เส้นทางสายบันเทิงแบบ ‘ใหม่ ดาวิกา’ นางเอกเบอร์ต้นของวงการ กับดราม่ายุคแรกถึงปัจจุบัน

เส้นทางสายบันเทิงแบบ ‘ใหม่ ดาวิกา’ นางเอกเบอร์ต้นของวงการ กับดราม่ายุคแรกถึงปัจจุบัน

‘ใหม่ - ดาวิกา โฮร์เน่’ ในวันนี้คือนักแสดงเบอร์ต้นของวงการบันเทิงไทย นับจากจุดเริ่มต้นด้วยการถ่ายแบบยุคแรกในวัยทีน มาถึงวันนี้ ‘ใหม่ - ดาวิกา’ ผ่านเรื่องราวมากมาย แน่นอนว่า หนีไม่พ้นเรื่องดราม่าด้วยเช่นกัน

  • ‘ใหม่ ดาวิกา’ ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกซูเปอร์สตาร์อันดับต้นของวงการ จากถ่ายแบบโฆษณาตั้งแต่วัย 13 ปี 
  • ในเส้นทางสายบันเทิง ‘ใหม่ ดาวิกา’ พบทั้งความสำเร็จ และเรื่องราวดราม่าต่าง ๆ ไม่ต่างจากคนดังแห่งวงการบันเทิงไทยรายอื่น 

หากพูดถึงนางเอกแถวหน้าของเมืองไทย ที่ความสามารถครบเครื่อง ไม่เป็นสองรองใคร ชื่อของ ‘ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่’ ต้องปรากฎขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ การันตีจากผลงานภาพยนตร์อย่าง ‘พี่มาก..พระโขนง’ ที่ทำให้ใหม่ ดาวิกา ได้รับฉายาว่าเป็น ‘นางเอกพันล้าน’ ของวงการบันเทิงไทย

‘ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่’ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ส่วนสูง 175 ซม. เป็นลูกครึ่งไทย-เบลเยียม คุณแม่เป็นชาวไทย ส่วนคุณพ่อเป็นชาวเบลเยียม แต่ทั้งคู่แยกทางกันตั้งแต่ใหม่อายุได้ 10 ขวบ และใหม่อยู่ในความดูแลของคุณแม่และคุณน้ามาโดยตลอด เดิมทีใหม่ ดาวิกา มีชื่อเดิมจริง ๆ คือ ‘ดาวิก้า’ ซึ่งมาจากชื่อนางเอกภาพยนตร์รัสเซียที่คุณพ่อชื่นชอบ ส่วนชื่อเล่น ‘ใหม่’ มาจาก ‘ใหม่ เจริญปุระ’ นักร้องที่คุณแม่ชื่นชอบนั่นเอง

ใหม่ ดาวิกา เริ่มเข้าวงการบันเทิงขณะอายุเพียง 13-14 ปี ในช่วงที่กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง หลังจากเห็นเพื่อนไปรับงานถ่ายแบบแล้วมีรายได้ดี ใหม่ ดาวิกา จึงขอคุณแม่ไปลองทำบ้าง แต่ในตอนแรก คุณแม่ไม่อนุญาต จนคุณแม่เห็นความตั้งใจของใหม่มากจริง ๆ ถึงอนุญาต โดยผลงานถ่ายแบบโฆษณาชิ้นแรกในตอนนั้นคือ ภาพนิ่งรถจักรยานยนต์ยี่ห้อหนึ่งของญี่ปุ่น

ก่อนจะมีผลงานออกมาเรื่อย ๆ ทั้งงานถ่ายแบบ เดินแบบ และโฆษณา จนอายุ 17 ปี ได้ถ่ายแบบนิตยสารเล่มหนึ่ง และได้ร่วมงานกับ ‘เฮเลน ปวรา ศิริสาร’ ซึ่งเป็นคนแนะนำให้ใหม่ ดาวิกา ได้รู้จักกับ ‘เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร’ นักปั้นดาราชื่อดังในยุคนั้น และชักชวนมาอยู่ในสังกัดด้วยกัน

