โกฮยอนจอง : สตรีผู้รับบท ‘คิมโมมี’ ใน ‘Mask Girl’ ผู้หญิงที่ยืนหนึ่งในเกาหลี

โกฮยอนจอง : สตรีผู้รับบท ‘คิมโมมี’ ใน ‘Mask Girl’ ผู้หญิงที่ยืนหนึ่งในเกาหลี

โกฮยอนจอง หรือ คิมโมมี วัยกลางคนในซีรีส์ Mask Girl จากนางงามก้าวสู่บทบาทนักแสดง ก่อนหันหลังให้วงการไปเป็นหลานสะใภ้เศรษฐีตระกูลแชโบล แล้วคัมแบคอีกครั้งด้วยความสามารถการแสดงที่หลายคนชื่นชม แต่ชีวิตระหว่างทางกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

  • โกฮยอนจอง ไม่เคยเสียดายที่ได้เล่นเป็นคิมโมมี ใน Mask Girl เพียง 2 ตอน เพราะเธอรู้สึกว่าบทเหมาะกับวัยและเธอโชคดีที่ได้เล่นบทนี้
  • แต่กว่าจะเป็นโกฮยอนจองในวันนี้ เธอต้องใช้ชีวิตผ่านหน้ากล้องมามากกว่า 20 ปี รวมถึงอดีตรักแสนหวานที่คนทั้งเกาหลีจับตามอง
  • ไม่ได้มีดีแค่ความสวย แต่เธอผ่านมาแล้วหลายบทบาท ทั้งนางงาม นักแสดง แม่ ภรรยา และผู้บริหาร

ในซีรีส์ ‘Mask Girl’ ตัวละครที่โดดเด่นที่สุด คือ ‘คิมโมมี’ ผู้หญิงที่อยากจะเป็นที่รักของทุกคน

หลังจากซีรีส์ออนแอร์ไป กระแสสังคมต่างก็ให้ความสนใจกับตัวละครหลังหน้ากาก รวมถึงนักแสดงที่เป็นตัวละครที่แสดงเป็นคิมโมมีในแต่ละช่วงวัย

หนึ่งในนั้น คือ ‘โกฮยอนจอง’ ผู้รับบทคิมโมมีวัยกลางคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูกสาวคนเดียวของตัวเอง แม้ว่าเธอจะต้องใช้ชีวิตในสถานะนักโทษอาชญากรรมคนหนึ่ง

โกฮยอนจอง เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 1971 ที่ประเทศเกาหลีใต้ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดงกุก สาขาศิลปะการแสดง ปัจจุบันเป็นเจ้าของและนักแสดงภายใต้สังกัด IOK Company ที่เธอเป็นผู้บริหารเอง 

และถ้าจะบอกว่าชีวิตจริงตลอด 30 กว่าปีในวงการบันเทิงของโกฮยอนจองไม่ต่างจากคิมโมมีเลย คงไม่พูดเกินไปนัก

The People ชวนดูเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของโกฮยอนจองผ่านหลากหลายบทบาท และเรื่องราวชีวิตที่ไม่ต่างจากละครได้ในบทความนี้ 

อดีตนางงามสู่นักแสดง

จุดเริ่มต้นของโกฮยอนจองในเส้นทางวงการบันเทิงเกาหลีใต้ คือ การเป็น ‘นางงาม’ การันตีด้วยรางวัลรองชนะเลิศ ‘Miss Korea’ ในปี 1989

ตอนนั้นถือเป็นเรื่องปกติที่นางงามจะพลิกบทบาทขึ้นมาเป็นนักแสดง ขณะเดียวกันก็มีเพียงนางงามที่เป็นรองชนะเลิศไม่กี่คนที่จะเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงได้

