‘บังชีฮยอก’ ผู้ปั้นวง BTS และคนที่รวยอันดับต้นแห่ง K-Pop ผู้มอบฝันทางดนตรีให้คนทั่วโลก

‘บังชีฮยอก’ ผู้ปั้นวง BTS และคนที่รวยอันดับต้นแห่ง K-Pop ผู้มอบฝันทางดนตรีให้คนทั่วโลก

‘บังชีฮยอก’ ผู้อยู่เบื้องหลังวง BTS และบุคคลที่ร่ำรวยอันดับต้นแห่งวงการ K-Pop เขาเติบโตมาจากคนที่ไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง แต่กลับก้าวมาเป็นผู้มอบฝันทางดนตรีให้คนทั่วโลก

  • บังชีฮยอก มีส่วนร่วมกับผลงานของศิลปินดังอย่าง BTS และอีกหลากหลายแง่มุมทำให้เขาถูกจัดอันดับเป็นบุคคลจากวงการดนตรีเกาหลีที่ร่ำรวยที่สุด
  • แม้เขาจะยอมรับว่า ไม่มีพรสวรรค์โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง แต่บังชีฮยอก เก็บเกี่ยวประสบการณ์มายาวนานจนทำให้มองขาดและปลุกปั้นผลงานที่ประสบความสำเร็จหลายชิ้น

เมื่อเอ่ยชื่อของ ‘บังชีฮยอก’ (Bang Si Hyuk) หลายคนคงต้องโยงเขาเข้ากับการมีอยู่ของหนึ่งในศิลปินที่ดังที่สุดในโลกจากเกาหลีอย่าง BTS รวมถึงค่ายเพลงดัง Big Hit และบริษัท Hybe Corporation ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จนโปรดิวเซอร์คนดังกลายเป็นบุคคลจากวงการดนตรีเกาหลีที่ร่ำรวยที่สุด จากการจัดอันดับของทั้ง Forbes Asia และ Bloomberg

แต่สำหรับแฟน ๆ K-POP เจเนอเรชันก่อน ๆ จะรู้เลยว่า ‘มูลค่า’ ของคนเบื้องหลังมากความสามารถคนนี้ เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน กับศิลปินและผ่านผลงานมากมาย แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าความสำเร็จทั้งหมดเกิดจาก ‘ความเป็นอัจฉริยะ’ ที่เขามีติดตัวมาแต่แรก

บังชีฮยอก เกิดวันที่ 9 สิงหาคม 1972 ในครอบครัวสายวิชาการที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลได้ทั้งคู่ โดยมีรายงานว่าตัวเขาเองก็เป็นคนหัวดีมาแต่ไหนแต่ไร และเริ่มอ่านหนังสือคล่องตั้งแต่อายุได้แค่ 5 ขวบ

ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ People Inside ในปี 2011 เขายอมรับแบบไม่อ้อมค้อมถ่อมตัวเลยว่าตัวเองเป็น ‘คนเรียนเก่ง’ มาโดยตลอดจริง ๆ แต่ข้อเสียที่เขารู้ตัวดีมาแต่ไหนแต่ไรด้วยก็คือการไม่มีพรสวรรค์ด้านอื่นที่โดดเด่นเลย จะมีงานอดิเรกกับเขาสักอย่างก็กลายเป็นว่าเป็นสิ่งที่ที่บ้านเลือกให้ อย่างการให้ลองเรียนกีตาร์ เครื่องดนตรีที่ทำให้เขาได้เริ่มสัมผัสกับโลกแห่งดนตรีจริง ๆ จัง ๆ เป็นครั้งแรก

บังชีฮยอก เข้าเรียนสาขาสุนทรียศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล และถึงจะไม่เคยร่ำเรียนมาทางดนตรีอย่างจริงจัง แต่การเริ่ม ‘จับกีตาร์’ ในวันนั้น ก็ทำให้เขามีเพื่อนใหม่ มีสังคม เป็นคนดนตรี ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกวงดนตรี และเข้าแข่งขันในเวทีประกวด รวมถึงเล่นเปิดหมวกสะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ จนได้พบกับโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลง พักจินยอง ระหว่างที่ตนเองยังเรียนมหาวิทยาลัย เลยได้ ‘เดบิวต์’ ในฐานะนักแต่งเพลงในตอนนั้น โดยทำงานคู่กับ พักจินยอง หรือ ‘JYP’ นั่นเอง

ความสำเร็จครั้งสำคัญของบังชีฮยอกกับ JYP หรือก็คือค่ายเพลง JYP ที่แฟน ๆ  K-POP รู้จักกันดีนี้ ได้แก่ วงบอยแบนด์แห่งยุคอย่าง g.o.d ที่คู่ดูโอ้โปรดิวเซอร์คู่นี้รับผิดชอบดูแลการทำอัลบั้มแรกของวง โดย g.o.d เดบิวต์ในปี 1999 และกลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงต้นยุค 2000s (และยังได้รับความรักจากแฟน ๆ อย่างท่วมท้นจนถึงปัจจุบัน กับปรากฏการณ์เปิดขายบัตรคอนเสิร์ตครบรอบ 23 ปีของวง แล้ว Sold Out แทบจะทันที!)

