Ado ศิลปินเจป็อปปริศนาที่เริ่มต้นเส้นทางดนตรีในตู้เสื้อผ้า สู่ World Tour ครั้งแรกในวัย 21 ปี

Ado ศิลปินเจป็อปปริศนาที่เริ่มต้นเส้นทางดนตรีในตู้เสื้อผ้า สู่ World Tour ครั้งแรกในวัย 21 ปี

ใครจะเชื่อว่า ศิลปินที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้า จะมีชื่อเสียงโด่งดัง มีผู้ติดตาม YouTube มากกว่า 6 ล้านคน และจัด World Tour ของตัวเองได้ แต่ Ado (อาโดะ) ศิลปินเจป็อบสามารถทำได้

KEY

POINTS

  • Utaite เป็นคำที่เรียกคนทำคอนเทนต์คัฟเวอร์เพลงบนเว็บแชร์วิดีโอ
  • Ado (อาโดะ) คือ Utaite ที่โด่งดังมากคนหนึ่ง ซึ่งชีวิตเธอมีเรื่องราวน่าสนใจมากมาย เช่น เริ่มต้นเส้นทางจากห้องอัดเสียงโฮมเมดที่ทำจากตู้เสื้อผ้า
  • ในปีนี้ Ado จะมี World Tour เป็นของตัวเองครั้งแรก รวมถึงประเทศไทย ในวันที่ 4 ก.พ.2024 

“Ado (อาโดะ) คือ Utaite ที่ดังที่สุดในยุคนี้” นั่นคือคำอธิบายที่สั้นที่สุดที่เราสามารถใช้นิยามสาวน้อยเสียงทรงพลังผู้ไม่เปิดเผยทั้งชื่อจริงและใบหน้าที่กำลังจะมีคอนเสิร์ต World Tour เป็นครั้งแรกของตัวเอง โดยมีประเทศไทยเป็นจุดหมายแรก ในโชว์สเกลระดับธันเดอร์โดม เมืองทองธานี และบัตรของเธอเปิดจำหน่ายไปเมื่อ 23 ธันวาคม 2023 และ Sold Out ในเวลา 6 ชั่วโมงเท่านั้น

แล้วจริง ๆ Ado คือใคร เหตุใดเธอจึงเป็น Utaite ที่ดังที่สุด? แล้ว Utaite คืออะไร? ทำไมศิลปินที่ไม่เปิดเผยใบหน้าถึงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และมีผู้ติดตามแชนเนล YouTube มากกว่า 6 ล้านคน?

เนื่องในโอกาสที่ชาวเจป็อปไทยจะได้มีโอกาสสัมผัสโชว์นอกประเทศครั้งแรกของ Ado ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ใกล้เข้ามา วันนี้ The People ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ Ado ศิลปินสาววัย 21 ปี หนึ่งในเสาหลักของวงการเจป็อปยุคใหม่ผู้ลึกลับที่เริ่มต้นเส้นทางของตัวเองจากห้องอัดเสียงโฮมเมดที่ทำจากตู้เสื้อผ้า สู่ศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในวงการเจป็อปชั่วโมงนี้ครับ

 

ก่อนอื่นเลย Utaite คืออะไร?

Utaite (อุไตเตะ / อุไทเถะ แล้วแต่จะออกเสียง) เป็นคำที่เอาไว้ใช้เรียกผู้ทำคอนเทนต์คัฟเวอร์เพลงบนเว็บแชร์วิดีโอ Nico Nico Douga (ประมาณว่าเป็น YouTube ของญี่ปุ่น) โดยมากเพลงที่นำมาคัฟเวอร์จะเป็นเพลงของศิลปินสาย Vocaloid (โวคัลลอยด์) เพราะทางตัวศิลปินเจ้าของผลงานสายนี้มักจะเปิดโอกาสให้คนนำเพลงของตัวเองไปคัฟเวอร์อยู่แล้วด้วย บ่อยครั้งก็แจกไฟล์ Instrumental ที่ตัดเสียงร้องออกให้คนเอาไปใช้ได้เลย

Utaite ในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในเว็บ Nico Nico Douga แล้ว เพราะปัจจุบันนี้ YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่กว้างขวางกว่า และหลาย ๆ คนก็สร้างชื่อได้อย่างรวดเร็วทั้งในและนอกประเทศจากการอัปโหลดผลงานของตัวเองลง YouTube ศิลปินดังอีกคนที่เพิ่งมาทัวร์ประเทศไทยอย่าง yama ก็เริ่มต้นเส้นทางของเธอผ่านการร้องเพลงคัฟเวอร์บน YouTube เช่นกัน

ที่จริงแล้ววงการเพลงญี่ปุ่นค่อนข้างเปิดกว้างกับการนำเพลงของตัวเองไปคัฟเวอร์บนแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ต่าง ๆ เพราะหลาย ๆ ครั้งมันก็เป็นการช่วยโปรโมตต้นฉบับด้วย ดังนั้น Utaite ที่คัฟเวอร์เพลงทั่วไปก็มีหลายคน แต่เหตุผลหลักที่ส่วนใหญ่เลือกคัฟเวอร์เพลง Vocaloid กัน นอกจากจะหาไฟล์เสียงดนตรีง่ายไม่ต้องมาทำเองตั้งแต่ต้นแล้ว หลาย ๆ ครั้งมันก็ยังเป็นการสร้างคอนเน็กชั่นและเกื้อกูลกันระหว่างศิลปินที่ไม่เปิดเผยตัวตนและมีผลงานอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก เราจึงมักจะเห็นศิลปินเหล่านี้มาร่วมงานกันบ่อย ๆ ครับ

