‘เลียม เพย์น’ สัญลักษณ์แห่งความพยายามใน The X Factor สู่สมาชิก ‘One Direction’

‘เลียม เพย์น’ สัญลักษณ์แห่งความพยายามใน The X Factor สู่สมาชิก ‘One Direction’

เรื่องราวของ ‘เลียม เพย์น’ เด็กหนุ่มผู้ผิดหวังหลายต่อหลายครั้งใน The X Factor แต่ไม่เคยละทิ้งความพยายาม สู่การเป็นสมาชิก One Direction’ บอยแบนด์ที่ดังไปทั่วโลก

ในที่สุด การรอคอยที่จะได้เห็น 5 หนุ่มแห่ง ‘One Direction’ กลับมารวมตัวกัน ก็เป็นอันสิ้นสุดลง…

การเฝ้าลุ้นด้วยใจจดจ่อตลอดช่วงหลายปีของแฟนเพลงทั่วโลก ถูกแทนที่ด้วยความโศกเศร้า เมื่อ ‘เลียม เพย์น’ หนึ่งในสมาชิกผู้มากด้วยพรสวรรค์แห่ง 1D จากไปแบบไม่มีวันกลับ หลังพลัดตกลงมาจากระเบียงห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันพุธที่ 16 ตุลาคม 2024 

“ข่าวร้ายที่สุด ผมจำได้ว่าเขาอายุ 14 ปี ตอนที่มาออดิชันในรายการ The X Factor และร้องเพลงของซินาตราได้อย่างยอดเยี่ยมมาก เขารักการร้องเพลงมาก เขามอบความสุขให้ทุกคนเสมอ สุภาพ อ่อนน้อม และถ่อมตัวเสมอ ขอส่งความรักและคำอธิษฐานไปยังครอบครัวของเขา” เดอร์มอต โอเลียรี อดีตผู้จัดรายการ ‘The X Factor’ โพสต์ทางอินสตาแกรมเพื่อไว้อาลัยให้กับ ‘เลียม เพย์น’ 

หลังจาก One Direction ประกาศพักวงในเดือนมีนาคม 2016 เลียมลังเลที่จะออกไล่ล่าความฝันต่อในฐานะ ‘ศิลปินเดี่ยว’ ตอนนั้นเขามีความคิดว่า

“ผมแค่จะแต่งเพลงไปเรื่อย ๆ แล้วก็ทำแบบนั้น”

แต่เมื่อได้ย้อนคิดไปถึงวันวาน ตั้งแต่ตอนอายุ 6 ขวบที่รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงให้คนในครอบครัวฟัง จวบจนตอนอายุ 14 ปี ที่เข้าประกวดร้องเพลงในรายการ The X Factor เพราะหวังจะหาเงินมาช่วยครอบครัว ซึ่งแม้จะพลาดหวังในครั้งแรก แต่เลียมก็ไม่ย่อท้อ เขากลับมาอีกครั้งในอีก 2 ปีต่อมา ก่อนจะได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของ One Direction บอยแบนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดวงหนึ่งของโลก

นาทีนั้นเอง ชายหนุ่มจึงตกตะกอนได้ว่า คงเป็นเรื่องที่โง่เง่ามาก หากเขาจะทำเป็นมองข้าม ‘ความพยายาม’ ทั้งหมดของตนเอง และปฏิเสธโอกาสดี ๆ ที่รออยู่

เด็กชายขี้โรคที่ถูกรังแกจนต้องลุกขึ้นสู้

‘เลียม เพย์น’ (Liam Payne) หรือชื่อจริงว่า ‘เลียม เจมส์ เพย์น’ (Liam James Payne) เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ปี 1993 ที่เมืองวูลฟ์แฮมป์ตัน เวสต์มิดแลนด์ส ประเทศอังกฤษ เขาเป็นลูกคนเล็กของ ‘เจฟฟ์’ (ช่างประกอบชิ้นส่วน) และ ‘คาเรน’ (พยาบาลเด็ก) มีพี่สาว 2 คน คือ ‘นิโคลา’ และ ‘รูธ’ 