ใหม่ ดาวิกา ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับช่อง 7 ในปี พ.ศ. 2552 พร้อมมีผลงานละครเรื่องแรกออกมาเลย นั่นก็คือ ‘เงากามเทพ’ ประกบคู่กับพระเอกรุ่นพี่อย่าง ‘เวียร์ ศุกลวัฒน์’ ตามมาด้วยเรื่อง ‘เหนือมนุษย์’ ซึ่งออกอากาศไล่เลี่ยกันในตอนนั้น

ละครทั้งสองเรื่องได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ใหม่เริ่มมีชื่อเสียงในฐานะนางเอกน้องใหม่ที่น่าจับตาของช่อง 7 แม้จะต้องทำงานในวงการไปด้วย แต่ใหม่ก็ไม่เคยทิ้งการเรียน จบมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนนานาชาติเกวลี ก่อนจะเข้าศึกษาต่อในคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต (หลักสูตรนานาชาติ) จนสำเร็จการศึกษา ท่ามกลางงานในวงการบันเทิงที่กำลังไปได้สวย

 

‘ใหม่ ดาวิกา’ กับผลงานละครสร้างชื่อให้ขึ้นไปอยู่ในท็อปแถวหน้าของวงการ

จากผลงานเรื่องแรกในชีวิตอย่าง ‘เงากามเทพ’ ในปี 2553 ที่สร้างชื่อใหม่ ดาวิกา ให้หลายคนได้รู้จัก ใหม่ก็มีผลงานละครกับทางช่อง 7 ออกมาเรื่อย ๆ เป็นผลงานโดดเด่นจนไปถึงระดับมาสเตอร์พีซ ไม่ว่าจะเป็น ‘ดอกแก้ว’ ที่เรตติ้งดีเกินคาดจนทางผู้จัดต้องเพิ่มตอน

ผลงานเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้ใหม่ ดาวิกา ได้รับรางวัลดาวรุ่งหญิง มณีเมขลาดีเด่นยอดนิยม ในงานเมขลา ครั้งที่ 24 ซึ่งเป็นรางวัลแรกในชีวิตการเป็นนักแสดงของใหม่ดาวิกา

ต่อด้วยผลงานภาพยนตร์ ‘พี่มาก..พระโขนง’ ที่แสดงคู่กับ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ ในปี พ.ศ. 2556 ที่สามารถกวาดรายได้รวมทั่วประเทศสูงสุดกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทยและโด่งดังไปทั่วเอเชีย ใหม่ ดาวิกา จึงได้รับฉายาว่าเป็น ‘นางเอกพันล้าน’ ห้อยท้ายชื่อนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

จนมาถึง ‘นางชฎา’ ผลงานละครเรื่องสุดท้ายก่อนที่ใหม่จะหมดสัญญากับทางช่อง 7 กับการสร้างตำนานเป็นละครหลังข่าวภาคค่ำ ที่มีเรตติ้งเฉลี่ยสูงที่สุดอันดับ 3 ในปี พ.ศ. 2558 รองจาก ‘บุพเพสันนิวาส’ และ ‘นาคี’

ก่อนที่ใหม่ ดาวิกา จะตัดสินใจผันตัวเองไปเป็นนักแสดงอิสระแทน และมีผลงานละครเรื่อง ‘เพลิงนรี’ ทางช่อง 3 เป็นผลงานแรกในฐานะนักแสดงอิสระ ในปี พ.ศ. 2559

นอกจากนี้ ใหม่ ดาวิกา ยังท้าทายความสามารถของตัวเอง ด้วยการพลิกบทบาทมารับบทเป็นสาวประเภทสองในละครเรื่อง ‘ชายไม่จริงหญิงแท้’ คู่กับ ‘เต๋อ ฉันทวิชช์’ ทำให้ใหม่ ดาวิกา ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้นไปอีก