อ่านมาถึงตรงนี้ บางท่านอาจจะงงว่า Vocaloid คืออะไรอีก แบบรวบรัดเลยก็คือ Vocaloid เป็นชื่อโปรแกรมในการสร้างเสียงร้องสังเคราะห์ พัฒนาโดยบริษัท Yamaha Corporation (ที่ทำเครื่องดนตรีกับรถจักรยานยนต์นั่นแหละ) จริง ๆ เสียงร้องสังเคราะห์จากคอมพิวเตอร์พวกนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Vocal Synthesizer ซึ่งก็จะมีหลายโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็น Vocaloid, CeVIO, UTAU, Synthesizer V ฯลฯ 

แต่ Vocaloid เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ศิลปิน Vocal Synthesizer จึงมักถูกเรียกแบบเหมารวมไปว่าเป็นศิลปิน Vocaloid เหมือนเราชอบเรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า มาม่า แม้ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาอาจจะไม่ได้ใช้โปรแกรม Vocaloid ก็ตาม

กลับมาที่ Utaite อีกนิด ถึงแม้ศิลปินเหล่านี้จะทำคอนเทนต์คัฟเวอร์เพลงคนอื่นอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตเป็นหลักโดยไม่เปิดเผยตัวตน แต่เมื่อถูกค้นพบความสามารถโดยแมวมองจากค่ายเพลง Utaite หลายคนก็สามารถกลายเป็นศิลปินในกระแสดนตรีหลักของญี่ปุ่นได้ บางคนก็อาจจะออกมาเปิดเผยใบหน้าแล้วเลิกเป็น Utaite ไปเลยก็มี หรือบางคนเช่น Ado ก็ยังพรีเซนต์ตัวเองในฐานะ Utaite อยู่ แม้จะโด่งดังมากจนไม่จำเป็นต้องคัฟเวอร์เพลงคนอื่นแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงทำมันด้วยความหลงใหลต่อไป

 

‘Nintendo 3DS’

จุดเริ่มต้นเส้นทาง Utaite ของสาวน้อย Ado

แฟน ๆ ของ Ado คงจะต้องรู้สึกขอบคุณเครื่องเล่นเกม Nintendo 3DS เมื่อในปี 2014 เด็กหญิง Ado ได้ค้นพบกับแอปพลิเคชันของเว็บไซต์ Nico Nico Douga ที่ผู้พัฒนานำมาลงเครื่องเล่นเกม 3DS เธอจึงได้เข้าไปดูคลิปวิดีโอในนั้นผ่านหน้าจอเครื่องเล่นเกมพกพา (ขณะนั้นเธอไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว) และค้นพบกับนักร้องที่คัฟเวอร์เพลงของคนอื่นมากมายโดยไม่เปิดเผยใบหน้า นั่นคือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำให้ Ado มีใจให้กับการร้องเพลง

ในปี 2017 Ado ได้เริ่มต้นเส้นทาง Utaite ของตัวเองด้วยการคัฟเวอร์เพลง Kimi no Taion ของศิลปิน Vocaloid ที่ชื่อว่า Kuwagata-P เธอได้เล่าในรายการโทรทัศน์ว่า ในตอนนั้นเธอนำเอาตู้เสื้อผ้าที่บ้านมาบุวัสดุกันเสียงไว้ด้านใน แล้วใช้เป็นสตูดิโอส่วนตัวสำหรับอัดเสียงร้องในเพลงนี้ แม้จะโดนพ่อแม่บ่นว่าหนวกหู แต่เธอก็ยังคงพยายามเรียนรู้การทำเพลงคัฟเวอร์และฝึกฝนทักษะการร้องเพลงด้วยตัวคนเดียว สาวน้อยผู้ขาดความมั่นใจกลับรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาดเมื่อได้ขับขานเสียงของตัวเองคลอไปกับดนตรี

Fact : Ado เคยให้สัมภาษณ์ว่าศิลปินในดวงใจและเป็นอิทธิพลในการร้องเพลงของเธอคือ Sheena Ringo ศิลปินสาวจอมติสต์ตัวแม่แห่งวง Tokyo Jihen และในปี 2022 เธอก็ได้ร่วมงานกับไอดอลของตัวเองในซิงเกิล Yukueshirezu เพลงประกอบภาพยนตร์สยองขวัญ Karada Sagashi ที่ได้ Sheena Ringo มาแต่งเพลงให้