ถึงเจ้าตัวจะพูดอยู่บ่อยครั้งว่าตนเองเป็นคนขี้อาย เข้าสังคมได้ไม่เก่งมาตั้งแต่เด็ก ๆ และไม่ได้เก่งกาจอะไรกับเขาเท่าไหร่ในด้านการ ‘เพอร์ฟอร์ม’ ดนตรี ทั้งฝีมือการดีดกีตาร์และร้องเพลง แต่จากการโชว์เพลง ‘The Reason’ ของศิลปิน Hoobastank กลางรายการ People Inside เมื่อปี 2011 แบบสด ๆ ไม่ใช้แบ็กกิงแทร็กและเอฟเฟกต์ใด ๆ นั้น ก็ทำให้ผู้ชมทั้งสตูดิโอประทับใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าการได้ฟังเสียงร้องของเขาสด ๆ คือการที่ได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีทักษะในการดึงสิ่งรอบตัวมาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงได้อย่างยอดเยี่ยม และจากการฟังเพลงฮิตปี 2003 อย่าง The Reason จนติดหู ก็นำไปสู่การแต่งเพลงฮิตของเขาเอง ที่จนถึงวันนี้ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน ‘เพลงที่ดีที่สุดของบังชีฮยอก’ อย่าง Like Being Hit by a Bullet ของศิลปิน แพ็กจียอง ที่ปล่อยออกมาในปี 2008

แพ็กจียอง รวมถึงศิลปินที่ ‘ได้รับเพลงฮิต’ จากนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์คนนี้ ต่างยกย่องให้เขาเป็นอัจฉริยะที่รู้จักจับวางองค์ประกอบของเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เพลงบัลลาด’ ได้อย่างลงตัว แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็บอกว่าบังชีฮยอก เป็นคนที่จะไม่ยอมรับสถานะ ‘อัจฉริยะ’ ที่คนอื่นมอบให้เช่นนี้ นั่นก็เพราะตัวเขาไม่ได้คิดว่าทักษะที่ว่านั้นมีอะไรพิเศษหรือผิดแผกแตกต่างไปจากคนเบื้องหลังคนอื่น ๆ

สมัยที่ยังทำงานกับ JYP ค่ายที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และถือเป็นสถานที่แห่งแรกที่เขาได้เรียนรู้เรื่อง ‘การบริหาร’ ค่ายเพลง รวมถึงทำหน้าที่มากกว่าการแต่งเพลงโดยทั่วไป บังชีฮยอก พูดถึงเส้นทางดนตรีของตัวเองว่า เขาไม่เคยนึกฝันว่าวันหนึ่งจะได้มาทำงานด้านดนตรี เขาแค่ได้โอกาสในการทำงาน แล้วพบว่าตัวเองทำได้ ก็เท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อทำได้และ ‘ทำได้ดี’ รวมถึงเริ่มเฝ้ามองและสังเกตศิลปินคนอื่น ๆ ค่ายอื่น ๆ ที่ตัวเขาไม่ได้ทำงานให้ ความฝันในการทำผลงานให้ก้าวไกลไปในระดับโลกก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ โดยเขาเคยยกศิลปิน TVXQ (ทงบังชินกี) และ Girls' Generation เป็นศิลปินที่เขายอมรับเรื่องความสามารถใน ‘การบุกตลาดโลก’ ในยุคนั้น ที่ในนัยหนึ่งก็ถือเป็นเป้าหมายที่อยากจะทำให้ได้ในลักษณะเดียวกันด้วย

หนึ่งในโปรเจกต์ที่โดดเด่นสมัยที่เขายังคงร่วมงานกับค่าย JYP และโปรดิวเซอร์เจ้าของค่ายอย่าง พักจินยอง นั้น คงหนีไม่พ้น One Day หรือโปรเจกต์การเดบิวต์ 2PM บอยแบนด์สายเต้น กับ 2AM บอยแบนด์สายบัลลาด พร้อม ๆ กัน โดยพักจินยอง ที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ถนัดปั้นศิลปิน ‘สายร้อง’ ได้มอบหน้าที่การดูแล 2AM ไว้กับบังชีฮยอก คนนี้ จนตัวศิลปินเองก็ให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยครั้งว่าทั้งพักจินยองและบังชีฮยอกถือเป็น ‘พ่อของ 2AM’ ด้วยกันทั้งคู่ ขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้

