกะไฟเออร์ มีแฟน ๆ ไปลงชื่อในเว็บไซต์ของทำเนียบขาวมากกว่า 127,000 ชื่อ เพื่อหวังจะช่วยปลดแอดชีวิตของบริทนีย์ สเปียร์ส ให้เป็นอิสระอีกครั้ง   ที่มา: https://www.businessinsider.com/inside-britney-spears-conservatorship-freebritney-movement-2020-2#:~:text=Britney%20Spears'%20conservatorship%2C%20also%20known,her%20father%20and%20a%20lawyer. https://www.bbc.com/news/world-us-canada-53494405