แน่นอนว่าชื่อ ‘Ado’ ไม่ใช่ชื่อจริง เธอเคยพูดเอาไว้ในแชนเนลทางการของตัวเองว่าเธอนำชื่อ Ado มาจากแบบเรียนภาษาญี่ปุ่นเมื่อสมัยยังเป็นเด็กประถม เนื้อหาที่เรียนในตอนนั้นเกี่ยวกับละครเวทีตลก Kyougen (เคียวเก็น) ที่จะมีตัวละครหลักในการเดินเรื่องถูกเรียกว่า Shite (ชิเตะ) และตัวละครรองจะเรียกว่า Ado เธอรู้สึกว่าชื่อ Ado เป็นอะไรที่ฟังดูเท่ดี จึงได้นำมาใช้เป็นนามแฝงตัวเอง

ในภายหลังเธอก็ค้นพบว่าในชื่อ Ado มันยังมีความหมายที่เธอชอบซ่อนอยู่ บางครั้งในการให้สัมภาษณ์เรื่องชื่อครั้งหลัง ๆ ก็จะมีเสริมคำตอบเข้าไปบ้าง เช่น การได้ใช้ชื่อ Ado ที่เป็นตัวละครซัพพอร์ตในละครเวที Kyougen ก็ทำให้รู้สึกว่าหากตัวเธอเองเป็น Ado ที่ซัพพอร์ตใครสักคนด้วยเสียงเพลงได้ก็คงดีเหมือนกัน รวมถึงคำว่า Ado ในภาษาอังกฤษก็ยังมีความหมายหลาย ๆ อย่างที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามันเข้ากับความเป็นตัวเองดี (วุ่นวาย, เป็นตัวปัญหา, ทุ่มเทพยายาม)

ด้วยความที่ไม่ได้เปิดเผยหน้าตา Ado จึงเลือกใช้ตัว Avatar สไตล์อนิเมะเป็นภาพแทนตัวของตัวเองเหมือนกับศิลปินที่ไม่เปิดเผยหน้าตาคนอื่น ๆ ตัวคาแรกเตอร์ปัจจุบันของเธอดีไซน์โดย ORIHARA หนึ่งในแฟนคลับผู้วาดแฟนอาร์ตซึ่งนำเอาภาพคาแรกเตอร์ที่ Ado วาดตัวเองในปี 2019 มาต่อยอดแล้วโพสต์ลง X เมื่อ Ado มาพบเข้าก็ถูกใจเป็นอย่างมาก จึงได้ร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ

Ado ศิลปินเจป็อปปริศนาที่เริ่มต้นเส้นทางดนตรีในตู้เสื้อผ้า สู่ World Tour ครั้งแรกในวัย 21 ปี

นอกจากตัว Avatar แล้ว เธอยังมีดอกกุหลาบสีน้ำเงินเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แทนตัวเอง ตามภาษาดอกไม้แล้ว ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน หมายถึง ‘ฝันที่เป็นจริง’ แต่นั่นคือความหมายที่เพิ่งถูกบัญญัติให้ในปี 2002 (ปีเกิดของ Ado) ก่อนหน้านั้น ความหมายของ ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน คือ ‘เป็นไปไม่ได้’ สาวน้อยรู้สึกว่ามันฟังดูเท่ดี (อีกแล้ว) จึงได้เลือก ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน มาเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเองด้วย

 

จากศิลปินตู้เสื้อผ้าสู่การเปิดตัวกับสังกัดใหญ่

ด้วยบทเพลงที่สร้างอิมแพคท์ต่อสังคมญี่ปุ่น

Ado ยังคงปล่อยผลงานเพลงคัฟเวอร์ของเธอมาเรื่อย ๆ บนเว็บไซต์ Nico Nico Douga จนไปเข้าตาโปรดิวเซอร์ Vocaloid คนดังนามว่า Kujira หรือ WhaleDontSleep ที่ในตอนนั้นเขากำลังทำอัลบั้ม Nemurenai Yoru ni Curtain wo Akete อัลบั้มที่รวมเอา Utaite แววดีหลายคนมาเป็นนักร้องในแต่ละเพลง ทำให้ Kinmokusei ของ Kujira คือเพลงที่แจ้งเกิด Ado ในโลกของดนตรีเจป็อปกระแสหลัก

หลังจากนั้น Ado ก็ได้มีส่วนร่วมในอัลบั้มรวมเพลงจากศิลปิน Utaite ชื่อ PALETTE4 ของทางสังกัดดนตรียักษ์ใหญ่อย่าง Pony Canyon ในช่วงต้นปี 2020 แต่ต้นสังกัดที่โฉบมาคว้าตัวเธอในวัย 17 กะรัตไปร่วมชายคาได้สำเร็จกลับเป็น Universal Music Japan อีกหนึ่งค่ายเพลงใหญ่ของวงการ ภายใต้สังกัดย่อย Virgin Music

Ado เดบิวต์แบบสุดปังถล่มทลายกับต้นสังกัดใหม่ในเดือนตุลาคม 2020 ด้วย Usseewa (หนวกหูน่ะ) ผลงานการประพันธ์ของศิลปิน Vocaloid หนุ่ม Syudou (ชูโด) ที่เคยร่วมงานกันมาก่อนสมัยออกอัลบั้ม PALETTE4 ปัจจุบัน MV เพลงนี้ในช่อง YouTube ของเธอมียอดผู้เข้าชมทะลุ 300 ล้านวิวไปแล้ว (ทะลุ 100 ล้านใน 148 วันแรก) รวมถึงยังติดชาร์ตเพลงหลักมากมาย โดยเฉพาะกับชาร์ตใหญ่อย่าง Billboard Japan Hot 100 ที่ทะยานขึ้นถึงอันดับ 1 และยังได้อันดับ 41 ในชาร์ต Billboard Global 200 ที่เป็นชาร์ตใหญ่สุดในฝั่งอเมริกา มียอดดาวน์โหลดในระดับ Platinum (250,000 ครั้ง) เป็นหนึ่งในเพลงที่ดังที่สุดของวงการเจป็อปยุคใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย

