06 ม.ค. 2567 | 15:11 น.
- โทนี ไอออมมี เคยคิดจะเลิกเล่นกีตาร์ หลังเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน ที่ทำให้นิ้วกุดไป 2 นิ้ว แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อผู้จัดการโรงงานเดินทางไปเยี่ยมเขาพร้อมมอบแผ่นเสียงของศิลปินแจ๊ส ‘จังโก ไรน์ฮาร์ดท์’ ให้
- โทนีรวมตัวกับเพื่อนก่อตั้งวง Black Sabbath ซึ่งต่อมากลายเป็นวงที่วางรากฐานให้กับดนตรีเฮฟวีเมทัล ส่วนตัวเขาเองได้โชว์ฝีมือริฟฟ์กีตาร์ จนได้รับการยกย่องให้เป็น ‘เจ้าพ่อเฮฟวีเมทัล’
‘โทนี ไอออมมี’ นอกจากจะเป็นมือกีตาร์ผู้เปรียบดั่งหัวใจของวงเฮฟวีเมทัลระดับตำนานอย่าง ‘Black Sabbath’ แล้ว ด้วยสไตล์การริฟฟ์กีตาร์ที่หนักหน่วง มืดหม่น ทุ้มต่ำราวกับเสียงซาตาน ซึ่งเป็นสไตล์ที่ไม่เหมือนใครในยุคนั้น ยังทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็น ‘เจ้าพ่อเฮฟวีเมทัล’ ด้วย
แต่การก้าวมาเป็น ‘เจ้าพ่อเฮฟวีเมทัล’ ผู้ให้กำเนิดแนวดนตรีที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ไม่ใช่เรื่องง่าย ครั้งหนึ่งโทนีก็เคยถอดใจคิดจะหยุดเล่นกีตาร์ หลังเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้นิ้วของเขาไม่สามารถใช้การได้เหมือนเดิม
อุบัติเหตุที่ทำให้นิ้วกุด
‘แฟรงก์ แอนโทนี ไอออมมี’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘โทนี ไอออมมี’ เกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ปี 1948 ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ
ด้วยความที่เบอร์มิงแฮมเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศ จึงไม่แปลกที่เมื่อถึงวัยทำงาน โทนีจะไปทำงานเป็นช่างเชื่อมเหล็กในโรงงาน
แต่เนื่องจากครอบครัวฝั่งพ่อเป็นนักดนตรีเล่นหีบเพลง โทนีจึงค่อย ๆ ซึมซับความชอบด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เขาทั้งหัดเล่นหีบเพลง หัดตีกลอง ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นกีตาร์ โดยมีกีตาร์เป็นของตัวเองครั้งแรกเมื่ออายุได้ 13 ปี และเล่นด้วยมือซ้ายมาตลอด เพราะเป็นคนถนัดซ้าย
ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน เขารวบรวมสมัครพรรคพวกตั้งวงดนตรีของตัวเองตระเวนแสดงตามเวทีต่าง ๆ ด้วยความฝันที่อยากจะเป็นนักกีตาร์ชื่อดัง
แต่ด้วยความที่งานประจำในโรงงานก็หนักเอาการอยู่แล้ว เมื่อถึงจุดที่ภาระผูกพันในงานสวนทางกับความทะเยอทะยานบนเส้นทางดนตรี แม่จึงขอร้องให้เขาเลือก
ในที่สุดโทนีที่ต้องแบกความรับผิดชอบในครอบครัว จำใจต้องเลือกเป็นหนุ่มโรงงาน โดยไม่รู้เลยว่าชะตากรรมที่พลิกผันและอุบัติเหตุครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น จะเป็นบททดสอบความมุ่งมั่นของเขา
วันนั้นโทนีไปทำงานด้วยความเบื่อหน่าย เขาทนทำงานจนเสร็จสิ้นหน้าที่ของตัวเอง แต่แทนที่จะได้ตรงกลับบ้าน เขากลับต้องทำงานแทนเพื่อนร่วมงานอีกคน ที่ดันไม่มาเข้ากะต่อ
งานที่เขาทำแทนเพื่อนคนนั้นคือการใช้เครื่องตัดเหล็ก ที่มีลักษณะคล้าย ‘กิโยติน’ ซึ่งเขาไม่เคยใช้งานมาก่อน
ความทรงจำของโทนีค่อนข้างพร่าเลือน ณ ช่วงเวลานั้น เขาไม่แน่ใจว่ามือของเขาตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร จำได้เพียงว่าจู่ ๆ เครื่องจักรก็ฟันฉับเข้าที่ปลายนิ้วกลางและนิ้วนางข้างขวา เขาเลยรีบดึงมือออกมาตามสัญชาตญาณ
วินาทีนั้นเองเขาจึงได้เห็นว่าปลายนิ้วตัวเองหายไปแล้ว 2 นิ้ว จนกระดูกนิ้วโผล่ออกมา
โทนีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที อาการบาดเจ็บของเขาอยู่ในขั้นรุนแรง สุดท้ายหมอต้องผ่าตัดเอากระดูกนิ้วส่วนที่โผล่ออก
ไม่รู้เพราะโชคชะตาเล่นตลกหรือเพราะความปากเปราะ เพราะมีหมอคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “นายลืมเรื่องเล่นกีตาร์ไปได้เลย” คำพูดนี้ทำให้โทนีหดหู่มาก เพราะการเล่นกีตาร์คือสิ่งที่เขาหลงใหลอย่างลึกซึ้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ระหว่างนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โทนีเอาแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของหมอคนนั้น ก่อนจะค่อย ๆ ทำใจว่าชีวิตนี้คงไม่ได้กลับไปแตะกีตาร์อีกแล้ว เป็นอันต้องตัดใจจากความฝันบนเส้นทางดนตรีถาวร
แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อผู้จัดการโรงงานเดินทางไปเยี่ยมเขาพร้อมมอบแผ่นเสียงของศิลปินแจ๊ส ‘จังโก ไรน์ฮาร์ดท์’ ให้กับเขา
ตอนแรกโทนีลังเลที่จะฟังเพลงของจังโก เพราะรู้สึกช้ำใจที่ตัวเองไม่สามารถเล่นกีตาร์ได้เหมือนศิลปินคนอื่น กระทั่งผู้จัดการโรงงานเล่าเรื่องของจังโกให้โทนีฟัง
ผู้จัดการบอกว่า เสียงกีตาร์ที่ไหลลื่น ไม่มีติดขัดของจังโกนั้น เกิดขึ้นจากมือที่ไม่สมประกอบเช่นกัน เนื่องจากมือซ้ายของจังโกถูกไฟลวก ทำให้นิ้วนางและนิ้วก้อยบิดเบี้ยวไปจากเดิม และแทบใช้งานไม่ได้
เมื่อโทนีได้ฟังดังนั้น เขาก็กลับมามีกำลังใจในการเล่นกีตาร์อีกครั้ง
อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าโทนีเป็นคนถนัดซ้าย ตอนแรกเขาจึงลองฝึกกีตาร์แบบคนถนัดขวาแทน แต่พอลองดูแล้ว เจ้าตัวคิดว่าต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะชิน จึงพยายามมองหาวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองกลับมาเล่นกีตาร์ได้เร็วขึ้น
วันหนึ่ง โทนีไปทำธุระที่ธนาคาร เขาเห็นพนักงานสวมปลอกนิ้วระหว่างนับเงิน จึงเกิดไอเดียนำปลอกนิ้วมาสวมเพื่อให้เล่นกีตาร์ได้ถนัด แต่ปรากฏว่าปลอกนิ้วทั้งอ่อนและบางเกินไป เขาจึงคิดสร้างปลอกนิ้วพิเศษให้กับตัวเอง เช่นการนำขวดน้ำยาล้างจานไปหลอมให้ละลาย แล้วนำมาขึ้นรูปเป็นปลอกนิ้ว เขาพยายามมันอยู่หลายครั้ง จนมันเริ่มใช้งานได้
พอหมดปัญหาเรื่องปลอกนิ้ว อีกปัญหาที่ต้องแก้คือสายกีตาร์ ที่เขารู้สึกว่ามันหนาและทำให้เจ็บ เขาจึงเปลี่ยนมาใช้สายของแบนโจที่มีขนาดเล็กกว่าแทน และปรับสายให้หย่อนลงมาหน่อย เพื่อความสะดวกในการกดและดันสาย
นอกจากนี้ ตอนเสียบกีตาร์เข้ากับตู้แอมป์ เขายังปรับเสียงให้ทุ้มต่ำเป็นพิเศษ ทำให้ซาวด์กีตาร์ของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นับเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้โทนีค้นพบแนวทางดนตรีที่แปลกใหม่ของตัวเอง และได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญต่อวงการดนตรีร็อก
กำเนิด ‘Black Sabbath’
ปี 1965 โทนีได้เข้าร่วมวงดนตรีที่ชื่อ ‘The Rest’ ซึ่งมี ‘บิล วอร์ด’ ทำหน้าที่เป็นมือกลองให้กับวง ต่อมาในปี 1968 โทนีขอถอนตัวออกจากวง และไปเข้าร่วมวง ‘Mythology’ จากนั้นอีก 1 เดือนต่อมา บิล วอร์ดก็ตามมาเข้าร่วมวงด้วย
เดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน Mythology ยุบตัวลง ในจังหวะเดียวกับที่วง ‘Rare Breed’ ซึ่งมีนักร้องนำอย่าง ‘ออซซี ออสบอร์น’ เพื่อนเก่าที่โรงเรียนของโทนี ก็ยุบวงด้วยเช่นกัน
ทั้งสามจึงมารวมตัวกันตั้งวงดนตรีใหม่ในชื่อ ‘The Polka Tulk Blues Company’ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ‘Polka Tulk’ หลังจากนั้นไม่นาน วงได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อ ‘Earth’