ไม่ใช่แค่เพียงเรตติ้งละครที่ดีทุกผลงาน ใหม่ ดาวิกา ยังได้รับรางวัลการันตีความสามารถมากมาย ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการ ไม่ว่าจะเป็น รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 30 สาขานักแสดงหญิงยอดนิยม, รางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ครั้งที่ 6 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 25 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, รางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ครั้งที่ 7 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และ Asia Model Awards 2017 จากประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น

 

‘ใหม่ ดาวิกา’ กับผลงานโกอินเตอร์ระดับโลก

นอกจากผลงานละครในประเทศที่ได้รับการยอมรับ ใหม่ ดาวิกา ยังมีโอกาสได้โกอินเตอร์ในต่างประเทศหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของลอรีอัล ปารีส ระดับเอเชียแปซิฟิก ร่วมเดินแบบ River Mega Project แฟชั่นโชว์บนแม่น้ำเซนน์ ที่ปารีส ได้รับเกียรติจากแบรนด์หรูของโลกอย่าง Gucci และ Fendi ร่วมเดินแบบและชมงานแฟชั่นวีกที่เซี่ยงไฮ้ นิวยอร์ก ปารีส มิลาน กระทบไหล่คนดังระดับโลกมาแล้วมากมาย

ยิ่งทำให้ไหม่ ดาวิกา ได้รับความนิยม และจับตามองในฐานะคนบันเทิงที่มีผลงานโด่งดังในหลายด้าน

 

‘ใหม่ ดาวิกา’ กับบทบาทในฐานะ ‘นักร้อง’

อยู่วงการมานาน สิ่งหนึ่งที่ใหม่ ดาวิกา เพิ่งได้ลองทำเมื่อไม่นานมานี้ นั่นก็คือการร้องเพลง ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว กับซิงเกิ้ลแรกของเธออย่างเพลง ‘ชอบป่ะเนี่ย’ (Can I Call You Mine) ที่เธอตั้งใจอยากจะมอบเพลงนี้ให้แฟน ๆ ที่รักและคอยซัพพอร์ตเธอมาเสมอ รวมถึงยังมีท่าเต้นน่ารัก ๆ ให้แฟน ๆ ได้มาร่วมทำชาเลนจ์ จนกลายเป็นฮิตใน TikTok และล่าสุดซิงเกิลที่สอง ‘Mr.Daydream’ เพลงภาษาอังกฤษ ที่ใหม่ ดาวิกา ตั้งใจทำเพลงนี้ เพื่อบอกเล่าตัวตนในอีกแง่มุม ที่น้อยนักจะมีคนได้เห็น

 

‘ใหม่ ดาวิกา’ กับความรักระหว่าง ‘เต๋อ ฉันทวิชช์’

ตั้งแต่เข้าวงการมา ใหม่ ดาวิกา มีข่าวจิ้นกับพระเอกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ก่อนจะเปิดตัวคบหาดูใจกับ ‘เต๋อ ฉันทวิชช์’ อย่างเป็นทางการ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์หลังจบละคร ‘ชายไม่จริงหญิงแท้’ แม้อายุจะห่างกับเกือบ 10 ปี แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค ปัจจุบันทั้งคู่คบหาดูใจกันมาเป็นปีที่ 5 แล้ว แถมยังโชว์หวานผ่านอินสตาแกรมชนิดที่ว่าหวานจนน้ำตาลขึ้นตาคนโสดไปตาม ๆ กัน พร้อมมีชื่อเรียกเฉพาะกันสุดมุ้งมิ้งไม่เหมือนใครอย่าง ‘ลุงกับลิง’ อีกด้วย

 

‘ใหม่ ดาวิกา’ กับ ‘ดราม่าร้อน’ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

