กำเนิด ‘You'll Never Walk Alone’ เพลงสุดซึ้งและกินใจที่กลายเป็นเพลงประจำทีม ‘ลิเวอร์พูล’

กำเนิด ‘You'll Never Walk Alone’ เพลงสุดซึ้งและกินใจที่กลายเป็นเพลงประจำทีม ‘ลิเวอร์พูล’

เรื่องราวของจุดกำเนิดเพลง ‘You'll Never Walk Alone’ เพลงสุดซึ้ง ความหมายกินใจที่กลายเป็นเพลงประจำสโมสร ‘ลิเวอร์พูล’ ในภายหลัง เพลงนี้เขียนคำร้องโดย Oscar Hammerstein ประพันธ์ดนตรีโดย Richard Rodgers

  • ‘You'll Never Walk Alone’ เพลงที่กลายมาเป็นเพลงประจำสโมสรฟุตบอลรวมถึงทีมดังอย่างลิเวอร์พูล มาจากปลายปากกาของ Richard Rodgers และ Oscar Hammerstein
  • ด้วยเนื้อหาและทำนองที่ไพเราะกินใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ บุคลากรคนสำคัญในสโมสรรวมถึงแฟนบอลจะนิยมในตัวเพลง ทำให้เพลงนี้ถูกร้องในสนามจนแทบกลายเป็น ‘เพลงชาติ’ ของลิเวอร์พูลไปด้วย

บทเพลงความยาวเพียง 2:40 นาที ที่ชื่อ ‘You'll Never Walk Alone’ เป็นผลงานการแต่งเนื้อร้องของ Oscar Hammerstein และประพันธ์ดนตรีโดย Richard Rodgers นักดนตรี และนักการละครชาวอเมริกันที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อใช้ในละคร Broadway เรื่อง Carousel เมื่อปี ค.ศ.1945

นอกจากละครเพลงเรื่อง Carousel แล้ว ทั้งคู่ยังมีผลงานละครเวทีชื่อดังก้องโลกอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น South Pacific, The King and I, Cinderella, The Sound of Music, Oklahoma! ที่ถูกนำมาผลิตซ้ำ ทั้งในรูปแบบละครเวที ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์อยู่เสมอ

Richard Rodgers หัดเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุ 17 ก็เริ่มเขียนเพลง และสร้างผลงานร่วมกับ Lorenz Hart นักแต่งเพลงมือดี และประสบความสำเร็จร่วมกันมากมาย แต่ Lorenz Hart ได้เสียชีวิตลงทำให้ Richard Rodgers เปลี่ยนไปจับคู่กับ Oscar Hammerstein แทน

Oscar Hammerstein นั้นเกิดในครอบครัวละครเวที มีคุณปู่เป็นนักร้องโอเปร่า และคุณพ่อเป็นเจ้าของโรงละคร เขาจึงซึมซับศิลปะการละครตั้งแต่เด็ก จนได้มาพบกับ Richard Rodgers กลายมาเป็นคู่หูบันลือโลกแห่งวงการ Broadway ในที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘You'll Never Walk Alone’ ที่ทั้งคู่แต่งขึ้นเพื่อใช้ในละครเพลง Carousel ซึ่งเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง

เพราะบทเพลง ‘You'll Never Walk Alone’ ได้ทำให้ทั้งสองคนได้รับการกล่าวขวัญถึงตราบนานเท่านาน

นาน เท่าที่สโมสรลิเวอร์พูลยังคงโลดแล่นในโลกฟุตบอล

แม้ Oscar Hammerstein จะเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1960 และ Richard Rodgers ได้เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1979 ก็ตาม

นอกจากลิเวอร์พูลแล้ว ‘You'll Never Walk Alone’ ยังถูกนำไปขับขานในสโมสรฟุตบอลอีกหลายแห่ง อาทิ Glasgow Celtic, Feyenoord, Borussia Dortmund, Kaiserslautern, Borussia Mönchengladbach และ FC Tokyo

ด้วยท่วงทำนอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยเนื้อหาที่ลึกซึ้ง ซึ่งสื่อถึงคำว่ามิตรภาพของ ‘You'll Never Walk Alone’ ทำให้มีการนำไปถ่ายทอดโดยศิลปินชื่อดังตลอดช่วงระยะเวลาจากปี ค.ศ.1945-1962 จำนวนมาก อาทิ Frank Sinatra (1945) Louis Armstrong (1954) Nina Simone (1958) Judy Garland (1960) Doris Day (1962)