เลียม คลอดก่อนกำหนด 3 สัปดาห์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีปัญหาสุขภาพรุมเร้าตั้งแต่ยังแบเบาะ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลตลอด 4 ปีแรกของชีวิต 

“ตอนที่ผมเกิด ผมเกือบตาย มันแปลกมาก หมอก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ผมจึงต้องไปตรวจ ถึงผมจะดูสบายดี แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่” 

ด้วยความที่ร่างกายไม่แข็งแรง เด็กชายจึงมักถูกเด็กที่โตกว่ารังแก แต่นั่นไม่ทำให้เขาหวาดกลัวหรือท้อแท้ เขากลับฮึดสู้ด้วยการไปเรียนต่อยมวยตอนอายุ 12 ปี 

“ครูฝึกของผมอายุ 24 ปี ผมรู้สึกว่า ถ้าผมสามารถต่อสู้กับเขาได้ ผมก็สามารถยืนหยัดต่อสู้กับใครก็ได้” 

หลังจากเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด ในที่สุดแพทย์จึงสังเกตเห็นว่า ไตข้างหนึ่งของเขามีรอยแผลและทำงานผิดปกติ เลียมต้องฉีดยาที่แขนมากถึง 32 เข็มทุกวัน เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ต้องระวังรักษาสุขภาพให้ดีที่สุด และระวังที่จะไม่ดื่มน้ำมากเกินไป

จากนักวิ่งสู่นักร้อง

พรสวรรค์ด้านการร้องเพลงของเลียม เริ่มปรากฏตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ เขารับหน้าที่ร้องเพลงให้คนในครอบครัวฟังอยู่เสมอ และมีนักร้องดังอย่าง ‘อัชเชอร์’ กับ ‘จัสติน ทิมเบอร์เลค’ เป็นไอดอล แต่ก่อนที่จะหันมาเอาจริงเอาจังด้านดนตรี เลียมเคยมุ่งมั่นที่จะเป็นนักวิ่งโอลิมปิกมาก่อน ตอนนั้นเขาต้องฝึกซ้อมตอนตี 5 ทุกวัน เพื่อวิ่งเป็นระยะทาง 5 ไมล์ก่อนไปโรงเรียน ทว่าความฝันในการเป็นนักวิ่งของเขาสิ้นสุด เมื่อเขาพลาดโอกาสเข้าร่วมทีมโรงเรียน เขาจึงตัดสินใจหันกลับมาโฟกัสที่ดนตรี โดยเข้าร่วมกับ ‘Pink Production’ ซึ่งเป็นกลุ่มศิลปะการแสดงในเมืองวูลฟ์แฮมป์ตัน เมื่ออายุได้ 12 ปี กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาได้เริ่มแสดงสดต่อหน้าผู้ชมเป็นครั้งแรก และหลังเรียนจบโรงเรียนมัธยม เขาก็ไปเรียนด้านเทคโนโลยีดนตรีที่วิทยาลัยวูลฟ์แฮมป์ตัน 

อีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาชื่นชอบการร้องเพลงและเสียงดนตรีคือ

“ผมชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาก และเคยขอเธอออกเดทถึง 22 ครั้ง แต่เธอปฏิเสธทุกครั้ง สุดท้ายผมเลยร้องเพลงให้เธอฟัง และเธอก็ยอมออกเดทกับผม”

The X Factor รายการเปลี่ยนชีวิต

เลียมเข้าร่วมประกวดในรายการ The X Factor ซีซัน 5 ในปี 2008 ขณะอายุ 14 ปี เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขามีชีวิตวัยเด็กที่ดี แต่ก็ไม่ได้มีเงินมากมายนัก พ่อของเขาเป็นหนี้ และก็เป็นพ่อเองที่เชียร์ให้เขาเข้าประกวดในรายการ The X Factor 