ว่ากันว่าเหตุผลที่เพลงนี้ดังทะลุปรอทขนาดนี้ นอกจากพลังเสียงและทักษะการร้องเพลงอันเหลือล้นเกินตัวของสาวน้อยวัย 17 ปีแล้ว ก็ยังมีความหนักแน่นและเทมโปที่เมามันของดนตรีที่ผสมผสานอิเล็กทรอนิกส์สไตล์ New Rave เข้ากับเมโลดี้เจป็อป เนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ตะโกนร้อง ‘Ussee, Ussee, Usseewa!’ (หนวกหู หนวกหู หนวกหูน่ะ) ก็ง่ายต่อการจดจำและตะโกนร้องตาม โดยเฉพาะในหมู่เด็ก ๆ

แน่นอนว่าหนึ่งในผลกระทบจากความดังของมันคือความกังวลของเหล่าผู้ปกครองที่มีลูก ๆ ชื่นชอบเพลงนี้ สังเกตได้ว่าเพลงญี่ปุ่นในกระแสหลักที่มีเนื้อหาเป็นขบถต่อสังคม หากทำเพลงออกมาดี ก็มักจะได้รับความสนใจอย่างมหาศาลทั้งในแง่บวกและลบ อาจจะด้วยสภาพสังคมของญี่ปุ่นที่เจ้าระเบียบวินัยและมีความกดดันสูง

รวมถึงยังมีธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อกันมาโดยจำยอม Usseewa จึงเป็นตัวแทนเสียงในใจของคนหลายคนที่ตั้งคำถามต่อระบบอาวุโสและธรรมเนียมปฏิบัติในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มักจะอยู่ใต้อาณัติของผู้ที่อาวุโสหรือมีอำนาจเหนือกว่า

Fact : Ado เคยให้สัมภาษณ์ในรายการเพลง Music Station ในปี 2021 ว่า เธอบันทึกเสียงเพลง Usseewa ด้วยแล็ปท็อปและไมโครโฟนเพียงคนเดียวในสตูดิโอ เพราะตัวเธอที่ร้องเพลงคนเดียวในตู้เสื้อผ้ามาตลอด รู้สึกแปลก ๆ ที่จะต้องมาร้องเพลงโดยที่มีทีมงานคอยจ้องมองอยู่

ด้วยแรงกระเพื่อมอันมหาศาลที่ Usseewa สร้างไว้กับวงการเพลงญี่ปุ่น รวมถึงอีกหลายซิงเกิลที่ปล่อยตามมา ชื่อเสียงของ Ado โด่งดังไปถึงกลุ่มผู้ติดตามดนตรีเจป็อปในต่างประเทศ นอกจากคุณภาพของตัวเพลงและคนร้องแล้ว ใน MV ที่ปล่อยออกมาทางแชนเนลของเธอ มักจะมีคำแปลภาษาอังกฤษให้เลือกเปิดด้วย เพื่อที่คนไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นจะได้สามารถเข้าถึงสิ่งที่ Ado สื่อผ่านเนื้อเพลงได้ดียิ่งขึ้น

จนกระทั่งในปี 2021 เธอได้รับเลือกให้เป็น Artist on the Rise ของทาง YouTube ก่อนตบท้ายด้วยรางวัลปลายปีกับ Best New Asian Award จากเวที Mnet Asian Music Awards ของประเทศเกาหลีใต้มาเป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพ

ข้ามปีมาที่เดือนมกราคม 2022 Ado ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกของตัวเองในชื่อว่า Kyougen นำมาจากชื่อการแสดงละครเวทีที่มีตัวละคร Ado อันเป็นที่มาของนามแฝงของเธอ อัลบั้มนี้เป็นการรวมเอาเพลงเก่าที่เคยปล่อยออกมาเข้ากับเพลงใหม่เอี่ยมอีก 6 เพลง แต่ละบทเพลงในอัลบั้มล้วนเป็นผลงานการแต่งของนักแต่งเพลงชื่อดังทั้งสิ้น รวมถึงนักดนตรีที่มาบันทึกเสียงให้บางคนก็เป็นศิลปินดัง

ด้วยคุณภาพงานและชื่อเสียงของบุคลากรที่มีส่วนร่วม ส่งให้ผลงานชุดนี้ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตหลักแบบครบ ๆ และเป็นอัลบั้มที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดเป็นอันดับ 3 ในปี 2022 ในขณะที่อันดับ 1 นั้น... เชิญติดตามอ่านต่อ

 

