17 ก.พ. 2568 | 17:43 น.
KEY
POINTS
เราทุกคนรู้ วงการบันเทิงคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง…
ยิ่งการเป็นนักแสดงเด็กมันยากกว่าเสมอ เพราะพวกเขาเป็นเด็ก การเติบโตบนเส้นทางวงการบันเทิงจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งกับ ‘คิมแซรน’ นักแสดงที่เข้าวงการตั้งแต่ 9 ปี ถึงโลกจะไม่เคยใจดีกับเธอ แต่เธอก็ใช้รอยยิ้มสู้มาเสมอ
เธอเป็นเจ้าของรอยยิ้มแสนสดใส เป็นอีซึลบี นางฟ้าสุดน่ารักของแฟน ๆ ซีรีส์เกาหลีใต้ แต่มันคือการแลกมาด้วยวัยเยาว์ วัย 10 และ 20 ปีของเด็กคนหนึ่ง
ถึงแม้วันนี้ เจ้าของรอยยิ้มจะไม่อยู่แล้ว แต่รอยยิ้มจะส่องประกายในใจของผู้คนตลอดมา
คิมแซรนเข้าวงการครั้งแรกในวันที่เธออายุเพียงไม่กี่เดือน ในฐานะนางแบบโฆษณาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก พออายุ 5-6 ปี เธอปรากฎตัวอีกครั้งผ่าน ‘โปโปโป’ รายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก จุดประกายฝันแรกที่ทำให้เธอฝึกร้อง ฝึกเต้น และอยากเป็นนักแสดง
“ตอนที่หนูดูพี่ ๆ นักแสดงทำการแสดง หนูคิดว่า สักวันหนึ่งหนูก็อยากจะเป็นแบบนั้น” เธอให้สัมภาษณ์
ความฝันการเป็นนักแสดงของแซรนค่อย ๆ เติบโตตามช่วงวัยที่มากขึ้น เธอบอกว่า “มันเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิที่เปลี่ยนเป็นฤดูร้อนอย่างเป็นธรรมชาติ หนูแค่รู้สึกว่า ‘ฉันอยากแสดง’ มันเป็นเหมือนเสียงกระซิบจากโชคชะตา”
แล้วโชคชะตาก็เข้าข้าง ปี 2009 เด็กหญิงคนนี้ได้รับโอกาสให้ลองร่วมออดิชันบทของ ‘จินฮี’ นักแสดงนำของภาพยนตร์เรื่อง A Brand New Life ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย อีชางดง ผู้กำกับชื่อดังจาก 'Secret Sunshine' และ 'Oasis'
การออดิชันครั้งนั้นถือว่าเป็นความท้าทายสำหรับเด็ก 9 ขวบที่ต้องแสดงเป็นครั้งแรก เพราะเป็นการแสดงสด ไม่มีบทให้เตรียมตัวล่วงหน้า กรรมการจะเป็นคนกำหนดสถานการณ์ แซรนได้รับบทเป็นเด็กที่งตั้งใจเก็บความลับของเพื่อน แต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนแพร่งพรายความลับออกไป
“พอกรรมการบอกสถานการณ์ สมองของหนูคิดบทพูดออกมาเองเลยค่ะ หนูเองก็ยังแปลกใจ… หนูไม่ชอบซ้อม เพราะถ้าซ้อมมากไป การแสดงมันจะดู ประดิษฐ์ เกินไป หนูอยากแสดงออกมาให้เป็นธรรมชาติที่สุด”
แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ทุกอย่างดูจะยากเกินไปสำหรับนักแสดงตัวน้อย จนแซรนอยากยอมแพ้ ถึงอย่างนั้น รอยยิ้มและคำชื่นชมของคนดูก็ทำให้ความเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้ง
“มันเหนื่อยมากจนหนูคิดว่า ‘ที่หนูเลือกเส้นทางนี้มันถูกไหม’ พอเห็นคนดูมีความสุข หนูก็รู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าเดิม”
กาลเวลาผ่านไป ชื่อของ ‘คิมแซรน’ ถูกจดจำในบทบาทของเด็กที่มักได้รับบทน่าเศร้า ทั้งเด็กที่ถูกพ่อทิ้งใน A Brand New Life และบทบาทแจ้งเกิดกับ ‘จองโซมี’ เด็กที่ถูกลักพาตัวโดยขบวนการค้าอวัยวะใน ‘The Man from Nowhere’ ประกบคู่กับนักแสดงดาวรุ่ง ณ เวลานั้นอย่าง ‘วอนบิน’