ดารานักแสดงของบ้านเรา ไม่เคยมีใครรอดพ้นจากประเด็นดราม่าไปได้ ใหม่ ดาวิกา ก็เช่นกัน  เริ่มจากดราม่าแรก ๆ ระหว่าง เอ ศุภชัย ในปี พ.ศ.2556 ที่ถึงขั้นฟ้องร้องกันอยู่พักใหญ่จากเรื่องสัญญาและผลประโยชน์ในการแบ่งค่าตัวที่ในตอนนั้น ใหม่ ดาวิกา ออกจากสังกัดของ เอ ศุภชัย และย้ายไปอยู่กับ ‘เกล้า น้ำพราว’ และมีประเด็นเรื่องที่ใหม่ ดาวิกา และคุณแม่ไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยที่ฉีกสัญญา เป็นเหตุให้ทางฝ่าย เอ ศุภชัย ยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ส่วนใหม่ก็ฟ้องกลับเรียก 20 ล้านบาท เพื่อปกป้องตัวเองเช่นกัน

ทั้งคู่ขึ้นศาลไกล่เกลี่ยกันถึง 2 ครั้ง ก่อนที่ใหม่ ดาวิกา จะออกมายืนยันว่าอยากจะจบเรื่องทุกอย่างด้วยดี ไม่อยากให้ยืดเยื้อ เพราะตนเองก็เป็นเด็ก ไม่อยากมีเรื่องกับผู้ใหญ่ และยอมจ่ายค่าเสียหายให้ทางฝั่งของ เอ ศุภชัย จนเรื่องราวจบไป

จนมาถึงกับกรณีข่าวไม่ลงรอยกันระหว่าง ‘ชมพู่ อารยา’ จากที่เคยสนิทสนมกันอย่างมาก ทั้งใหม่-ชมพู่ หรือแม้แต่ผู้จัดการของทั้งคู่อย่าง ‘เกล้า น้ำพราว’ และ ‘หวานเจี๊ยบ’ ที่เคยร่วมสังกัดเดียวกัน ท้ายที่สุดทางฝั่งเกล้า น้ำพราว ก็ออกมยอมรับว่ามีปัญหากันจริงในระดับผู้จัดการ ไม่เกี่ยวกับตัวดารา รวมถึงมีประเด็นข่าวเมาธ์อย่างหนักในตอนนั้นว่า นางเอกสาวรุ่นน้องยอมลดค่าตัวปาดงานซุปตาร์รุ่นพี่

ต่อมากับดราม่าแตกคอกับ ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ ที่เคยสนิทและอยู่สังกัดเดียวกัน ท้ายที่สุดใบเฟิร์นก็เซย์กู๊ดบาย เปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวใหม่ ท่ามกลางกระแสข่าวเมาธ์อย่างหนักว่า ใบเฟิร์นถูกดองงาน เป็นไก่รองบ่อนของใหม่ ดาวิกา จนในที่สุดทนไม่ไหว ขอออกมาอยู่กับผู้จัดการคนใหม่

จนมาถึงประเด็นดราม่าล่าสุดที่สะเทือนวงการบันเทิงอยู่ไม่ใช่น้อย หลังใหม่ ดาวิกา ทำคลิป ‘รวมตัวนางเอกแก๊ง ม.ม้า มาชาเลนจ์ตอบคำถามสุดลับ! | เพื่อนใหม่ EP.3’ ลงในยูทูปของตัวเอง เชิญแขกรับเชิญ 3 นางเอกสาว ‘มิว นิษฐา’, ‘มิ้นต์ ชาลิดา’ และ ‘มาร์กี้ ราศรี’ มาทำชาเลนจ์ตอบคำถามแบบวัดใจ

แต่ทว่ามีสองคำถามที่กลายเป็นประเด็นดราม่าอย่างหนัก นั่นก็คือคำถามที่ถามว่า ‘เคยโดนกันซีนบ้างมั้ย’ ที่ใหม่เล่าว่าเคยโดนแย่งซีนในงานเดินแบบงานหนึ่ง จนมาถึงคำถามของมาร์กี้ ราศรี ที่ถามว่า ‘เคยร่วมงานกับใครแล้วไม่ขอร่วมงานอีก’ 

