‘Imagine Dragons’ มังกรพ่นเพลงที่ผงาดออกมาจากโลกจินตนาการ

‘Imagine Dragons’ มังกรพ่นเพลงที่ผงาดออกมาจากโลกจินตนาการ

เส้นทางบนถนนสายดนตรีของ ‘Imagine Dragons’ มังกรที่ผงาดออกมาจากโลกจินตนาการ ไม่ได้พ่นไฟ แต่พ่นเพลงเติมเต็มหัวใจอันว่างเปล่า

KEY

POINTS

  • จุดเริ่มต้นของ ‘Imagine Dragons’ วงดนตรีที่มีสมาชิกในวงเท่านั้นที่รู้ความหมายของชื่อวง 
  • การเดินทางอันยาวนาน และการสับเปลี่ยนหมุนเวียนสมาชิกในวง 
  • การทำเพลงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน 

All the places I've been
All the blood that I've bled
I've been broken down and beat up
But I still get ahead
All the faceless embraces
And the tasteless two faces
Killed and resurrected
'Cause I'll never be dead

ทุกแห่งหนที่ผมเคยไป 
เลือดทุกหยาดหยดที่เคยไหลริน
ผมเคยแหลกสลายและถูกทำลาย 
แต่ยังคงยืนหยัดก้าวต่อไป
อ้อมกอดที่ว่างเปล่าทั้งมวล 
และใบหน้าแสนจืดชืดทั้งสอง
ถูกสังหาร แต่ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ 
เพราะผมนั้นไม่มีวันตาย

I could do this with my eyes closed
ผมสามารถหลับตาทำมันได้อย่างง่ายดาย

นอกจากเสียงร้องเท่ ๆ ของนักร้องนำอย่าง ‘แดน เรย์โนลด์ส’ บวกกับส่วนผสมทางดนตรีที่ลงตัว ทั้งอัลเทอร์เนทีฟ, แร็ป, อิเล็กทรอนิกส์ และร็อก เพลงใหม่ของ ‘Imagine Dragon’ อย่าง ‘Eyes Closed’ ยังมาพร้อมสารอันทรงพลัง ขับขานเคียงข้างคนที่กำลังรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เจ็บปวด เพื่อให้คนเหล่านั้นกลับมาแข็งแกร่งจากภายในและเติบโตอย่างงอกงามได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ เพลงที่ทำหน้าที่นี้อย่างแข็งขันตลอด 16 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Thunder, Believer, Demons, Bones, Natural และ Radioactive 

การสร้างสรรค์ผลงานให้ติดหูคนฟังหลังจากเปิดฟังไม่กี่ครั้ง กับเนื้อเพลงที่ปลุกใจให้ฮึกเหิมสร้างแรงบันดาลใจให้อยากสู้ต่อท่ามกลางโลกที่น่าสิ้นหวัง เป็นสิ่งที่บรรดาพ่อมังกรแห่ง Imagine Dragons ตั้งใจทำให้เกิดขึ้น นับตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ก่อตั้งวงขึ้นเมื่อปี 2008 และจวบจนถึงวันนี้เจตนารมณ์ของพวกเขาก็ไม่เคยเปลี่ยน แม้สมาชิกในวงจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามวาระ 

ต่อไปนี้คือเส้นทางบนสายดนตรีของ ‘Imagine Dragons’ (อิแมจิน ดรากอนส์) ที่มีจุดเริ่มต้นจาก ‘ความหลงใหล’ ในดนตรีของเหล่านักศึกษาในรัฐยูทาห์ ก่อนจะค่อย ๆ ไต่เต้าจากวงดังระดับท้องถิ่น มาสู่การเป็นวงร็อกที่ดีที่สุดวงหนึ่งของโลก

Imagine Dragons จะถือกำเนิดขึ้นไม่ได้เลย หาก ‘แดน เรย์โนลด์ส’ (Dan Reynolds) ไม่ได้พบกับ ‘แอนดรูว์ โทลแมน’ (Andrew Tolman) ที่มหาวิทยาลัยบริกแฮม ยัง (Brigham Young University) เมืองโพรโว รัฐยูทาห์ เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษา

ความหลงใหลในดนตรีของทั้งคู่ ดึงดูดให้พวกเขาคุยกันอย่างถูกคอ และมีความคิดที่จะตั้งวงดนตรีของตัวเองขึ้นมา 

ไม่นานทั้งคู่ก็ได้ชักชวนเพื่อนคนอื่น ๆ ได้แก่ แอนดรูว์ เบ็ค (Andrew Beck), เดฟ เลมเก้ (Dave Lemke) และออโรรา ฟลอเรนซ์ (Aurora Florence) มาฟอร์มวงเติมเต็มความฝันด้วยกัน จนเกิดเป็นวงชื่อเท่ ๆ ว่า Imagine Dragons ในปี 2008 ซึ่งชื่อของวงนั้นมาจากการเรียงตัวอักษรเพื่อทำให้เกิดคำใหม่ มีเพียงสมาชิกวงเท่านั้นที่ทราบความหมายอย่างเป็นทางการ 

หลังจากนั้น Imagine Dragons ก็ได้บันทึกอัลบั้มที่ไม่เป็นทางการชื่อว่า ‘Speak To Me’ ก่อนที่ออโรรา ฟลอเรนซ์ กับแอนดรูว์ เบ็ค จะออกจากวงไป

ผ่านไปไม่ถึงปี ในปี 2009 แอนดรูว์ โทลแมน จึงได้ชักชวน ‘เวน เซอร์มอน’ (Wayne Sermon) เพื่อนสมัยมัธยมปลายที่รู้จักกันมานาน มาร่วมวงอีกคน แถมยังชวนภรรยาของตัวเองคือ ‘บริททานี โทลแมน’ (Brittany Tolman) มาช่วยร้องแบ็กอัพและเล่นคีย์บอร์ดด้วย ขณะที่เวน เซอร์มอน ก็ชวน ‘เบน แม็กคี’ (Ben McKee) เพื่อนที่เรียนด้วยกันที่วิทยาลัยดนตรีเบิร์กเลย์ มาเสริมทัพ หลังจากที่ Imagine Dragons คว้าแชมป์ในการแข่งประกวด ‘Battle of the Bands’ ของมหาวิทยาลัยบริกแฮม และการประกวดอื่น ๆ ในท้องถิ่น 

เมื่อวงเริ่มเป็นที่รู้จักในยูทาห์ สมาชิกในวงก็หอบความฝันลงกระเป๋า แล้วพากันย้ายไปเมืองลาสเวกัส ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแดน เรย์โนลด์ส จากนั้นก็ได้ออกอัลบั้มอีกชุดที่มีชื่อว่า ‘Hell and Silence’ ในปี 2010 

ในปี 2010 ยังเป็นปีที่มีจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นกับ Imagine Dragons เมื่อ ‘แพท โมนาฮาน’ (Pat Monahan) นักร้องนำวง ‘Train’ เกิดล้มป่วย ทางผู้จัดเทศกาล ‘Bite of Las Vegas Festival’ จึงได้เชิญ Imagine Dragons ขึ้นแสดงแทน 

แต่แทนที่จะรีบคว้าโอกาสด้วยความดีใจ พวกเขากลับขอใช้เวลารวบรวมความกล้า และตัดสินใจในนาทีสุดท้ายที่จะขึ้นเวทีปล่อยของต่อหน้าผู้ชมกว่า 26,000 คน 

แล้วการตัดสินใจครั้งสำคัญก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง หลังขึ้นแสดงในวันนั้น พวกเขาเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการบอกปากต่อปากของผู้ชม การแสดงในวันนั้นยังเป็นเหมือนใบเบิกทางให้พวกเขาคว้ารางวัลอีกมากมาย ทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ‘Best Local Indie Band of 2010’ ด้วย

“วงของเราคงไม่ได้เกิด ถ้าไม่มีลาสเวกัส ที่นี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับศิลปินที่กำลังเริ่มเดินทาง” แดน เรย์โนลด์ส กล่าวถึงความผูกพันที่ Imagine Dragon มีต่อลาสเวกัส 