The Man from Nowhere ประสบความสำเร็จอย่างมากในเกาหลีใต้ เพราะเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของเกาหลีใต้เมื่อปี 2010
ความสามารถของแซรน ทำให้เด็กหญิงวัย 9 ขวบคนนี้เดินพรมแดงเข้ารับรางวัล นักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Actress) จากงานประกาศรางวัลหลายงาน เช่น Korean Film Awards Max Movie Awards จากภาพยนตร์เรื่อง The Man from Nowhere และยังถูกเสนอชื่อรับรางวัลหน้าใหม่จาก Baeksang Arts Awards และ Asian Film Awards รวมถึงการคว้ารางวัล Best Child Actor/Actress – Special Mention จาก BUSTER Copenhagen International Film Festival for Children and Youth
ถึงอย่างนั้นเธอในวัย 10 ปีก็อยากให้ผู้ชมจดจำเธอว่าเป็น ‘นักแสดง’ ไม่ใช่ ‘นักแสดงเด็ก’
“หนูไม่อยากให้คนเรียกหนูว่า ‘นักแสดงเด็ก’ คำนี้ทำให้คนคิดถึงเด็กที่แค่ตาโต หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา แต่หนูอยากได้รับการยอมรับจากฝีมือการแสดงจริงๆ หนูอยากเป็นนักแสดงตัวจริง"
หลังจากประสบความสำเร็จจาก The Man from Nowhere คิมแซรนยังคงปสดงภาพยนตร์ต่อเนื่อง ทั้ง Barbie (2011) The Queen’s Classroom (2013) และ A Girl at My Door (2014) สะท้อนให้เห็นว่าเธอสามารถถ่ายทอดตัวละครที่ซับซ้อนและสร้างความประทับใจให้ทุกคนได้อีกครั้ง
ยังไม่นับรวมกับการที่เธอได้เป็นนักแสดงหญิงที่ได้ร่วมงานที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ถึง 2 ครั้ง ก่อนอายุ 15 ปี หนึ่งในครั้งสำคัญมาจากการร่วมงานเป็นนักแสดงนำของเรื่อง A Girl at My Door ที่ถูกจับตาจากผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก
ชื่อและความสามารถของ ‘คิมแซรน’ ได้รับการยอมรับมากขึ้น เธอยังคงแสดงและได้รางวัลเป็นเครื่องพิสูจน์ความตั้งใจและความสามารถของเธอ มากกว่านั้นมันคือเครื่องพิสูจน์ว่าเธอคือนักแสดงจริง ๆ อย่างที่ตั้งใจไว้
ความสามารถด้านการแสดงของเธอคับจอ และ ความสามารถในการถ่ายทอดตัวละครที่ซับซ้อนได้อย่างลึกซึ้งทำให้เธอได้รับรางวัลมากมาย และยืนยันสถานะของเธอในฐานะหนึ่งในนักแสดงเยาวชนที่มีพรสวรรค์ที่สุดของเกาหลีใต้
เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า "การแสดงเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ เวลาที่หนูทุ่มเทอย่างเต็มที่แล้วได้เห็นผลลัพธ์ของมัน ได้รับผลตอบแทนจากความพยายาม สิ่งเหล่านี้ทำให้หนูมีความสุขมาก"
ไม่เพียงแต่จอเงิน แต่จอแก้ว แซรนก็ทำได้ดี โดยเฉพาะบทอีซึลบี นางฟ้าแสนน่ารักและสดใสจาก Hi! School - Love On (2014) และ แม่มดที่ถูกสาปจากเรื่อง Mirror of the Witch (2016)
ผลงานการแสดงที่หลากหลายของคิมแซรนยืนยันถึงพรสวรรค์และความทุ่มเทของเธอ คิมแซรนไม่เพียงแต่เติบโตในฐานะนักแสดง แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอคือนักแสดงที่แท้จริง พร้อมสร้างสรรค์ผลงานที่น่าจดจำต่อไป
ปี 2017 คิมแซรนออกมาประกาศว่า เธอลาออกจากโรงเรียนแล้ว