“ผมเข้าประกวดรายการนี้เพื่อพ่อ” 
 

แต่น่าเสียดายที่การประกวดครั้งนั้น หนุ่มน้อยเลียมถูกคัดออก เพราะ ‘ไซมอน โคเวลล์’ มองว่าเขายังเด็กเกินไป อย่างไรก็ตาม ไซมอนได้ขอให้เลียมกลับมาอีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้าหลังจากที่เขาเรียนจบ เลียมวางแผนที่จะกลับมาอีกครั้งในปีถัดมา แต่ไม่สามารถเข้าร่วมการประกวดได้ เนื่องจากทางรายการเปลี่ยนกฎให้ผู้สมัครต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 16 ปี

ในปี 2010 เลียมกลับมาใน The X Factor อีกครั้งในซีซันที่ 7 โดยเข้าร่วมประกวดด้วยเพลง ‘Cry Me a River’ 

“ผมเคยเจอเรื่องแย่ ๆ ระหว่างออกเดทหลายครั้ง สาเหตุเพราะสาว ๆ นอกใจผม สาวคนหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผมร้องเพลง Cry Me A River ในรายการ The X Factor นั่นเป็นวิธีที่ผมเอาคืน ที่เธอไม่ซื่อสัตย์กับผม” 

หลังร้องเพลงนี้จบ เขาก็ได้รับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมจากผู้ชม และไซมอน ก่อนที่กรรมการทั้งสี่จะให้เขาผ่านเข้ารอบต่อไป และในตอนที่เขาอยู่ในค่ายฝึกร้องเพลง เขายังได้โชว์เสียงอีกครั้งในเพลง ‘Stop Crying Your Heart Out’ ของวง ‘Oasis’ แต่ก็เป็นไซมอนอีกเช่นเคยที่มองว่าเลียมเป็นคน “มีมิติเดียว” หนุ่มน้อยเลยไม่ได้ไปต่อในฐานะศิลปินเดี่ยว และถูกจับให้ไปรวมกับอีก 4 หนุ่ม ได้แก่ แฮร์รี สไตลส์ (Harry Styles), ลูอิส ทอมลินสัน (Louis Tomlinson), ไนออล ฮอแรน (Niall Horan) และเซย์น แมลิก (Zayn Malik) เกิดเป็นวง ‘One Direction’ ในเวลาต่อมา 

แม้ One Direction จะไม่ได้คว้ารางวัลชนะเลิศในรายการ และไปได้ไกลสุดที่อันดับ 3 แต่ต่อมาพวกเขาก็ได้เซ็นสัญญากับค่าย ‘Syco Music’ ของไซมอน โคเวลล์ และกลายเป็นหนึ่งในบอยแบนด์ที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล ห้าหนุ่มได้ออกทัวร์ไปทั่วโลกและคว้ารางวัลต่าง ๆ มากมาย ระหว่างปี 2011 – 2015 ทั้งยังได้รับเกียรติให้ไปโชว์เพลงฮิตอย่าง ‘What Makes You Beautiful’ ในพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอนด้วย 

“ผมคิดว่าบอยแบนด์เป็นคำหยาบคายนิดหน่อย พวกเขาบอกว่าการอยู่ในบอยแบนด์ไม่ใช่เรื่องดี เราอยากเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เราอยากทำให้บอยแบนด์ดูเท่ ไม่ใช่แค่การเต้นและแต่งตัวเหมือนกันเท่านั้น” 