หลังจากนั้นสมาชิกของวงก็เปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ๆ จนมาลงตัวที่แดน เรย์โนลด์ส (ร้องนำ), เวน เซอร์มอน (กีตาร์), เบน แม็กคี (เบส) และแดเนียล แพลตซ์แมน (กลอง) 

หลั่งสั่งสมชื่อเสียงมาพอตัว เดือนพฤศจิกายน 2011 Imagine Dragons ประกาศว่าพวกเขาได้เซ็นสัญญาบันทึกเสียงกับ ‘อินเตอร์สโคปเรเคิดส์’ (Interscope Records) ต่อมาในช่วงต้นปี 2012 Imagine Dragons จึงได้ออกอัลบั้มอีพีที่มีชื่อว่า ‘Continued Silence’ วางขายในวันวาเลนไทน์ ปี 2012 ในรูปแบบดิจิทัล โดยสามารถขึ้นถึงอันดับ 40 บนชาร์ตบิลบอร์ด 200 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในชาร์ตเพลงระดับประเทศครบทุกชาร์ต ปีเดียวกันยังออกอัลบั้มอีพีอีกอัลบั้มที่ชื่อว่า ‘Hear Me’ อีกด้วย 

ปี 2012 ยังนับเป็นปีทองของพวกเขา เมื่อซิงเกิลที่ชื่อว่า ‘It’s Time’ ถูกปล่อยออกมา และถูกนำไปใช้ในโฆษณาและรายการโทรทัศน์ โดยเฉพาะในซีรีส์เรื่อง ‘Glee’ ซิงเกิลนี้สามารถไต่ขึ้นไปถึงอันดับที่ 15 บนชาร์ตบิลบอร์ด ฮอต 100 แถมยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล MTV Video Music Award ในประเภท Best Rock Video ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์หลายสำนึกเลือกเพลงนี้ให้เป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ดีที่สุดที่ออกในปี 2012 

It’s time to begin, isn’t it?
I get a little bit bigger but then I’ll admit
I’m just the same as I was
Now don’t you understand
That I’m never changing who I am

นี่มันเป็นเวลาของการเริ่มต้นใหม่แล้ว ไม่ใช่เหรอ? 
ผมเติบโตขึ้นมาบ้างแล้วนะ แต่ก็ยอมรับแหละ
ว่าผมยังคงเป็นคนเดิมที่เคยเป็น
คุณไม่เข้าใจหรอก
ว่าผมไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตัวตนไปหรอก

 

เดือนกันยายน 2012 อัลบั้ม Night Visions ก็ออกวางจำหน่ายและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว สามารถไต่ขึ้นถึงอันดับ 2 ในชาร์ตอัลบั้มของสหรัฐอเมริกา และได้รับการรับรองสถานะ ‘ดับเบิลแพลตตินัม’ จากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา (RIAA) โดยมีเพลงฮิตติดหูอย่าง ‘Radioactive’ และ ‘Demons’ ซึ่งพาพวกเขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของเพลงกระแสหลักได้สำเร็จ 

สำหรับ Radioactive เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Imagine Dragons กับโปรดิวเซอร์ชั้นนำคือ ‘อเล็ซ ดา คิด’ (Alex da Kid) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการไต่อันดับที่ ‘ช้าที่สุด’ ในประวัติศาสตร์ชาร์ตเพลงป๊อปของสหรัฐอเมริกา โดยกว่าที่เพลงนี้จะไต่ขึ้นถึงอันดับ 3 ในบิลบอร์ด ฮอต 100 ก็ปาไปในช่วงปลายปี 2013 ก่อนจะคว้ารางวัลแกรมมีในสาขา ‘บันทึกเสียงแห่งปี’ (Record of the Year)

ที่สำคัญเพลงนี้ยังมีความหมายกับพวกเขาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเพลงที่เขาอุทิศเอ็มวีให้กับแฟนเพลงที่จากไปด้วยโรคมะเร็งในปี 2013

ส่วน Demons ซึ่งเริ่มโปรโมตในเดือนกันยายน 2013 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของวง เพลงนี้สตาร์ทที่อันดับ 6 บนบิลบอร์ด ฮอต 100 ก่อนจะไต่ขึ้นสู่อันดับสูงสุดของชาร์ตวิทยุยอดนิยม 