“การใช้ชีวิตเป็นนักแสดงมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะขาดเรียนบ่อยๆ” ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังทำร้ายเพื่อนๆ... ฉันไม่คิดว่าฉันจะเรียนให้ดีและแสดงให้ดีไปพร้อมกันได้ ฉันเลยเลือกที่จะแสดง
“ฉันอยากเรียนหลายอย่าง ทำให้ฉันเลือกลาออกจากโรงเรียน ฉันรู้ การเรียนสำคัญ ฉันเลยเลือกเรียนภาษาต่างประเทศ ใช้เวลาที่เคยใช้ในโรงเรียนมาเรียนสิ่งที่ฉันอยากเรียนแทน”
แล้วเธอก็ทำสำเร็จ ปี 2018 คิมแซรนสอบเข้าสาขาศิลปการแสดงและการศึกษาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยชุงอังได้สำเร็จ
จะบอกว่าเธอเป็นคนขยันและพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอคงไม่ผิด เพราะ 2 ปีต่อมา คิมแซรนไปออกรายการ On and Off เป็นรายการวาไรตี้ที่ไปสำรวจชีวิตนอกเวลางานของเหล่าดาราเกาหลี
ในเทปนั้น เธอทำให้เห็นชีวิตประจำวันของคิมแซรนไม่ใช่ ‘นักแสดงคิมแซรน’ เธอชอบทำอาหารและมีความสุขเวลาที่คนชอบอาหารที่เธอทำ
"ฉันชอบทำและทานอาหารที่บ้าน พ่อแม่บอกว่าการทานอาหารดีๆ เป็นสิ่งสำคัญเสมอ… ฉันมีใบอนุญาตประกอบอาชีพบาริสต้า ซึ่งฉันใช้เรียนการทำขนมอบ และได้เรียนทำอาหารเกาหลีด้วย ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันมีความสุขไปกว่าการที่คนอื่นสนุกกับการทานอาหารที่ฉันทำ"
แล้วเธอก็ยังได้ใช้เวลากับเพื่อนวัยประถมที่รู้จักกันมา 8 ปี เธอบอกกับเพื่อนว่า “ตอนม.ต้น เราเรียนหนังสือกันเยอะ พวกเธอขยันกันมาก ฉันก็เลยตามไปเรื่อยๆ เพราะงานและกิจกรรมอื่นๆ ฉันไม่ได้ค่อยได้ไป ทำให้ฉันไม่ค่อยได้สัมผัสชีวิตในโรงเรียนมากเท่าไหร่”
แม้ว่าเธอจะต้องแลกกับประสบการณ์บางอย่างในวัยรุ่นที่เพื่อนคนอื่นอาจจะได้สัมผัส แต่เธอก็เลือกที่จะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความหมายในแบบของตัวเอง และไม่มีอะไรที่ทำให้เธอมีความสุขไปกว่าการได้เห็นคนอื่นมีความสุขจากสิ่งที่เธอทำ
ระหว่างทางบนเส้นทางสายการแสดงของคิมแซรนก็ดำเนินต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้โรยด้วยกับกุหลาบ
ชื่อของเธอมักตกเป็นประเด็น South China Morning Post เคยสรุปถึง 5 ประเด็นที่คิมแซรนถูกสังคมเกาหลีใต้วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ พร้อมขวดไวน์ตอนอายุ 13 ปี, การโยนของขวัญที่แฟน ๆ มอบให้ และการถอนตัวออกจากซีรีส์ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ไม่เห็นด้วยในบางประเด็น’ ที่สุดท้ายทางผู้จัดละครจะออกมาปฏิเสธก็ตาม
ถึงจะตกเป็นข่าว แต่คิมแซรนก็ยังคงตั้งใจทำงานของตัวเองอย่างดีที่สุด เธอได้รับโอกาสอีกครั้งกับโปรเจกต์ใหญ่ ‘Blood Hound’ ออริจินัลคอนเทนต์ของ Netflix เกาหลีใต้
จนกระทั่งมีกระแสข่าวออกมาว่า คิมแซรนเมาแล้วขับ รถของเธอพุ่งชนกับรั้วกันและหม้อแปลงไฟฟ้าทำให้จราจรติขัดช่วงเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนกำลังเดินทางไปทำงาน และระบบบัตรเครดิตของร้านกาแฟใกล้เคียงไม่สามารถทำงานได้ ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงซ่อมแซมกว่าจะกลับมาใช้งานได้ปกติ