‘You'll Never Walk Alone’ กลายมาเป็นเพลงประจำสโมสร ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล แห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในปี ค.ศ.1963 ทันทีที่คณะดนตรีจากเมืองลิเวอร์พูล Gerry & The Pacemakers นำมาเรียบเรียงเสียงประสาน และบันทึกเสียงในปี ค.ศ.1963 โดยโปรดิวเซอร์ George Martin เจ้าของฉายา ‘เต่าทองตัวที่ 5’

นอกจากจะประสบความสำเร็จขึ้นถึงอันดับ 1 ของชาร์ตเพลงสหราชอาณาจักร ยังมีการนำเวอร์ชั่นที่ผ่านการโปรดิวซ์ของ George Martin ผู้ปลุกปั้น The Beatles ไปขับร้องใหม่โดยศิลปินแถวหน้าระดับโลกมากมาย นับจากปี ค.ศ.1963 จนถึงปัจจุบัน

ไม่ว่าจะเป็น Ray Charles (1963) Elvis Presley (1968) Tom Jones (1969) Pink Floyd (1971) Aretha Franklin (1972) Olivia Newton-John (1989) The Shadows (1990) Johnny Cash (2003) Alicia Keys (2005) Susan Boyle (2012) Trisha Yearwood (2016)

“When you walk through a storm (เมื่อคุณเผชิญหน้ากับพายุ)
Hold your head up high (จงเชิดหน้าเข้าไว้)
And don’t be afraid of the dark (อย่าหวาดวิตกกับความมืดมิด)
At the end of a storm (และเมื่อพายุร้ายผ่านพ้นไป)
There’s a golden sky (ฟ้าสีทองก็จะผ่องอำไพ)
And the sweet silver song of a lark (และบทเพลงแสนหวานจะขับขานก้องกังวาน)
Walk on through the wind (ก้าวต่อไป ไม่ว่าพายุจะแรงแค่ไหน)
Walk on through the rain (ก้าวต่อไป แม้สายฝนจะโหมกระหน่ำ)
Though your dreams be tossed and blown (และแม้ว่า ความฝันของคุณจะย่อยยับอับปาง)
Walk on, walk on (ก้าวต่อไปนะ ก้าวต่อไป)
With hope in your heart (ก้าวไปด้วยใจหวัง)
And you’ll never walk alone (และคุณจะไม่มีวันเดินไปโดยลำพัง)
You’ll never walk alone (คุณจะไม่เดินเดียวดาย)”

‘เพลงชาติ’ ของ The Kop

ด้านหลังอัฒจันทร์ Kop End ทุกครั้งที่ลิเวอร์พูลลงเล่นในสนามแอนฟิลด์ Kop End จะคราคร่ำไปด้วยป้ายผ้า ธง ผ้าพันคอหลากสีสัน แดง เหลือง เขียว เทา อันเป็นสีประจำสโมสร และสีเสื้อผ้าของผู้เล่นลิเวอร์พูลทุกยุคทุกสมัย

นอกจากสีสันผ้าพันคอ ธงเชียร์ ป้ายผ้า และเสื้อผ้าหน้าผม บทเพลงหนึ่งซึ่งเสมือนเป็น ‘เพลงชาติ’ ของเหล่า The Kop หรือแฟนบอลลิเวอร์พูล ที่มักส่งเสียงคำรามกึกก้องเพื่อข่มขวัญคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นทีมใหญ่แค่ไหน และใหญ่มาจากไหน

ใหญ่คับเกาะอังกฤษ หรือใหญ่คับทวีปยุโรป ไม่ว่าใครจะใหญ่มาจากไหน ต่างต้องครั่นคร้ามกับเสียงไชโยโห่ร้องประสานกับพลังขับขานอันดุดันของบทเพลง You'll Never Walk Alone

และสำหรับ Scousers หรือชาวเมืองลิเวอร์พูลแล้ว เสียงเพลง You'll Never Walk Alone ต้องเป็นเวอร์ชั่นของ Gerry & The Pacemakers เท่านั้น

ที่แม้ว่า Sound จะเก่าแสนเก่า และเชยแสนเชยเพียงใด แต่เนื้อหาที่ก้าวขึ้นไปถึงระดับ ‘วัฒนธรรม’ ของเพลงเพลงนี้ ได้กลบกลืนกลิ่นเก่าแสนเก่า และเชยแสนเชยไปเสียจนหมดสิ้น