ก่อนมาร์กี้ จะเล่าเรื่องราวให้ฟังว่า “ไม่เคยมีเรื่องกับใครเลย ยกเว้นคนนี้คนเดียว ที่เคยพูดกับมาร์กี้ว่า คอยดูว่าใครจะอยู่วงการนี้ได้นานกว่ากัน พูดแบบไม่มีใครอยู่ด้วยเพราะนั่งคุยในห้องกันสองคน แต่ทางมาร์กี้ได้อัดเสียงไว้” จนอีกทั้ง 3 คนถึงกับออกอาการซู้ดปากอย่างออกรสออกชาติ

งานนี้กลายเป็นประเด็นดราม่าหนัก เมื่อคนในโลกโซเชียลมองว่าเป็นคอนเทนต์ที่ไม่สร้างสรรค์ และมีการพาดพิงไปถึงบุคคลที่ 3 แม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อก็ตาม และหนึ่งในนักแสดงที่ถูกโซเชียลคาดเดานั่นก็คือ ‘เบลล่า ราณี’ จากคลิปเก่างานเดินแบบเครื่องเพชรที่มีชาวเน็ตตาดีขุดขึ้นมาอีกครั้ง และในงานนั้นมีครบหมด ทั้งใหม่ ดาวิกา, มิว นิษฐา และเบลล่า ราณี รวมไปถึงคาดเดาว่าใช่คนเดียวกับเรื่องราวของมาร์กี้ ราศรี ด้วยหรือไม่?

โดยหลังจากคลิปเผยแพร่ออกมา ใหม่ ดาวิกา ก็ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ระบุว่า

“ทุกคนคอนเทนนี้สนุกๆ เป็นการแชร์ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาและวันนี้มองกับไปมันก้อเป็นบทเรียนทุกวันนี้เราเดินต่ออย่างมีความสุขและมาเล่ากันด้วยรอยยิ้ม...ดังนั้นทุกคนเดาได้เผือกได้เพื่อความบันเทิงแต่จะไม่คอนเฟิร์มและจะไม่บอกว่าเป็นใครนะคะ ไม่มีดราม่าใดๆ และก็ไม่สร้างดราม่าด้วยน้า ถ้าดาวิทำให้ใครไม่พอใจดาวิขอโทษนะคะ และจะพัฒนาปรับปรุง content ตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แต่ถ้าใครชอบความสนุกสนานแบบเพื่อนๆ ดาวิก็จะชวนเพื่อนมาทำอีกครับ”

กลายเป็นไฟดราม่ากลับยิ่งลามหนักยิ่งกว่าเดิม จนทำให้ชื่อของทั้ง 2 สาว ใหม่ มิว มาร์กี้ และมิ้นต์ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์พร้อมกัน และสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์ทั้ง 4 สาวอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ใหม่ ดาวิกา จะออกมาทวิตข้อความขอโทษ โดยระบุว่า

“ผิดจริงต้องยอมรับค่ะ... ดาวิขอโทษกับคอนเทนต์นี้จริงๆ ค่ะ ดาวิจะนำไปเป็นบทเรียนและปรับปรุง (และจะเลิกทำคอนเทนต์นี้) ถ้าใครไม่พอใจรบกวนว่าและติที่ดาวิคนเดียวนะคะ และหยุดโยงหยุดคิดกันไปเองนะคะ…สุดท้ายนี้ดาวิขอบคุณสำหรับคนที่เข้าใจนะคะ”

ด้านมาร์กี้ ราศรี ก็ได้โพสต์ภาพข้อความในไอจีสตอรี่ระบุว่า “ไม่ใช่เบลล่านะทุกคน ไม่เคยมีเรื่องกับเบลล่าทั้งในอดีตและปัจจุบันค่ะ”

ดราม่าครั้งนี้ ผู้คนในโลกโซเชียลหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผิดหวังในตัว 4 นางเอกสาว จากความไม่สร้างสรรค์ในการทำคอนเทนต์ ขณะที่คลิปรายการดังกล่าวในยูทูปช่อง Davikah Channel พบว่ามียอดวิวอยู่ที่ 6.6 แสนไปเรียบร้อยแล้ว (ข้อมูลวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566)

 

ภาพ: แฟ้มภาพจาก NATION PHOTO