สู่การแสดงสดครั้งแรกบนเวที

4 เมษายน 2022 คือวันที่อีกหนึ่งความฝันของ Ado เป็นจริง นั่นคือการได้แสดงไลฟ์บนเวทีเป็นครั้งแรกต่อหน้าผู้ชมประมาณ 800 คน ที่ Zepp Divercity Tokyo เวทีคอนเสิร์ตในฝันของ Ado คิดว่ามาถึงตรงนี้ ทุกท่านน่าจะสงสัยว่า ‘ถ้าไม่เปิดเผยหน้าตาแล้วจะแสดงบนเวทีได้ยังไง?’ ก็ต้องบอกว่า ญี่ปุ่นมีศิลปินมากมายที่ไม่เปิดเผยหน้าตาของตัวเอง หรือเปิดเผยมากน้อยต่างกันไป ซึ่งก็จะมีรูปแบบการแสดงที่ต่างกันออกไปด้วย

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อของวง GReeeeN สี่หนุ่มทันตแพทย์ที่เป็นทั้งหมอฟันและศิลปิน ยามต้องแสดงสด บนเวทีของพวกเขาก็จะมีหน้าจอ LED ขนาดใหญ่ถูกเซตไว้ แล้วก็จะมีตัว Avatar ของสมาชิกวงออกมาเต้นมาร้องเพลงให้ดูบนเวที (จอ) พูดแบบภาษาเข้าใจง่าย ๆ คือ ‘ซื้อตั๋วมาดูจอ’ นั่นเอง แต่บนเวทีก็จะมีนักดนตรี มีแดนเซอร์ด้วยนะครับ ไม่ได้มีแค่จออย่างเดียว

หรือจะเป็นศิลปินในโลกเสมือน (Virtual Artist) ก็จะคล้าย ๆ กัน คือมีจอ LED บนเวที ถ้างานไหนล้ำหน่อยก็อาจจะเป็นโฮโลแกรมเลยก็มี (X Japan เองก็เคยใช้โฮโลแกรม Hide มือกีตาร์ผู้ล่วงลับของวง ในการแสดงบนเวที)

ศิลปินบางรายก็ไม่ได้ปิดบังตัวตนทั้งหมด แต่สวมหน้ากากในการทำกิจกรรม อย่าง yama หรือ MAN WITH A MISSION เป็นต้น หรือบางคนอาจจะไม่เคยปรากฏตัวจริงทางโทรทัศน์หรือสื่อใด ๆ เลย แต่มาเปิดเผยตัวเองบนเวทีการแสดงก็มี เช่น Eve หรือ ClariS (ปัจจุบันเปิดเผยตัวออกสื่ออย่างเป็นทางการแล้ว)

สำหรับ Ado นั้นน่าจะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 - 3 กรณีตัวอย่างที่กล่าวไปข้างต้น เพราะเธอมาแค่ ‘เงา’ กล่าวคือบนเวทีการแสดงจะจัดแสงแบบเฉพาะให้เห็นแค่เงาของผู้แสดงเท่านั้น

ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์ดูศิลปินที่ปรากฏกายเพียงแค่เงามาหลายรายผ่านทาง YouTube ก็ยังไม่สามารถไขปริศนาได้ว่าผู้ชมที่อยู่หน้าเวที จริง ๆ แล้วพวกเขาสามารถมองเห็นหน้าศิลปินบนเวทีได้หรือเปล่า ดังนั้นในโชว์ของ Ado ที่ประเทศไทยในปีหน้านี้จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกเลยที่ผู้เขียนจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง เดี๋ยวคงได้รู้กัน

 

โด่งดังไปทั่วโลกเพราะอนิเมะ One Piece

ในภาคหนังโรงเรื่องใหม่ของการ์ตูนสุดฮิตแห่งยุคมิลเลนเนียม One Piece ที่มีชื่อว่า One Piece Film: Red นั้น ได้มีการเปิดตัวละครใหม่ที่ชื่อว่า Uta เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง ในเรื่องเธอก็จะร้องเพลงเยอะมาก ซึ่งคนที่มาให้เสียงร้องของตัวละคร Uta ก็คือ Ado โดยแต่ละเพลงของ Uta ก็จะมีนักแต่งเพลงระดับแนวหน้าของวงการเพลงญี่ปุ่นมาร่วมกันประพันธ์ให้ แล้วรวมอยู่ในอัลบั้มที่ชื่อว่า Uta no Uta: One Piece Film Red

และนี่คืออัลบั้มที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในปี 2022 ตามการจัดอันดับของ Billboard Japan หรือก็คือ Ado คนเดียวเหมาทั้งอันดับ 1 และ 3 ในปีเดียวกัน (อันดับ 2 คือ The Book 2 โดย YOASOBI)

ในอัลบั้มนี้มีเพลงโปรโมตหลักคือ Shin Jidai หรือชื่อภาษาอังกฤษ New Genesis (แต่งโดย Nakata Yasutaka แห่งวง Capsule) เพลงธีมเพลงแรกของหนังได้รับความนิยมทั่วโลกจนไปติดอันดับ 1 บนชาร์ตเพลง Global Top 100 ของทางสตรีมมิ่ง Apple Music ด้วย เป็นเพลงญี่ปุ่นเพลงแรกในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตนี้ ในขณะที่แพลตฟอร์ม Spotify เพลงนี้คือผลงานที่มียอดผู้ฟังสูงที่สุดของ Ado ที่ 172 ล้านครั้ง