ผลงานกับ 2AM นี้เองที่พาให้ชื่อของเขากลายเป็นที่ต้องการในตลาดเพลงเกาหลีมากขึ้นอีกระดับ กับความสำเร็จของซิงเกิลระดับตำนาน ที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงถูกพูดถึงในฐานะ ‘เพลงที่ดีที่สุดของ 2AM’ ซึ่งในขณะเดียวกันก็อาจถือเป็น ‘เพลงที่ดีที่สุดของบังชีฮยอก’ ด้วยอย่าง Can't Let You Go Even If I Die ที่ปล่อยออกมาในปี 2010

ที่ต้องพูดถึงศิลปิน 2AM เมื่อนึกถึงตัวตนของบังชีฮยอก ก็เพราะหลังจากที่ร่วมงานกับ JYP มาเนิ่นนาน ภายใต้นามปากกานักแต่งเพลงว่า hitman” bang รวมถึงการไปร่วมหัวจมท้ายขายเพลงกับท่านประธานพักจินยองที่อเมริกาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายแล้ว บังชีฮยอก ก็ตัดสินใจเติมเต็มความคาดหวังและความฝันด้านดนตรีของตัวเอง โดยการเปิดบริษัทอย่างเป็นทางการ ในปี 2005 ภายใต้ชื่อ Big Hit Entertainment ที่ต่อมาเป็นที่รู้จักกันภายใต้ Hybe Corporation โดยที่ในช่วงเดบิวต์โปรเจกต์ One Day นั้น Big Hit เซ็นสัญญากับ JYP เพื่อร่วมกับแมเนจวง 2 AM โดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม สำหรับศิลปินที่ Big Hit ดูแลเองนั้น กลับไม่ได้รับการตอบรับที่ท่วมท้นเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับผลงานที่โปรดิวเซอร์คนดังคนนี้เคยทำไว้ภายใต้ชายคาของค่ายอื่น แม้ว่าเสียงตอบรับของศิลปินเบอร์แรกของค่ายอย่าง 8Eight วงผสมชายหญิง ที่ประกอบด้วย 3 เมมเบอร์ จะนับไม่ได้ว่าล้มเหลวก็ตาม แต่ศิลปินเบอร์แรกก็ดูจะเป็นการ ‘ลองตลาด’ ที่เป็นประโยชน์มาก ๆ กับ Big Hit เพราะบังชีฮยอก คิดมาตลอดว่าสิ่งที่เขาต้องการจะทำให้ได้ก็คือการปลุกปั้นบอยแบนด์เกิลกรุ๊ป ไอดอลตามตำรับเกาหลีที่แฟน ๆ ทั่วโลกชื่นชอบ ให้สำเร็จเป็นที่รู้จัก ภายใต้ชื่อ Big Hit เองจริง ๆ

แต่ก็เหมือนโชคจะไม่ได้เข้าข้างบังชีฮยอก มากนักในช่วงแรก จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีแฟน ๆ แซวความตั้งใจในการเดบิวต์เกิร์ลกรุ๊ปของเขา ว่าถ้าเป็นโปรเจกต์ที่ขึ้นตรงกับเขาแล้ว ต้องมีบางอย่างผิดพลาดหรือเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในที่สุด ตั้งแต่โปรเจกต์วง GLAM ที่วางตัวสมาชิก 5 คน มาอย่างดี และเดบิวต์ในปี 2012 แต่ไม่นานหลังจากนั้น หนึ่งในสมาชิกก็เข้าไปพัวพันกับข่าวฉาว โดยเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับนักแสดงดังที่มีภรรยาอยู่แล้วอย่าง อีบยองฮอน

ยิ่งไปกว่านั้น สาวผู้เป็นข่าวที่ว่ายังไปแบล็กเมลนักแสดงเบอร์ต้นคู่กรณีเสียอีก เลยถูกดำเนินคดีและตัดสินจำคุก ทำให้โปรเจกต์นี้หยุดชะงักลงโดยปริยาย และประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการในปี 2015

ขณะที่เมื่อไม่นานมานี้ บังชีฮยอก กลับมาปั้นเกิร์ลกรุ๊ปด้วยตัวเองอีกครั้งกับโปรเจกต์ Le Sserafim ที่เดบิวต์เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา และมีกรณีหนึ่งในสมาชิก คิมการัม ถูกกล่าวหาว่าบุลลี่เพื่อนนักเรียน จนต้องยุติสัญญาระหว่างกันในที่สุด กลายเป็นอีกหนึ่งฝันร้ายและอุบัติเหตุทางการตลาดแสนบังเอิญของบังชีฮยอก ซึ่งอาจทำให้เขายิ่งต้องพิถีพิถันกับการคัดเลือกศิลปินในสังกัดขึ้นกว่าเดิม