หากพูดถึงเพลงประจำสโมสรฟุตบอล หลายทีมใช้เพลง Hey Jude ในการเชียร์ ไม่ว่าจะเป็น Manchester City ที่แม้จะมี Blue Moon เป็นเพลงหลักของสโมสร ทว่า กองเชียร์ ‘เรือใบสีฟ้า’ ก็นำ Hey Jude มาร้องสลับกับ Blue Moon และเพลงอื่น ๆ ของพวกเขาอยู่เสมอ

เช่นเดียวกับ Arsenal ที่แม้จะมี Arsenal We’re on Your Side เป็นเพลงเชียร์หลัก ทว่า แฟนปืนใหญ่ก็มักงัดเอา Hey Jude มาร้องสลับกับ Arsenal We’re on Your Side และเพลงอื่น ๆ ของพวกเขาอยู่เสมอเช่นกัน 

‘สาลิกาดง’ ก็เป็นอีกทีม ที่แฟนพันธ์แท้ Newcastle United ชอบหยิบ Hey Jude มาร้อง ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้ว Local Hero คือเพลงเชียร์สุดโปรดของเหล่า Toon Army

นอกจากนี้ ยังเคยได้ยินเพลง Hey Jude ที่สนาม Elland Road ของ Leeds United รวมถึง Brighton & Hove Albion อยู่บ่อย ๆ รวมถึงอีกหลายสโมสรในลีกเดอะแชมเปี้ยนชิพ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สโมสร Brentford ที่ถึงขนาดนำ Hey Jude มาเป็น ‘เพลงประจำสโมสร’ เลยทีเดียว

ในส่วนของ Liverpool กับ You'll Never Walk Alone ที่แรกเริ่มเดิมทีไม่ใช่เพลงประจำสโมสรอย่างเป็นทางการ และน่าแปลกใจที่ หงส์แดง ไม่ใช้เพลง Hey Jude ของ The Beatle เสียด้วย ทั้งที่เป็นผลงานของวงดนตรีจากเมือง Liverpool แท้ๆ เพราะพวกเขาเลือกใช้ You'll Never Walk Alone เมื่อปรมาจารย์ Bill Shankly ผู้จัดการทีม Liverpool ได้ยินเพลง You'll Never Walk Alone ของ Gary & The Peacemaker ที่เพิ่งวางแผงหมาด ๆ ในปี ค.ศ. 1959 

ทว่า แม้ขรัวเฒ่า Bill Shankly จะชื่นชอบ You'll Never Walk Alone มากเพียงใด แต่กว่าที่เพลงจะกลายเป็นที่นิยมของเหล่า The Kop ต้องรอสะสมความคลั่งไคล้มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ.1965 ในนัดชิง FA Cup ที่เหล่า The Kop ทุกคนร่วมกันร้อง You'll Never Walk Alone ดังกึกก้อง Anfield นับตั้งแต่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสูญเสียในเหตุการณ์ Hillsborough วิปโยค ปี ค.ศ. 1989 ที่แฟนบอล 96 คนจากไปในโศกนาฏกรรมในสนาม The Kop และแฟนบอลทั่วโลกได้สดุดีผู้สูญเสียด้วยบทเพลง You'll Never Walk Alone

และทุกครั้งที่ทีมต้องการกำลังใจ เพื่อพลิกกลับมาชนะ จากการตามหลังคู่แข่งหลายประตูแบบไร้ความหวัง ดังนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีก ปี ค.ศ. 2005 ที่ตามหลัง A.C. Milan ถึง 0-3 แต่ด้วยพลังเพลงเชียร์ You'll Never Walk Alone ทำให้ทีมพลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้!

เป็นที่รู้กันดีในหมู่ The Kop ว่า You'll Never Walk Alone มิได้มีสถานะเพียงแค่เพลงเชียร์ เท่านั้น แต่ You'll Never Walk Alone มีพลังงานบางอย่างแฝงอยู่อย่างรุนแรง

พลังงานที่ช่วยให้ทีมรักพลิกสถานการณ์จากเสมอเป็นชนะ และจากความใกล้พ่ายแพ้ กลับกลายเป็นชนะได้ในหลายครั้ง เมื่อแฟนบอลส่งกำลังใจให้เหล่านักเตะด้วยการตะโกนก้องร้อง You'll Never Walk Alone