ด้วยสไตล์เพลงของ Uta จะมีความเป็น Diva Music โชว์พลังเสียงมากกว่างานเพลงหลักของ Ado ที่เน้นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และสไตล์การร้องที่หลากหลาย กอปรกับ One Piece เป็นแฟรนไชส์อนิเมะที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ทำให้แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้ที่มีอยู่มหาศาลทั่วทุกมุมโลกได้รู้จักและสัมผัสกับน้ำเสียงอันทรงพลังของ Ado ผ่านการชมภาพยนตร์อนิเมะ One Piece Film: Red ก่อนที่ต่อมาในภายหลัง Ado จะได้ขึ้นแสดงใน NHK Kouhaku Uta Gassen หรืองานมหกรรมคอนเสิร์ตขาวแดง รายการเพลงส่งท้ายปีของทางช่อง NHK ใน Persona ของ Uta เพื่อไปร้องเพลงประกอบหนัง One Piece บนเวที

ก็คงมีคนแซวบ้างว่า Uta ได้ขึ้นงานขาวแดงก่อน Ado เสียอีก แต่จริง ๆ แล้ว ในปี 2021 หรือปีก่อนหน้านั้น Ado ยังไม่มีแผนในการแสดงสดบนเวที พอมาปี 2022 ที่เจ้าตัวเริ่มแสดงสดต่อหน้าผู้ชม ก็ได้รับโอกาสที่ยากจะปฏิเสธจากแฟรนไชส์ One Piece พอดี แล้วดันดังมากซะด้วย ก็เลยต้องไปในเวอร์ชัน Uta ก่อน หากว่าเธอเริ่มแสดงบนเวทีตั้งแต่ 2021 ก็อาจจะได้ขึ้นเวทีขาวแดงไปร้อง Usseewa ในฐานะ Ado แล้วก็ได้ ใครจะรู้

แต่ทั้งนี้ ในงานขาวแดงประจำปี 2023 ที่จะถึงในวันสิ้นปีนี้ Ado ก็จะได้ขึ้นแสดงในร่างตัวเองแล้วนะครับ โดยเธอจะนำเพลง Show เพลงสุดไวรัล 100 ล้านวิวประจำปีนี้ไปเชิญชวนให้ทางบ้านเต้นท่า Zombie Dance ไปพร้อม ๆ กันทุกครัวเรือน

ความโด่งดังไปทั่วโลกของ Ado ในปี 2022 ยังส่งให้เธอได้รับการเซ็นสัญญาจาก Geffen Records ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีศิลปินระดับตำนานมากมาย เพื่อเป็นผู้จัดจำหน่ายผลงานของเธอในฝั่งอเมริกาอีกด้วย

 ทัวร์ทั่วประเทศ-รอบโลก และการแสดงบนเวทีใหญ่สุดของญี่ปุ่น

ในช่วงเดือนธันวาคม 2022 ถึงมกราคม 2023 Ado ได้มีทัวร์ในประเทศครั้งแรกใช้ชื่อว่า Shinkiro ตามมาด้วยในช่วงกลางปีเดือนมิถุนายน - กันยายน 2023 กับ Mars ทัวร์ในประเทศครั้งที่สอง ก่อนจะมีประกาศ Word Tour หรือทัวร์รอบโลกครั้งแรกในชื่อว่า WISH ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2024 กลายเป็น Utaite คนแรกที่มี World Tour ของตัวเอง โดยนอกจากประเทศไทยแล้ว ก็ยังมีประเทศอื่น ๆ ในโซนเอเชีย ก่อนจะข้ามไปทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือต่อไป

Ado จะกลับมาจัดโชว์ Ado SPECIAL LIVE 2024 : Shinzou 2 รอบ ส่งท้ายทัวร์รอบโลกครั้งแรกของเธอในเดือนเมษายน 2024 ที่ Kokuritsu Kyogijo หรือ สนามกีฬาแห่งชาติของญี่ปุ่น สถานที่แสดงคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดของวงการเพลงญี่ปุ่น รวมถึงยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกที่ได้แสดงที่นี่ สานฝันของเธอที่เคยพูดเอาไว้ว่าอยากแสดงบนเวทีใหญ่สักครั้ง แต่เวทีแห่งนี้ก็น่าจะใหญ่เกินความฝันที่จินตนาการไว้ในวันนั้นไปแล้ว

Fact: Ado เคยตอบคำถามแฟน ๆ ใน X ว่า ความฝันของเธอคือการได้แสดงที่ Zepp Divercity Tokyo และ Saitama Super Arena ในสักวัน และเธอก็ทำมันสำเร็จแล้ว สนามกีฬาแห่งชาติที่มีความจุ 6 - 8 หมื่นคนต่อรอบ จึงเป็นอะไรที่เกินความคาดหวังของเธอในตอนนั้นอย่างมาก

 