กลับกัน การมองศิลปินชาย รวมถึงการคัดสรรคนที่จะมาเป็นสมาชิกของบอยแบนด์เบอร์หนึ่งของ Big Hit ถือเป็นภารกิจที่บังชีฮยอกมองได้ ‘ขาด’ เสมอ ตั้งแต่การเซ็นสัญญากับ คิมนัมจุน หรือ RM สมาชิกคนแรกของโปรเจกต์ BTS ในปี 2010 ก่อนจะเปิดออดิชันหาสมาชิกคนอื่น ๆ จากทั่วประเทศ จนได้เดบิวต์ ‘ตำนาน’ ของวงการดนตรีเกาหลียุคนี้ ที่สุดท้ายแล้วจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ K-POP ไปทั่วโลกได้อย่าง BTS ในปี 2013

“BTS สร้างผลงานที่ ‘แตะ’ ประเด็นหรือบางสิ่งที่คนรุ่นใหม่ทั่วโลกต่างก็พยายามมองหา”

ไม่ใช่แค่ความโดดเด่นเรื่องการสร้างสรรค์เพลง ที่ถือเป็นโปรดักต์ของ ‘นักร้อง’ เท่านั้น แต่บังชีฮยอก เป็นคนที่สร้างสรรค์ ‘คอนเทนต์’ และรู้จักหยิบจับจัดเรียงสิ่งที่ผู้คนอยากดูอยากฟังได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย

และนอกจาก ‘ซูเปอร์กรุ๊ป’ ที่เขาปั้นมากับมืออย่าง BTS แล้ว ล่าสุด เขาก็ได้ทำไว้ ‘ยิ่งกว่าที่เคยคิด’ คือไม่ได้แค่สร้างสรรค์ศิลปินในแบบ TVXQ และ Girls' Generation ที่เขาชื่นชม แต่เลือกจะ ‘เป็นเจ้าของ’ ศิลปินทั้งสอง ‘แบรนด์’ นี้ด้วยตัวเองเลย หลังจาก อีซูมาน ผู้ก่อตั้ง SM Entertainment ติดต่อให้เขาเข้าซื้อหุ้นจากตนเอง เป็นจำนวน 14.8 เปอร์เซ็นต์ เพื่อ ‘บล็อกดีล’ ของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ Kakao ซึ่งถูกดำเนินการโดยผู้บริหารคนอื่น ทำให้ Hybe โดยบังชีฮยอก กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ SM ด้วยจำนวนหุ้น 18.46 เปอร์เซ็นต์ ไปในทันที

ความสำเร็จที่ผ่านมาของบังชีฮยอก น่าจะเป็นครึ่งการันตีได้ไม่มากก็น้อยว่า สิ่งที่เขาเลือกที่จะทำ เส้นทางที่เขาเลือกที่จะไป สำหรับอาณาจักรดนตรีที่เขาสร้างขึ้น จะเป็นสิ่งที่เรียกเสียงฮือฮา และทิ้งอิมแพกไว้ได้เสมอ

และจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของทั้งตัวเขา และบริษัทภายใต้ความดูแล (และมูลค่าของแต่ละศิลปินของบริษัทเขาดูแล) ก็น่าจะชัดเจนแล้วเช่นกันว่า ที่สุดแล้วคนคนหนึ่งก็ไม่จำเป็นต้อง ‘มีฝัน’ มาตั้งแต่ต้นหรอก การไม่มีความฝันไม่ใช่เรื่องผิด สำคัญคือเมื่อคนคนนั้นได้บังเอิญค้นพบความฝัน และเลือกจะส่งต่อมันกับคนอื่น ๆ อีกทั่วโลก นั่นคือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่น้อยคนนักจะทำได้... และบังชีฮยอก ได้ทำไปแล้ว

 

เรื่อง: นิรามัย

ภาพ: (ซ้าย) บังชีฮยอก (ขวา) อีซูมาน ไฟล์จาก Getty Images

อ้างอิง:

People Inside

Bang Si-hyuk to lead production of new girl group Lesserafim

HYBE and its unfortunate history with girl groups

Namu Wiki

Which BTS song does Bang Si Hyuk think is his best work?

We are finally back together JYPX2am

'No Good in Goodbye' recording scene JYPX2am

방 시혁, 당신이 몰랐던 12가지 사실

Bang Si-hyuk "BTS touched something that young people the world over were seeking" : TIME Magazine

BTS Hitman Bang Si-hyuk's speech on Good Content at ASEAN-ROK Culture Innovation Summit