แต่โกฮยอนจองทำได้ เพราะเธอคือคนหนึ่งที่ทำลายมายาคติ ‘แจกันเคลื่อนที่’ ซึ่งหมายถึง นางงามที่ไม่ได้โฟกัสกับการแสดง แต่มองว่าเป็นเพียงบันไดขั้นแรกในการเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อพยายามเกาะติดชื่อนักแสดงเพื่อหาสามีที่ร่ำรวยด้วยความสามารถของเธอเอง

เธอก้าวสู่ชีวิตนักแสดงด้วยการเป็นนักแสดงสมทบจากซีรีส์ ‘Eyes of Dawn’ เล่าเรื่องชีวิตของผู้หญิงภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อด้วยการเดบิวต์ในฐานะนักแสดงนำจากบท ‘ชินคยองเอ’ หญิงสาวที่หลงรักการเต้นก่อนจะมาตกหลุมรักกับหนุ่มนักแต่งเพลง

ส่วนบทบาทที่ทำให้หลายคนรู้จักโกฮยอนจองมากขึ้น คือ การตอบรับเป็น ‘ยุนฮเยริน’ นางเอกเรื่อง ‘Sandglass’ ออกอากาศทางช่อง SBS ความยาว 24 ตอนในปี 1995 ทั้งยังเป็นหนึ่งในละครที่มีเรตติ้งสูงสุดในประวัติศาสตร์และคำชมมากมายจากชาวเกาหลี

เรียกได้ว่าปี 1995 เป็นปีทองของโกฮยอนจอง แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะยุติบทบาทในวงการบันเทิงเพื่อเป็นแม่และภรรยาที่ดีของ ‘จองยงจิน’ หลานชายของอีคุนฮี ประธานบริษัทซัมซุงบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลี อีกทั้งยังดูแลบริษัทในเครือชื่อ ‘ชินเซเก กรุ๊ป’ (Shinsegae Group) จำกัด อีกด้วย

การหันหลังให้กับการเป็นนักแสดงถือว่าเป็นข่าวใหญ่ที่หลายสื่อจับตามอง เพราะโกฮยอนจองในเวลานั้นคือนักแสดงหญิงตัวท็อป ส่วนจองยงจินก็เป็นหลานของมหาเศรษฐีตระกูลแชโบ

ชีวิตรักที่ทั้งเกาหลีจับตามอง

ตามรายงานข่าวของสำนักข่าวท้องถิ่น ‘ซอโจ อิลโบ’ เล่าถึงการพบกันครั้งแรกของโกฮยอนจองและอดีตสามีของเธอไว้ว่า ตอนนั้นโกฮยอนจองอายุเพียง 22 ปี ส่วนจองยงจินอายุ 25 ปี เจอกันในการแสดงละครบรอดเวย์ที่นิวยอร์ก เพราะมีชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่าอาจมาจากความสนใจแนวละครที่เหมือนกัน 

“ตอนเจอกันครั้งแรก ฉันรู้สึกว่าเขาเหมือนตัวแทนกลุ่มบริษัทหนึ่ง แต่ฉันคิดว่าอารมณ์ขันของจองยงจินทำให้ฉันสนใจเขา” โกฮยอนจองพูดถึงเรื่องราวของอดีตความสัมพันธ์ในรายการวาไรตี้ ‘Knee Park Guru’ ที่ออกอากาศช่วงปี 2013

หน้าม่าน โกฮยอนจองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดจนหลายคนอิจฉา แต่หลังม่านดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะการเป็นสะใภ้ของตระกูลมหาเศรษฐีไม่ใช่เรื่องง่าย

ในบ้านหลังใหม่ ทุกคนพูดภาษาอังกฤษสื่อสารกัน เธอก็พยายามเรียนภาษาเพิ่มเติมจนเข้าใจ แต่พอฟังออก ทุกคนในบ้านก็เปลี่ยนมาคุยภาษาฝรั่งเศสแทน 

