Earth, Wind & Fire กับเบื้องหลัง ‘September’ เพลงที่ทุกคนต้องลุกมา “เต้น” และเนื้อเพลงที่ไม่มีความหมายของมอริส ไวท์

Earth, Wind & Fire กับเบื้องหลัง ‘September’ เพลงที่ทุกคนต้องลุกมา “เต้น” และเนื้อเพลงที่ไม่มีความหมายของมอริส ไวท์

“Do you remember the 21st night of September?”…

       ใครที่เคยไปร่วมงานแต่งในสหรัฐอเมริกา คงจะมีคำถามเกิดขึ้นในหัวว่า เหตุใดคนที่นั่นถึงชอบเปิดเพลง ‘September’ ในงาน ซึ่งคำตอบของคำถามก็คือ นี่เป็นหนึ่งในเพลงที่สามารถทำให้ทุกคนพร้อมใจกันย้ายก้นจากเก้าอี้เพื่อมาเต้นบนฟลอร์ได้ นอกจากนี้ ‘September’ ยังเป็นเพลงที่สะท้อนให้เราเห็นถึงความสนุกและมนต์เสน่ห์ของสิ่งที่เรียกว่า “กรู๊ฟ” ได้อย่างดี ‘September’ คือหนึ่งในผลงานอันโด่งดังของ Earth, Wind & Fire (เอิร์ธ, วินด์แอนด์ไฟร์) วงโซลฟังก์ระดับตำนานเจ้าของรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส และวงดนตรีที่สร้างสรรค์งานเพลงสุดฮิปอย่าง ’Let’s Groove’, ‘Boogie Wonderland’, ‘Shining Star’ และ ‘After the Love Has Gone’ โดย ‘September’ เป็นเพลงที่เขียนโดยผู้ก่อตั้งวงอย่าง มอริส ไวท์ อัล แม็คเคย์ (สมาชิกยุคดั้งเดิม) และอัลลี วิลลิส “‘September’ เกิดขึ้นมาจากอัล (แม็คเคย์) เล่นเพลงนี้ให้ผมฟัง ตอนนั้นผมชอบเพลงนี้มาก เลยเริ่มต้นคิดเมโลดี้ขึ้นมา” ไวท์ เล่า ไวท์เล่าต่อว่า ไอเดียต่าง ๆ ของเพลงนี้ผุดขึ้นมาตอนที่เขาอยู่ในห้องพักโรงแรมที่วอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งบรรยากาศรอบ ๆ โรงแรมในตอนนั้นล้อมรอบไปด้วยการเดินขบวนประท้วง และเต็มไปด้วยเสียงของความวุ่นวายและความโกรธแค้นของประชาชน “แมวพวกนี้ (คนประท้วง) ส่งเสียงร้องและขว้างปาสิ่งของใส่กันอย่างบ้าคลั่ง ตอนนั้นแหละที่ไอเดียของเพลงนี้ได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ” เขาเล่าถึงแรงบันดาลใจ [caption id="attachment_26811" align="aligncenter" width="5228"] Earth, Wind & Fire กับเบื้องหลัง ‘September’ เพลงที่ทุกคนต้องลุกมา “เต้น” และเนื้อเพลงที่ไม่มีความหมายของมอริส ไวท์ มอริส ไวท์ หัวหน้าวง Earth, Wind & Fire[/caption]        การพัฒนาเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ตอนปี 1978 วิลลิสที่สมัยนั้นยังเป็นเพียงนักแต่งเพลงไส้แห้ง แถมกำลังเผชิญกับชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานในแอลเอ คืนหนึ่งเธอได้รับโทรศัพท์จากไวท์ หัวหน้าวง Earth, Wind & Fire ซึ่งในบทสนทนาครั้งนั้น ไวท์ได้เสนอโอกาสที่ชีวิตหนึ่งจะมีสักครั้ง นั่นก็คือการได้เข้ามาแต่งเพลงร่วมกับ Earth, Wind & Fire สำหรับอัลบั้มถัดไป คืนนั้นวิลลิสตอบรับไวท์กลับไปด้วยความตื่นเต้น ในใจเธอได้แต่คิดและหวังว่านี่คงไม่ใช่เรื่องตลกหรือการแกล้งของใครบางคน วันรุ่งขึ้นเธอเดินไปที่สตูดิโอ (ไม่ไกลจากพี่พักของเธอ) และได้ยินเสียงในท่อนอินโทรของเพลง ‘September’ วินาทีนั้นเธอรับรู้ได้เลยว่า นี่คือเพลงที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตเธอและโลกใบนี้ “‘September’ เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมและมีเบื้องหลังที่น่าตื่นเต้นมาก ตอนนั้นฉันรับสายและเขาก็พูดว่า ‘สวัสดี นี่ มอริส ไวท์ นะ ผมอยากรู้ว่าคุณอยากมาเขียนเพลงให้ Earth, Wind & Fire ร่วมกับผมไหม?’ มันเหมือนฝันมาก ๆ สำหรับฉัน วันรุ่งขึ้นฉันเดินไปที่สตูดิโอ พอถึงที่นั่นฉันเปิดประตูเข้าไป พวกเขาเพิ่งจะเขียนท่อนอินโทรของเพลงเสร็จ ฉันได้ยินเสียงกีตาร์ในท่อนอินโทรนั้น แล้วก็แอบคิดในใจว่า ‘พระเจ้า ขอให้นี่เป็นอะไรที่พวกเขาอยากให้ฉันเขียนเถอะ’ เพราะมันเป็นเพลงที่มีซาวนด์ที่มีความสุขที่สุดในโลกเลย แถมมันต้องเป็นเพลงที่ฮิตโคตร ๆ แน่ ๆ “มอริส (ไวท์) เดินมาหาฉัน แล้วแนะนำฉันให้รู้จักกับสมาชิกในวงคนอื่น ๆ หลังจากนั้นเขาก็บอกทุกคนว่า ‘ฉันอยากให้เพลงนี้ชื่อว่า September และบรรทัดแรกของเพลงจะขึ้นว่า Do you remember….’ มอริสยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ มาให้ฉัน ในนั้นเขาเขียนสิ่งที่อยากจะเล่าในท่อนเวิร์สทั้งสามท่อน เวิร์สแรกเขาเขียนว่า Do you remember the 21st day of September… ตอนนั้นฉันอยากให้เขาปรับท่อนนี้ จากคำว่า day เป็น night เพราะมันดูโรแมนติกกว่า” [caption id="attachment_26808" align="aligncenter" width="4800"] Earth, Wind & Fire กับเบื้องหลัง ‘September’ เพลงที่ทุกคนต้องลุกมา “เต้น” และเนื้อเพลงที่ไม่มีความหมายของมอริส ไวท์ อัลลี วิลลิส[/caption]        วิลลิสเผยว่า แม้เธอจะชอบวิธีการเล่าเรื่องของเพลงนี้มาก แต่ตอนแรกเธอไม่เห็นด้วยที่มอริสนำคำที่ไม่มีความหมายอย่าง “ba-dee-ya” มาใส่ไว้ในท่อนคอรัส ซึ่งเธอกลัวว่ามันจะทำให้เนื้อเพลงฟังดูมักง่ายเกินไป วิลลิสเล่าว่า ตอนที่ซ้อมร้องครั้งสุดท้ายก่อนบันทึกเสียง เธอรับไม่ได้ถึงขั้นร้องไห้คุกเข่าอ้อนวอนให้ไวท์แก้ท่อนนั้น “จะมีคำที่มอริสใช้เวลาฮัมในแทบทุก ๆ เพลงที่เขาเขียน ตัวอย่างเช่น ba-dee-ya เพราะงั้นตั้งแต่เริ่มต้นเพลงเลย เขาจะร้องว่า Ba-dee-ya, say, do you remember / Ba-dee-ya, dancing in September. ฉันเลยถามว่า ‘เดี๋ยวเราจะเปลี่ยน ba-dee-ya เป็นคำอื่นที่มีความหมายใช่ไหม’ เขาตอบว่า ‘ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มันจะไม่ส่งผลต่อความหมายของเพลงหรอก’ “ฉันขอร้องเขาอยู่หลายเดือนเพื่อเปลี่ยนเนื้อท่อนนั้น พอถึงคืนสุดท้ายที่ทุกอย่างต้องเสร็จภายในเที่ยงคืน ฉันเข้าไปในสตูดิโอและขอร้องเขาเป็นครั้งสุดท้าย ฉันคุกเข่าลงและ กำต้นขาของเขา และพูดว่า ‘ได้โปรดเปลี่ยนอีท่อน ba-dee-ya เป็นคำพูดจริง ๆ ได้ไหม’” สุดท้าย ไวท์ยืนกรานที่จะไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงใด ๆ เขาเชื่อว่าเนื้อแบบนี้เข้ากับตัวเพลงที่สุดแล้ว วิลลิสยังเล่าอีกว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของไวท์ ยังเป็นบทเรียนที่สอนให้เธอรู้จักการให้ความสำคัญกับดนตรี มากกว่าเรื่องของทฤษฎี “ให้ตายยังไงเขาก็ตอบว่าไม่ เมื่อเห็นชัดแล้วว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแน่นอน ฉันเลยถามว่า ‘ถามจริงไอ้ ba-dee-ya นี่มันหมายถึงอะไรกันแน่’ เขาก็พูดหน้าตาเฉยว่า ‘ใครแม่งจะสนใจล่ะ’ เขาพูดอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนมุมมองของฉันเกี่ยวกับการแต่งเพลงไปตลอดกาลเลย เขาบอกฉันว่าอย่าให้เนื้อเพลงมาขวางทาง หากท่วงทำนองจังหวะและจิตวิญญาณของเพลงอยู่ที่นั่นแล้ว ทุกคนจะรับรู้ได้ อารมณ์ของพวกเขาจะรับรู้ได้ และพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูดในที่สุด…. มอริสเคยเล่าเรื่องนี้ลงในหนังสือชีวประวัติของเขาเมื่อปี 2016 ด้วยนะ เขาบอกว่าฉันร้องไห้ตอนที่ขอร้องเขา ฉันจำไม่ได้ว่ามันน่าอายขนาดไหน แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันจะไม่มีวันลืมเลย” [caption id="attachment_26814" align="aligncenter" width="3000"] Earth, Wind & Fire กับเบื้องหลัง ‘September’ เพลงที่ทุกคนต้องลุกมา “เต้น” และเนื้อเพลงที่ไม่มีความหมายของมอริส ไวท์ Earth, Wind & Fire[/caption]        หลายปีต่อมา วิลลิสได้พูดถึงเบื้องหลังการเขียนเนื้อเพลงนี้ว่า แม้เนื้อเพลงดูจะเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าความรักเหล่านั้นล้วนถูกกลั่นกรองมาจากหลักปรัชญา ที่ไวท์กับวงกำลังอินกันอยู่ “อะไรทำนองนี้ของพวกเขาส่วนมากมักจะมีพื้นฐานมาจากปรัชญาตะวันออก การมีมุมมองเชิงบวกแบบน่าทึ่งเกี่ยวกับชีวิต เนื้อหาของเพลงจะไม่ใช่สิ่งที่มักจะเจอในเพลงโซล ณ ตอนนั้น ฉันยังจำได้อยู่เลยตอนที่กำลังจะเดินจากสตูดิโอในวันแรก มอริสเดินมาหาฉันและให้หนังสือที่ชื่อว่า The Grestest : Salesman In The World เขาให้ฉันไปที่ the Bodhi Tree ซึ่งเป็นร้านหนังสือที่ดังเรื่องหนังสือแนวจิตวิญญาณในแอลเอ หลังจากนั้นฉันใช้เวลาไปกับหนังสือพวกนี้อยู่หลายเดือน เนื้อเพลงเริ่มยาวเป็น 25-30 หน้า ในขณะที่ฉันพยายามเข้าถึงและเข้าใจสิ่งพวกนี้ การได้อ่านอะไรพวกนี้เปลี่ยนฉันไปตลอดกาล เขานำพาฉันไปสู่เส้นทางที่ฉันเดินอยู่ทุกวันนี้” แล้วทำไมต้องวันที่  21 กันยายน? วิลลิสเองก็เคยสงสัยเหมือนกัน จึงหันไปถามไวท์ว่า ทำไมเฮียถึงเจาะจงวันวันนี้ นี่ต้องเป็นวันที่พิเศษมากแน่ ๆ… แต่ไม่  ผิดมหันต์!  ไวท์ตอบกลับวิลลิสเพียงว่า เขาไม่มีเรื่องอะไรเฉพาะเจาะจงกับวันที่ 21 กันยายน หรอก เพียงแค่คำนี้มันติดอยู่ในหัวเขาเท่านั้นเอง “เราเปลี่ยนวันไปเรื่อย ๆ อย่าง ‘Do you remember the first, the second, the third, the fourth...’ และวันที่รู้สึกดีที่สุดคือวันที่ 21 จริง ๆ ตอนแรกฉันก็ถามเขานะว่าทำไมต้องวันนี้ด้วย เขาก็บอกว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก แค่คำนี้มันเข้าปากมากกว่า มักจะมีคนมาถามและตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่าวันนั้นมันสำคัญยังไงอยู่เสมอ และมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรไปมากกว่าวันอื่นหรอก เขาแค่รู้สึกว่าร้องแล้วดีกว่าวันอื่นแค่นั้นแหละ เพราะงั้น ขอโทษด้วยนะ” วิลลิสปิดท้าย [caption id="attachment_26809" align="aligncenter" width="3612"] Earth, Wind & Fire กับเบื้องหลัง ‘September’ เพลงที่ทุกคนต้องลุกมา “เต้น” และเนื้อเพลงที่ไม่มีความหมายของมอริส ไวท์ Earth, Wind & Fire[/caption]        ‘September’ ถือเป็นเพลงจากอัลบั้มรวมฮิตของวง (The Best of Earth, Wind & Fire, Vol. 1) ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในอุตสาหกรรมดนตรีโลก ตัวเพลงขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ทบิลบอร์ดอาร์แอนด์บี และไต่ขึ้นสูงสุดอันดับแปดในบิลบอร์ดท็อป 100 หลังจากที่ไวท์เริ่มมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบประสาท (โรคพาร์กินสัน) เขาได้ถอนตัวออกจากวงเมื่อปี 1995 ก่อนจะเสียชีวิตด้วยวัย 74 ปี ในปี 2016 ทำให้ปัจจุบัน Earth, Wind & Fire มีสมาชิกทั้งหมด 12 คน และเหลือสมาชิกรุ่นแรก ๆ เพียงแค่ เวอร์ดีน ไวท์ (น้องชายไวท์), ฟิลิป เบลีย์ และ ราล์ฟ จอห์นสัน เท่านั้น   ที่มา: https://doyouremember.com/99919/september-earth-wind-and-fire https://www.npr.org/2014/09/19/349621429/the-song-that-never-ends-why-earth-wind-fires-september-sustains https://www.songwriteruniverse.com/mauricewhite123.htm https://www.wsj.com/articles/do-you-remember-the-message-in-earth-wind-fires-september-11567520286