เหตุการณ์นี้ไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ และเธอก็ต้องถูกปรับ 20 ล้านวอน ต้องสูญเสียงานทั้งหมด บทบาทในซีรีส์ Bloodhounds ของ Netflix รวมถึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด
เธอเขียนจดหมายด้วยลายมือของเธอและโพสต์ลงอินสตาแกรม ข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า “ด้วยการตัดสินใจและการกระทำที่ไม่รอบคอบของฉัน ทำให้ผู้ค้าร้านละแวกนั้น ประชาชน รวมถึงผู้ที่ช่วยซ่อมแซมได้รับผลกระทบ ฉันควรจะต้องรอบคอบและรับผิดชอบมากกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่ฉันทำไม่ได้ ขออภัยจากใจจริง
“สำหรับเหตุการณ์นี้ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ฉันผิดหวังและละอายใจกับสิ่งที่ฉันไทำไป ฉันจะพิจารณาตัวเองและพยายามอย่างสุดความสามารถไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ขอโทษค่ะ”
เธอชดใช้หนี้ให้ร้านค้าทั้งหมด 30 รายที่ได้รับผลกระทบจากการขับรถชนพุ่งเสาไฟฟ้า และเพื่อชดใช้ความผิดทั้งหมด เธอเลือกกลับไปใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา
หลังจากนั้นก็มีกระแสข่าวว่า เธอไปทำงานพาร์ทไทม์ที่คาเฟ่ ตอนนั้นต้นสังกด ‘GOLDMEDALIST’ ต้นสังกัดออกมายืนยันว่า “เป็นความจริงที่คิมแซรนได้ทำงานพาร์ทไทม์ที่คาเฟ่อยู่ช่วงหนึ่ง เนื่องจากสภาวะที่ยากลำบาก”
ไม่นาน เจ้าตัวออกมาปฏิเสธว่า “ที่ถูกถ่ายเป็นร้านกาแฟของเพื่อนของฉันที่ทำงานอยู่ ฉันไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน แต่ฉันทำงานพาร์ทไทม์จริงๆ"
ปี 2022 ต้นสังกัดตัดสินใจยุติสัญญากับคิมแซรนทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงอิสระที่ไม่ค่อยได้ปรากฎตัวผ่านสื่อ
คิมแซรนตกเป็นเป้าสังคมอีกครั้ง ปี 2024 ตอนที่ Queen Of Tears ได้รับความนิยมสูงสุดในเกาหลีใต้ คิมแซรนก็ออกมาโพสต์ภาพเธอกับคิมซูฮยอน พระเอกของเรื่อง แล้วลบอย่างรวดเร็ว จนมีคนมองไปถึงกระแสเรื่องการเดต แต่สุดท้าย GOLDMEDALIST ต้นสังกัดของคิมซูฮยอนก็ออกมาปฏิเสธ
ต้นสังกัดระบุว่า “ขอเรียนให้ทราบว่าข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์โรแมนติกของคิมซูฮยอนในขณะนี้นั้นไม่มีมูลความจริง ภาพที่เผยแพร่ทางออนไลน์นั้นได้ถ่ายไว้ในช่วงที่ คิมแซรน อยู่ภายใต้สังกัดเดียวกันกับคิมซูฮยอน และ เราไม่สามารถทราบถึงเจตนาที่แท้จริงเบื้องหลังการกระทำของคิมแซรนได้”
ปี 2024 เธอได้รับโอกาสให้เล่นละครเวทีเรื่อง Dongchimi แต่ก็ตัดสินใจถอนตัวด้วยปัญหาทางสุขภาพ ผ่านไปไม่นานก็มีภาพหลุดออกมาว่า เธอกำลังจะเดบิวต์อีกครั้งกับการเป็นนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง ‘Guitar Man’
ถึงอะไร ๆ จะไม่เป็นใจ แต่คิมแซรนก็ไม่เคยหยุด และยังคงสู้เพื่อให้เธอได้กลับมาเป็นนักแสดงอีกครั้ง
ถ้าพูดถึงคิมแซรนหลายคนคงนึกถึงรอยยิ้มแสนหวานที่ยากจะลืมเลือน
แม้โลกภายนอกจะไม่ได้ใจดีกับเธอ แล้วรอยยิ้มก็เริ่มหายไป แต่เธอก็เลือกที่อยากจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