เว็บไซต์ KBIZoom เขียนชีวิตหลังแต่งงานของนักแสดงสาวไว้ว่า เธอถูกปฏิบัติไม่ต่างจากคนรับใช้ในบ้าน และยังถูกกีดกัน หลังจากให้กำเนิดลูกทั้งสองคน

ผ่านไป 8 ปี โกฮยอนจองก็ตัดสินใจหย่าขาดจากสามี ยุติสถานะสะใภ้แชโบล

เธอถูกสั่งห้ามไม่ให้พบลูก และพอจะกลับเข้าวงการบันเทิงอีกครั้ง บริษัทในเครือของซัมซุงก็ปฏิเสธที่จะเลือกเธอเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์

ถึงจะยาก แต่โกฮยอนจองก็เคยบอกผ่านรายการสัมภาษณ์หนึ่งว่า “มีคนบอกว่าการเกษียณตัวเองออกจากวงการบันเทิง คุณจะไม่เสียใจ ฉันก็ไม่เสียใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปสมัยนั้น  ฉันก็จะแต่งงานอยู่ดี”

 

atti.k แบรนด์เสื้อผ้าของโกฮยอนจองสำหรับผู้หญิงทุกคน

atti.k มาจากคำว่า attitude (ทัศนคติ) และ ko (นามสกุลของโกฮยอนจอง) 

เปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกในปี 2014 จุดเริ่มต้นมาจากความต้องการของโกฮยอนจองที่อยากเปิดแบรนด์เสื้อผ้าที่ช่วยให้ผู้หญิงแต่งตัวสวยได้ในทุกวัน

การเดบิวต์ตัวเองในบทบาทผู้บริหาร ทำให้เธอตื่นเต้นและกดดันเหมือนกัน ในบทสัมภาษณ์ของเว็บไซต์ Soompi เธอบอกว่า คนรอบตัวก็กังวล แต่ก็ยังให้กำลังใจ แต่โกฮยอนจองไม่ใช่คนที่เอนเอียงไปตามความเห็นคนอื่น

ช่วงแรก โกฮยอนจองสวมชุดแบรนด์ของเธอขึ้นปกนิตยสาร Haper’s Barzaar Korea พร้อมบอกในบทสัมภาษณ์ถึงเป้าหมายในการเปิดแบรนด์ครั้งนี้ของเธอว่า “ฉันหวังว่าแบรนด์ของฉันจะกลายเป็นแบรนด์ที่ช่วยเพิ่มมุมมองเรื่องความทันสมัยและการมองโลกในแง่ดีให้ผู้หญิงในทุกวันได้”

สินค้าขายดีของแบรนด์ คือ กระเป๋าทรงรถถังที่โด่งดังช่วงปี 2017 แต่ตอนนี้แบรนด์อาจจะลดความเคลื่อนไหวลง

แต่ atti.k ก็นับเป็นอีกหนึ่งผลงานที่พิสูจน์อีกหนึ่งความสามารถของผู้หญิงหน้าสวยคนนี้ที่ไม่ได้มีแค่ความสวย แต่เต็มไปด้วยทักษะหลายอย่างที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น

 

รันวงการอีกครั้ง

พอผ่านมรสุมชีวิตส่วนตัวมา โกฮยอนจองก็คัมแบคอีกครั้งในรอบ 10 ปีจากซีรีส์ ‘Spring Days’ ในปี 2005 ที่เธอกลับมารับบทนางเอกคู่กับโจอินซอง พระเอกซีรีส์ Moving ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้

แม้จะเริ่มกลับมารันวงการ แต่ซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมจากแฟน ๆ เหมือนเช่นเคย จนมาถึงซีรีส์ที่เป็นตัวพิสูจน์ว่า กาลเวลาทำอะไรโกฮยอนจองไม่ได้จริง ๆ คือ การรับบทราชินีในซีรีส์แนวซากึก (ละครพีเรียดเกาหลีใต้) ‘ซอนต็อก มหาราชินีสามแผ่นดิน’ (Queen Seondeok) ทำให้เธอถูกจัดอันดับเป็นนักแสดงที่ได้รับความชื่นชมสูงสุดในปีนั้น