ด้วยเนื้อเพลงที่ลึกซึ้งกินใจ ทำให้ You'll Never Walk Alone หยั่งรากลึกลงในจิตวิญญาณ The Kop ทุกคน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1963 เป็นต้นมา ตลอดมา และตลอดไป

ไม่ว่าลิเวอร์พูลจะล้มเหลว หรือประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะพ่ายแพ้ หรือคว้าชัย ไม่ว่าจะรอคอยนานเท่าใด 1 ปี 2 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี

‘เพลงชาติ’ ของเหล่า The Kop จักบรรเลงขับขานสืบไป ไม่ว่าจะตกรอบ หรือเข้ารอบ ไม่ว่าจะตกชั้น หรือคว้าแชมป์ You'll Never Walk Alone จะยังคงดังกระหึ่มแอนฟิลด์ตลอดไป

 

‘Allez Allez Allez’ พระรองตลอดกาล

นอกจาก You'll Never Walk Alone แล้ว เพลงเชียร์ประจำสโมสรลิเวอร์พูลอีกเพลงหนึ่งมีชื่อว่า Allez Allez Allez

อันที่จริง Allez Allez Allez เป็นเพลงประจำสโมสรปอร์โต้ ในลีกโปรตุเกสมาก่อน โดย Allez Allez Allez ได้นำทำนองของเพลง L’Estate Sta Finendo ผลงานของวงอิตาเลี่ยนดูโอที่ชื่อ  Righeira มาดัดแปลง

ต่อมา Phil Howard แฟนบอลลิเวอร์พูล ได้นำเอา L’Estate Sta Finendo มาดัดแปลงเป็น Allez Allez Allez เวอร์ชั่นลิเวอร์พูล โดยมอบให้ Liam Malone เพื่อนของเขาช่วยแต่งเนื้อร้อง แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก

กระทั่ง Jamie Webster ศิลปินชื่อดังได้นำเอา Allez Allez Allez มาเล่น Allez Allez Allez จึงโด่งดังเป็นพลุแตก

โดยทุกวันนี้ Allez Allez Allez ได้กลายเป็นอีกหนึ่งเพลงเชียร์ของสโมสรลิเวอร์พูลรองจาก You’ll Never Walk Alone ไปแล้ว

 

You’ll Never Walk Alone เวอร์ชั่น Lana Del Rey

สำหรับแฟนลิเวอร์พูลรุ่น Gen Z คงคุ้นเคยกับ You’ll Never Walk Alone เวอร์ชั่นเสียงร้องของ Lana Del Rey ที่เคล้าคลออยู่ในภาพยนตร์สารคดี The End of the Storm

ก่อนหน้าที่จะถูกนำมาประกอบ The End of the Storm แผ่นตัดชุดนี้ออกมาในช่วง COVID-19 ที่ลิเวอร์พูลฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไม่มี The Kop ในสนาม และต่อมา The End of the Storm ได้ออกเป็น DVD

The End of the Storm ฉายให้เห็นเรื่องราวเบื้องหลังความอลังการของลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2019/2020 ที่พวกเขากลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอย่างยิ่งใหญ่ เป็นการปลดล็อคสถานการณ์อันเคร่งขรึมของสโมสรก่อนหน้าจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังจากรอคอยกันมาอย่างยาวนานนับ 30 ปี

เป็นตัวอย่างของการฝ่าฟันอุปสรรคแบบฉบับลิเวอร์พูลที่แฟนบอลทุกคนอดทนรอคอยความสำเร็จ นานเท่าใดก็รอได้!

The End of the Storm เป็นผลงานการกำกับของ James Erskine เจ้าของสารคดีชื่อดังหลายต่อหลายเรื่อง อาทิ Billie (2019) ชีวประวัติ Billie Holiday

หรือจะเป็น Le Mans: Racing is Everything (2017) สารคดีการแข่งขันรถยนต์ระดับโลก Le Mans และ The Ice King (2018) สารคดีชีวิต John Curry นักกีฬา Figure Skate คนแรกที่กล้าบอกโลกว่าเป็นเกย์

ชื่อเรื่อง The End of the Storm อยู่ในเนื้อเพลง You’ll Never Walk Alone เป็นการหยิบคำมาสื่อความหมายที่สวยงามว่าตอนที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้น เป็น ‘จุดจบของพายุร้าย’

 

ภาพ: (ซ้าย) Richard Rogers (ขวา) Oscar Hammerstein II ไฟล์จาก Getty Images