ถึงจะโด่งดัง แต่ก็ยังจะร้องเพลงคัฟเวอร์ต่อไป

แม้ Ado ในตอนนี้จะมีผลงานเพลงออริจินัลของตัวเองและเตรียมออกทำการแสดงไปทั่วโลก ได้รับการยกย่องให้เป็นเสาหลักของวงการเจป็อปยุคใหม่ แต่เธอก็ยังคงไม่ละทิ้งความหลงใหลที่มีต่อ Utaite ในวัยเยาว์ของตัวเอง ปัจจุบัน Ado ก็ยังคัฟเวอร์เพลงของศิลปินคนอื่นลงในแชนเนลทางการของตัวเองใน YouTube รวมถึงเพิ่งจะปล่อยอัลบั้มรวมเพลงคัฟเวอร์ออกมาด้วย ในชื่ออัลบั้มว่า Ado no Utattemita Album ซึ่งเพลงที่เลือกมาคัฟเวอร์ก็จะมาจากการโหวตของแฟน ๆ

พูดถึงแฟน ๆ แล้ว Ado ถือว่าเป็นศิลปินที่แม้จะดังเป็นซูเปอร์สตาร์ไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีการเชื่อมต่อกับแฟน ๆ ของเธออยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์โซเชียลมีเดีย, จัดรายการวิทยุ, ไลฟ์พูดคุยกับแฟน ๆ, นำผลงานแฟนอาร์ตที่แฟนคลับวาดรูปเธอไปจัดแสดงหน้างานคอนเสิร์ต ฯลฯ แสดงให้เห็นถึงความเป็นศิลปินที่เอาใจใส่คนที่สนับสนุนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

 

ผัดไทย ผัดไทย ผัดไทย

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2023 เกิดความแตกตื่นขึ้นมาในหมู่แฟน ๆ Ado ชาวไทย เมื่อจู่ ๆ  Ado ก็โพสต์คำว่า ‘ผัดไทย’ ใน X (Twitter) ถึง 3 ครั้ง โดย 1 ครั้งเป็นภาษาไทย อีก 2 ครั้งเขียนเป็นตัวคาตาคานะญี่ปุ่น กลายเป็นปริศนาว่าเหตุใดเธอจึงโพสต์คำนี้ หรือนี่จะเป็นสัญญาณการมาเยือนประเทศไทยที่ใบ้ทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนนั้น?

คำตอบที่ไม่มีการยืนยัน แต่น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ ในรายการวิทยุ Ado no All Night Nippon ที่เธอเป็นพิธีกรอยู่ ในรายการวันที่ 7 สิงหาคม ได้มีเมลจากแฟน ๆ ส่งเข้ามาในรายการพูดถึง ผัดไทย ว่าเคยมีรายการวิทยุรายการหนึ่งที่ใช้คำว่า ‘ผัดไทย’ เป็นคำทักทายในรายการ Ado ที่เพิ่งรู้จักผัดไทยเป็นครั้งแรกก็เอาแต่พูดคำว่า ‘ผัดไทย’ ซ้ำไปซ้ำมา วันถัดมาก็ยังติดใจไม่เลิก นำมาโพสต์ใน X อีก 3 ครั้ง

แล้วความติดใจผัดไทยมันก็ยังไม่หยุดลงแค่ในโซเชียลฯ ในเดือนตุลาคม 2023 เธอได้ปล่อยซิงเกิล All Night Radio เพลงประกอบละครที่สร้างมาจากรายการวิทยุ All Night Nippon ที่เธอเป็นพิธีกร แต่ทว่าในเวอร์ชันแรกที่ปล่อยออกมากลับเป็น Padthai Ver. หรือก็คือ MV ของเพลงในเวอร์ชันนี้จะมีแต่รูปผัดไทยอย่างเดียว ทั้งที่เนื้อหาของเพลงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผัดไทยเลย! แต่ก็ต้องขอบคุณผู้ฟังรายการคนนั้นและผู้คิดค้นผัดไทยด้วยนะครับ หากไม่มีพวกคุณ ไม่รู้ว่าคนไทยจะได้ดูคอนเสิร์ต Ado หรือเปล่า...

ก็คงประมาณนี้สำหรับเรื่องราวของ Ado สาวน้อยผู้มีทักษะการร้องเพลงและพลังเสียงที่ดุดันเกินตัว น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่สามารถอธิบายเสียงของเธอออกมาเป็นตัวหนังสือให้เห็นภาพได้ เพราะของแบบนี้มันต้องฟังเองเท่านั้น ที่บอกได้ก็มีเพียงว่านี่คือหนึ่งในศิลปินที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลกด้วยเพลงภาษาญี่ปุ่น ในยุคที่เคป็อปจากเกาหลีใต้เรืองรองในฐานะเสียงดนตรีแห่งทวีปเอเชีย

แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า Ado เพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 21 ปีเท่านั้น เธอยังมีเวลาเขียนประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองได้อีกยาวนาน และพวกเราชาวผัดไทยเองก็มีโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของ Ado ด้วยการเข้าร่วมโชว์แรกนอกประเทศญี่ปุ่นของเธอ ใน Ado THE FIRST WORLD TOUR ‘WISH’ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 นี้ครับ

 

พูดคุยกับ The People

The People : ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมว่า World Tour ‘Wish’ ครั้งที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?