จริง ๆ แล้ว เพื่อนของคิมแซรนให้สัมภาษณ์ว่า เธอตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเป็น ‘คิมอาอิม’ เพื่อสมัครงานพาร์ทไทม์และสัมภาษณ์งานที่ร้านกาแฟ
ลองใส่แว่น เปลี่ยนชื่อ แม้บางคนจะไม่รู้ว่าเธอคือคิมแซรน แต่พอถ่ายภาพลงสื่อออนไลน์ ทุกคนก็รู้ความจริง ทำให้คิมแซรนถูกไล่ออกจากงาน
เดือนพฤศจิกายน 2024 คิมแซรนเพิ่งถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Guitar Man เสร็จ เธอยังบอกเพื่อน ๆ ว่า อยากเปิดร้านกาแฟของตัวเอง แต่ช่วงเย็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2025 คิมแซรนได้จากโลกนี้ไปตลอดกาล
ตำรวจบอกว่า "จนถึงตอนนี้ยังไม่พบร่องรอยการบุกรุกหรือข้อสงสัยในทางอาชญากรรม และ กำลังสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง"
แล้ววันต่อมา 17 กุมภาพันธ์ 2025 ตำรวจก็แถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่า "เราเชื่อว่าคิมแซรนตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง และฆ่าตัวตาย โดยไม่พบหลักฐานอื่นใด"
หลังจากทราบข่าว ผู้กำกับ Guitar Man พูดถึงนักแสดงที่รักว่า "ถึงแม้จะเป็นนักแสดงมานาน แต่เธอก็ยังเป็นมืออาชีพมาก" ในกองถ่าย เธอไม่เหมือนนักแสดงวัยรุ่น แต่มีความมั่นใจเหมือนนักแสดงที่มีประสบการณ์มากที่สุด ในเรื่อง 'Guitar Man' เธอมีประสบการณ์มากที่สุดและแสดงได้ดีมาก"
หลาย ๆ คนอาจจะชอบคิมแซรนในบทบาทของนักแสดงเด็ก หรือนักแสดงมืออาชีพ แต่สิ่งหนึ่งที่จะยังคงอยู่ในใจของทุกคน คือ รอยยิ้มอันแสนหวานและอบอุ่นของเธอ รอยยิ้มที่เป็นดั่งแสงสว่างในวันมืดมิด รอยยิ้มที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน
การจากไปของคิมแซรนเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนว่า การยืนอยู่ในแสงสว่างตั้งแต่วัยเยาว์ไม่ใช่เรื่องง่ายในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน และทุก ๆ ความสำเร็จจำเป็นต้องแลกบางอย่างเสมอ
แม้วันนี้เจ้าของรอยยิ้มจะจากไป แต่ความทรงจำและรอยยิ้มของเธอจะยังตรึงอยู่ในของทุกคนตลอดไป
ภาพ : อินสตาแกรม ron_sae, IMDb
อ้างอิง
Actor Won Bin attends the funeral of the late Kim Sae Ron / allkpop
Police Comments On Kim Sae Ron’s Passing At Press Conference / Koreaboo
Kim Sae Ron Opens Up About Why She Left School For Acting / soompi
[20140328 GQ] Introducing Kim Sae Ron – Interview / The Sunny Town
Is Kim Sae-ron cancelled? 5 scandals the K-drama child star faces / South China Morning Post
Kim Sae-ron: The Rise, Fall, and Resurgence of a Child Star / Geeks
Looking back at Kim Sae-ron's life and career / GMA Entertainment
How once-beloved actress Kim Sae-ron fell from grace / The Korea Herald
[SBS Star] The Story Behind Kim Sae Ron's High School Dropout / SBS News
배두나-송새벽-김새론 주연 ‘도희야’, 칸 영화제 매혹시키며 호평 / Financials News