แต่วันหนึ่งพวกเขาก็พบว่าชื่อวง Earth ไปซ้ำกับวงอื่น จึงตัดสินใจนำชื่อหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งมาตั้งเป็นชื่อวง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นวงที่คนทั้งโลกต้องจดจำ ชื่อนั้นคือ ‘Black Sabbath’
Black Sabbath ในยุคแรกเริ่มนั้นประกอบไปด้วย ออซซี ออสบอร์น (ร้องนำ), กีเซอร์ บัตเลอร์ (มือเบส), บิว วอร์ด (มือกลอง), และโทนี ไอออมมี (มือกีตาร์) นับเป็นจุดเริ่มต้นของวงที่ต่อมากลายเป็นตำนานของดนตรีเฮฟวีเมทัล และส่งอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลัง ๆ
Black Sabbath สร้างมิติใหม่ให้วงการดนตรีในยุคนั้นด้วยดนตรีที่มีความหนักหน่วงเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยเสียงกีตาร์ของโทนีที่ทั้งดุดัน หดหู่ ไม่ต่างจากเสียงกรีดร้องของปีศาจ, ซาวด์เบสที่พาคนฟังเข้าสู่ความมืดมิด, เสียงกลองที่ลั่นรัวราวกับอยู่สงครามหรือเหตุการณ์วันสิ้นโลก บวกกับเนื้อเพลงที่ชวนคนฟังรู้สึกราวกับกำลังนั่งดูหนังสยองขวัญสักเรื่อง ไม่ก็แฝงไปด้วยการเสียดสีสังคม ด้วยเสียงร้องโทนต่ำสำเนียงอังกฤษที่เข้ากับดนตรีสุด ๆ
องค์ประกอบทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้บทเพลงของ 4 หนุ่ม กลายเป็นใบเบิกทางสำคัญให้ดนตรีเฮฟวีเมทัลยืนหยัดมาได้จนถึงปัจจุบัน
เจ้าพ่อเฮฟวีเมทัล
ระหว่างที่ทำงานร่วมกับวง โทนีมีโอกาสสร้างสรรค์ริฟฟ์กีตาร์ระดับขึ้นหิ้งไว้มากมาย เช่นในเพลง Iron man, N.I.B., War Pigs, Paranoid, Symptom of the Universe, Sabbath Bloody Sabbath, Sweet Leaf ฯลฯ
ความสามารถด้านริฟฟ์กีตาร์ ทำให้โทนีได้รับการยกย่องจากนิตยสาร ‘Rolling Stone’ ให้เป็นหนึ่งในมือกีตาร์ที่ดีที่สุดตลอดกาล ขณะที่นิตยสาร ‘Guitar World’ ยกย่องให้เขาเป็นหนึ่งในมือกีตาร์เฮฟวีเมทัลยอดเยี่ยมของโลก
ผลงานของเขาได้ส่งอิทธิพลอย่างสูงต่อศิลปินรุ่นต่อ ๆ มา ไม่ว่าจะเป็นเจมส์ เฮตฟิลด์, สแลช, แซกค์ ไวลด์, ไดม์แบ็ก ดาร์เรลล์ รวมถึง ‘ไบรอัน เมย์’ มือกีตาร์วงควีน ที่กล่าวยกย่องโทนีว่า
“โทนี ไอออมมี คือบิดาแห่งวงการเฮฟวีเมทัลอย่างแท้จริง เขาเป็นผู้บุกเบิกดนตรีเมทัลจนมันพัฒนามาถึงทุกวันนี้ ความอัจฉริยะทางดนตรีของเขามีการพัฒนาตลอดเวลา เขาคือปรมาจารย์แห่งริฟฟ์กีตาร์ และเป็นหนึ่งในมือกีตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”
นี่คือเรื่องราวของ ‘โทนี ไอออมมี’ นักกีตาร์ที่เจอบททดสอบสุดหิน ทั้งการต้องเลือกระหว่างทำเพื่อครอบครัวหรือเพื่อความฝันของตัวเอง และการที่ต้องสูญเสียปลายนิ้วจนแทบกลับมาเล่นกีตาร์ไม่ได้
โลกแห่งดนตรีเฮฟวีเมทัลอาจไม่ได้มีหน้าตาเหมือนทุกวันนี้ หากโทนีถอดใจและยกธงยอมแพ้ให้กับอุปสรรคเหล่านั้น
เรื่อง : กรัณย์กร วุฒิชัยวงศ์ (The People Junior)
ภาพ : ภาพปกโทนี ไอออมมี จาก Getty Images, ภาพประกอบบทความจากอินสตาแกรม tonyiommi
อ้างอิง
The Horrific Accident That Created Heavy Metal. YouTube. Website. Published 25 FEB 2022.
That Metal Show | Tony Iommi: History Of Metal | VH1 Classic. YouTube. Website. Published 21 FEB 2015.
TONY IOMMI AND THE ACCIDENT THAT CREATED HEAVY METAL | www.thaliacapos.com
Tony Iommi Losing His Fingertips Before Becoming the Godfather of Heavy Metal | metalheadcommunity.com