จากความสำเร็จที่ว่ามาทั้งหมด ทำให้ในปี 2013 Imagine Dragons ได้รับการจดจำในฐานะวงร็อกหน้าใหม่ที่น่าจับตาที่สุดแห่งปี 

แดน เรย์โนลด์ส กล่าวถึงอัลบั้มนี้ว่า “อัลบั้มนี้ใช้เวลาทำถึง 3 ปี เรารู้สึกว่าในที่สุดเราก็ได้สร้างสิ่งที่เราทุกคนภูมิใจอย่างแท้จริง และหวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น ๆ และช่วยให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงบ้าง นั่นคือสิ่งที่ดนตรีเป็น ดนตรีเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก” 

อย่างไรก็ตามอัลบั้มที่สองของพวกเขาที่ชื่อว่า Smoke + Mirrors ในปี 2015 กลับไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างในแง่ยอดขาย ตัวอัลบั้มไต่ถึงอันดับ 1 ในชาร์ตอัลบั้มก็จริง แต่ไม่สามารถขึ้นถึง 10 อันดับแรกของชาร์ตเพลงป๊อปได้เลย ขณะที่ซิงเกิลนำอย่าง ‘I Bet My Life’ ก็ไม่สามารถไต่อันดับขึ้นไปสูงกว่าอันดับ 28 ของชาร์ตเพลงป๊อปได้

หลังจากหยุดพักการทำเพลง 1 ปี มังกรก็ได้เวลากลับมาผงาดอีกครั้ง และการกลับมาครั้งนี้ก็เป็นการกลับมาทวงบัลลังก์อย่างสมศักดิ์ศรี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 Imagine Dragons ได้ปล่อยเพลง ‘Believer’ ก่อนที่จะปล่อยอัลบั้มที่สาม ‘Evolve’ ปรากฏว่าเพลงนี้ไปได้ไกลถึงอันดับ 4 ในบิลบอร์ด ฮอต 100 และขึ้นอันดับ 1 ในสถานีวิทยุเพลงป๊อป 

แดน เรย์โนลด์ส นักร้องนำเสียงทุ้มทรงพลังและการแสดงสุดเดือดบนเวที เห็นเจ้าตัวชอบถอดเสื้อโชว์ซิคแพคร้องเพลง บางคนอาจไม่รู้ว่าเขาเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย และช่วงวัยรุ่นยังเคยเป็นมิชชันนารีในรัฐเนแบรสกาอยู่ 2 ปี เลยทีเดียว 

ระหว่างเรียนที่มหาวิทยาลัยบริกแฮม ยัง นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาตั้งวงดนตรีกับเพื่อน ๆ แล้ว อีกจุดเปลี่ยนที่ส่งผลต่อแนวคิดของเขาอย่างใหญ่หลวงคือ การที่เขาถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะมีเพศสัมพันธ์กับแฟน เนื่องจากมหาวิทยาลัยบริกแฮม ยัง เป็นมหาวิทยาลัยในเครือคริสตจักร ที่มีกฎต้องห้ามเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่ง ยาเสพติด และแอลกอฮอล์

“ผมถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะมีเซ็กส์กับแฟนที่คบกันมา 4 ปี นั่นเป็นประสบการณ์ที่น่าอายสำหรับผม มันเหมือนกับโดนทุกคนบนโลกตัดสินว่าผิด ทั้งที่ผมก็แค่กำลังรักใครสักคน ขณะเดียวกันผมก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกนั้นช่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกย์และ LGBTQIA+ ต้องเผชิญ เพราะพวกเขาถูกบอกว่ารักของเขาไม่มีค่า ไร้ราคา และเป็นบาปมาทั้งชีวิต”

สิ่งที่เกิดขึ้นกับแดนในครั้งนั้น จึงเป็นที่มาของเพลง Believer ซึ่งเขาได้เป็น co-writer ร่วมกับนักแต่งเพลงยอดฝีมืออย่าง ‘จัสติน ทรานเตอร์’ (Justin Tranter) ผู้แต่งเพลงดัง ๆ มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘Sorry’ ของ ‘จัสติน บีเบอร์’ หรือ ‘Good For You’ ของ ‘เซเลนา โกเมซ’