อีกทั้งยังเป็นผลงานที่ทำให้เธอได้รับรางวัลแดซังจาก ‘งานแพ็กซัง’ ครั้งที่ 46 (46th BaekSang Arts Awards) ซึ่งถือว่าเป็นงานประกาศรางวัลของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุด 

โกฮยอนจองมีงานแสดงมาเรื่อย ๆ ผ่านหน้าจอโทรทัศน์สลับกับจอภาพยนตร์ Dear My Friends ซีรีส์ฟีลกู๊ดในปี 2016,  Reflection of You  ปี 2021 และ A Tiger in Winter ปี 2018 

รวมถึงการรับบท ‘คิมโมมี’ วัยกลางคนใน ‘Mask Girl’ ซีรีส์เกาหลีรีเมคจากเว็บตูนที่ขึ้นท็อปชาร์ตอันดับ 1 รายการทีวีของเน็ตฟลิกซ์ 

Mask Girl คือ ผลงานที่บอกว่า ความโด่งดังของเธอมาจากความสามารถของผู้หญิงที่ชื่อ ‘โกฮยอนจอง’ จริง ๆ

ในซีรีส์เรื่องนี้ โกฮยอนจองยอมตัดผมสั้นเพื่อสวมบทบาทเป็นคิมโมมีให้ดีที่สุด และถ่ายทอดความเย็นชารวมถึงความทุกข์ระทมตลอดชีวิตที่ผ่านมาของคิมโมมีได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ขณะเดียวกัน คิมโมมีก็สอนบทเรียนชีวิตให้โกฮยอนจองอย่างหนึ่ง คือ เหตุผลที่ทำให้เธอกลับมาในวงการอีกครั้งอาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของเธอ

เธอให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ AllKpop ว่า ผลงานเรื่องล่าสุดทำให้เธอรู้ว่า หน้าตาเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่อาจไม่สำคัญในการรับบทเป็นนักแสดงของโกฮยอนจอง 

“เมื่อฉันกลับมาในวงการบันเทิงอีกครั้ง ทุกคนตอบรับฉันอย่างอบอุ่น ฉันก็แอบคิดว่าเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของฉันหรือเปล่า แต่เมื่อฉันต้องเผชิญกับข่าวลือและอุปสรรคในชีวิต ฉันก็รู้ว่า รูปลักษณ์เป็นสิ่งที่ทุกคนมี ถึงอย่างนั้นรูปลักษณ์ก็มีประโยชน์มากสำหรับฉันในฐานะนักแสดง

“อย่างไรก็ตาม ฉันก็พยายามที่จะพิสูจน์ตัวเอง แล้ว ‘Mask Girl’ ก็เป็นผลงานที่ทำให้ฉันเห็นความสำคัญของความพยายามที่แท้จริง ถ้ามุ่งมั่นและตั้งใจเพื่อบางสิ่ง ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานที่ยืนยันว่ารูปลักษณ์ไม่สำคัญสำหรับนักแสดง”

เชื่อว่าทุกบทบาทที่โกฮยอนจองได้รับ คือ เครื่องพิสูจน์ความสามารถทั้งเรื่องความสามารถและความแข็งแกร่งทางจิตใจว่า เธอเป็นนักแสดงที่ยืนหนึ่งในวงการบันเทิงเกาหลีคนหนึ่ง

ไม่มีอะไรมาพรากเธอได้ นอกจากตัวเธอเอง

ชีวิตหน้ากล้องมากกว่า 30 ปีของโกฮยอนจองบอกเราแบบนั้น 

 

เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์

ภาพ : แฟ้มภาพจาก Getty Images, Netflix

 

อ้างอิง :

allkpop (1)

allkpop (2)

soompi

seojo ilbo

kbizoom

itzone

korseries (1)

korseries (2)

kapook

iok