Ado : World Tour ‘Wish’ เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของฉันเลย ฉันเลยได้สัมผัสกับวัฒนธรรมใหม่ ๆ มากมาย โดยเฉพาะที่ประเทศไทย เป็นเมืองที่มีเสน่ห์และน่าประทับใจมาก ทำให้ได้มีโอกาสได้เจอแฟน ๆ และสร้างความทรงจำที่น่าจดจำด้วยกันเยอะเลย และคิดว่าทัวร์ครั้งนี้ทำให้ฉันได้เติบโตมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะเวลาที่แฟน ๆ เรียกชื่อฉันและส่งพลังเชียร์อัพมาให้กัน มันทำให้ฉันรู้สึกฮึดขึ้นมาและอยากจะทำโชว์ออกมาให้ดีที่สุดเพื่อพวกเขาเลย

 

The People : หากพูดถึงผลงานใหม่ ‘MIRROR’ เพลงนี้มีความเกี่ยวกับอะไร?

Ado : เพลงนี้เป็นแนวเพลงที่ค่อนข้างใหม่สำหรับฉันเลย มีทั้งความคิดสร้างสรรค์ที่ใส่ลงไปและเสียงร้องโทนต่ำนิด ๆ ให้อารมณ์ที่ชิล  และอาจทำให้ทุกคนอยากเปิดเพลงนี้ฟังในตอนกลางคืนพร้อมกับเต้นไปด้วย แล้วก็อาจจะเต้นกันแบบสุดเหวี่ยงจนเข้าไปในโลกของกระจกบานนี้ได้เลย และที่มาเพลงนี้มาจากจินตนาการของ ‘natori’ (นักร้องและนักแต่งเพลงเจ้าของเพลงฮิต Overdose) ที่เขาลองนึกภาพฉันเต้นที่หน้ากระจก ซึ่งจริง ๆ แล้ว ฉันก็คุยกับตัวเองไปเรื่อยที่หน้ากระจกด้วยเหมือนกันนะ เพลงนี้เลยเหมือนเป็นภาพสะท้อนของตัวฉันเลย มันคล้ายกับซีนที่ได้เต้นกันแบบสนุกสนานบนฟลอร์จริง ๆ และมันก็เป็นได้ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับคู่รักหรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรือเป็นเรื่องราวของตัวฉันเองกับกระจกบานนี้ได้ด้วยเหมือนกัน

 

The People : ชื่ออัลบั้มแรก ‘Kyougen’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากละครเวทีที่มีตัวละครชื่อ ‘Ado’ และอย่างอัลบั้มที่กำลังจะปล่อยในชื่อ ‘Zanmu’ นี้ มีเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจแบบนี้ด้วยหรือเปล่า?

Ado : อัลบั้มนี้เป็นเหมือนช่วงเช้าเวลาที่ตื่นจากความฝันทั้งที่บางทีก็ยังรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ และฝันนั้นยังคงติดอยู่ในความคิดเราแม้ในตอนที่เราตื่นขึ้นมาแล้วก็ตาม และหวังว่าอัลบั้มนี้จะอยู่ในใจทุกคนที่ได้ฟังด้วยเหมือนกัน แม้หลังจากที่ฟังอัลบั้มนี้ไปแล้วก็ยังอยากให้อยู่ในใจทุกคนแบบนั้นต่อไป นี่เป็นหนึ่งในพรหลาย ๆ ข้อที่ฉันอยากให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ ซึ่งทั้งหมดคือความหมายที่ฉันได้ใส่ลงไปในชื่ออัลบั้มนี้

 

The People : ดอกกุลาบสีฟ้าคือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สื่อถึง Ado และมีความหมายว่า ‘ฝันที่เป็นจริง’ (Dream Comes True) ซึ่งสอดคล้องกับการที่ Ado  ได้เป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกที่ขึ้นโชว์ที่ National Stadium Tokyo ตอนนี้คิดว่าความหมายของดอกกุหลาบสีฟ้าตรงกับเส้นทางชีวิตของ Ado แล้วหรือยัง?

Ado : ดอกกุหลายสีฟ้านี้เป็นสิ่งที่ฉันไม่ได้แพลนไว้ตั้งแต่แรกเลย ทั้งความจริงที่ว่า ดอกกุหลาบสีฟ้าเพิ่งได้มีขึ้นในปี 2002 ซึ่งตรงกับปีเกิดของฉันด้วยเหมือนกัน และฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจเลือกสีฟ้าเพราะฉันเกิดในปี 2002 ด้วย ทั้งหมดนี้มันเลยเป็นเรื่องบังเอิญมาก ๆ ทั้งความหมายในเรื่องความฝัน จนมันถูกใช้เป็นธีมของฉัน และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของฉันในตอนนี้ด้วย ฉันเลยรู้สึกเหมือนกับว่าได้วาดโลกใบนี้ขึ้นมา เป็นโลกที่ฉันได้สร้างสรรค์บทเพลงและพาไปสู่ฝันที่เป็นจริงได้จริง ๆ
 

 

เรื่อง : ภูริวัฒน์ เกิดภิบาล

ภาพ : Ado

อ้างอิง

Ado

Artist on the Rise: Ado

A Helpful Guide to Ado pt. 2

Ado 2023

AdoTHFanclub

Ado profile

Utattemita

Ado facts