Pain! You made me a, you made me a believer, believer
Pain! You break me down and build me up, believer, believer
Pain! Oh, let the bullets fly, oh, let them rain
My life, my love, my drive, it came from…
Pain! You made me a, you made me a believer, believer

ความเจ็บปวด คุณทำให้ผมนั้น กลายเป็นคนที่มีศรัทธา
ความเจ็บปวด คุณทำลายผมและสร้างผมขึ้นมาใหม่ ให้กลายเป็นคนที่มีศรัทธา คนที่ยึดมั่น
ความเจ็บปวด ปล่อยให้กระสุนนั้นสาดเข้ามา ให้สาดเข้ามาเหมือนสายฝน
ชีวิตของผม ความรักของผม สิ่งที่ขับเคลื่อนผม ล้วนมาจาก
ความเจ็บปวด คุณทำให้ผมนั้น กลายเป็นคนที่มีศรัทธา คนที่ยึดมั่น 

Believer ซึ่งเป็นซิลเกิลนำของอัลบั้ม Evolve ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในแง่ยอดขาย และทำให้ Imagine Dragons กลับขึ้นไปติดท็อป 10 ได้อีกครั้งในรอบ 4 ปี ในขณะที่อีก 2 เพลงดังอย่าง ‘Thunder’ และ ‘Whatever it Takes’ ก็ไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวังแม้แต่น้อย 

หลังจากนั้น Imagine Dragons ก็กลายเป็นวงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อก ที่แกร่งกล้าจนสามารถครองชาร์ตเพลงกระแสหลักได้ และกลายเป็นวงดนตรีที่โด่งดังระดับโลก พวกเขาปล่อยอัลบั้มที่น่าจดจำตามมาอีกหลายอัลบั้ม ได้แก่ Origins (2018), Mercury – Act 1 (2021) และ Mercury – Act 2 (2022) 

เดือนมีนาคม 2023 การจากลามาถึงอีกครั้ง เมื่อมือกลองผู้ทำหน้าที่กำหนดลมหายใจของเพลงอย่างแดเนียล แพลตซ์แมน ได้ประกาศออกจากวงด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ หมายความว่า Imagine Dragons จะเหลือสมาชิกเพียงสามคน ได้แก่ แดน เรย์โนลด์ส (ร้องนำ), เวน เซอร์มอน (มือกีตาร์) และเบน แม็คคี (มือเบส) ซึ่งทำให้เหล่าแฟนเพลงออกอาการกระสับกระส่ายไปตาม ๆ กัน

แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่หยุดเดินทางต่อ ล่าสุด ได้คลอดอัลบั้มที่ชื่อว่า ‘LOOM’ เล่าถึงการเดินทางและการค้นพบตัวตน ซึ่ง Imagine Dragons ยกให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่สมบูรณ์แบบที่สุดของพวกเขา เพราะเกิดขึ้นหลังจากที่สมาชิกในวงได้ตกผลึกในช่วงที่ได้ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวและเพื่อน

อัลบั้มนี้ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ รวมถึงในแง่โชว์ที่ทำถึง ทำสุด จนมีคนพูดว่า นี่คือคอนเสิร์ตที่ควรไปดูสักครั้งก่อนตาย 

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการเดินทางบนเส้นทางสายดนตรีที่ยังคงทอดยาวมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของวง ‘Imagine Dragons’ มังกรที่ไม่ได้พ่นไฟเหมือนมังกรตัวอื่น ทว่าผงาดออกมาจากโลกจินตนาการ แล้วพ่นเสียงเพลงมอบพลังและกำลังใจ เติมเต็มหัวใจอันว่างเปล่าของใครหลาย ๆ คน

 

เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: อินสตาแกรม imaginedragons

อ้างอิง:
Imagine Dragons: The story of success
Imagine Dragons Wiki
Imagine Dragons (Imagin Dragons): Group Biography
Imagine Dragons Biography