ไม่ใช่แค่ร้อง แต่แต่งเพลงด้วย 

เลียมกับลูอิสร่วมกันเขียนเพลงส่วนใหญ่ของวง One Direction ทั้งคู่มักจะเรียกตัวเองว่า ‘ทีมเขียนเพลง’ และในปี 2015 เลียมกับลูอิสก็ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘นักแต่งเพลงยอดเยี่ยมของโลก’ ซึ่งเป็นการพิจารณาจากการเล่นเพลงทางวิทยุ ยอดขายทางดิจิทัล และการสตรีมทางเว็บ โดยในจัดอันดับครั้งนั้น สองคู่หูนักแต่งเพลงอยู่ที่อันดับ 54  และ 55 

ในอัลบั้มที่ 5 ของ One Direction ที่มีชื่อว่า ‘Made in the A.M.’ เลียมโชว์ฝีมือเล่นดนตรีในเพลง ‘Hey Angel’ ทั้งยังร่วมโปรดิวซ์และเล่นเครื่องดนตรีทุกชนิดในเพลง ‘Love You Goodbye’ และรีมิกซ์เพลง ‘Drag Me Down’ ขณะที่ในปี 2015 เขาได้ร่วมเขียนเพลงชื่อ ‘The Night We Met’ ให้กับวงบอยแบนด์สัญชาติไอริชอย่าง ‘Hometown’ ส่วนในปี 2014 และ 2016 เขาได้ร่วมงานกับ ‘จูสซี่ เจ’ แร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน ในหลายเพลงที่ยังไม่ได้เผยแพร่

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

One Direction ออกอัลบั้มร่วมกัน 3 ชุด ได้แก่ Up All Night, Take Me Home และ Midnight Memories จนถึงปี 2015 เซย์นได้ออกจากวงไป ส่วนสมาชิกอีก 4 คนยังคงทำเพลงต่อไปอีกสองชุด โดยเลียมได้รับมอบหมายให้ร้องแทนเซย์น ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมวงอย่างแฮร์รีออกปากยอมรับว่า

“เลียมเข้ามาช่วยร้องโน้ตสูง ๆ เขาแตะโน้ตเหล่านั้นอย่างสุดเสียงในทุกโชว์ เขาไม่ยั้งมือเลย” 

ต่อมา One Direction ประกาศหยุดพักการแสดงอย่างไม่มีกำหนดในปี 2016 และยังไม่ได้กลับมารวมตัวกันอีกเลย ท่ามกลางการรอคอยของแฟนเพลงที่อยากเห็น 5 หนุ่มขึ้นเวทีด้วยกันอีกครั้ง ขณะที่สมาชิกในวงต่างเดินหน้าอาชีพเดี่ยวของตนเอง 

ลุยเดี่ยว

เลียมยอมรับกับ Billboard ในปี 2017 ว่า ในตอนแรกเขาลังเลที่จะเป็นศิลปินเดี่ยว “ผมแค่จะแต่งเพลงไปเรื่อย ๆ แล้วก็ทำแบบนั้น” เขากล่าว “แต่แล้วผมก็คิดว่า ผมพยายามทำมาตั้งแต่ตอนอายุ 14 ปีแล้ว คงจะโง่เง่ามากถ้าปฏิเสธข้อเสนอ เมื่อออกมาจากวง เราก็มีโอกาสดี ๆ มากมายอยู่รอบตัว ผมจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่าง”

หลังจากเซ็นสัญญากับ ‘Capitol Records UK’ ในปี 2016 เลียมก็ออกซิงเกิลเปิดตัว ‘Strip That Down’ ร่วมกับ ‘ควาโว’ ซิงเกิลนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ติดอันดับชาร์ตเพลงของสหรัฐฯ และมียอดขายรวมกว่า 10 ล้านชุดทั่วโลก นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองระดับแพลตตินัมใน 5 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศอังกฤษ และสหรัฐฯ แถมยังเป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ขายดีที่สุดในปี 2017 และเป็นซิงเกิลเดี่ยวที่ขายดีที่สุดจากสมาชิกวง One Direction อีกด้วย 

“เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากที่ได้ยินคนจำนวนมากร้องเพลงของผม มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุด” 

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้ร่วมงานกับศิลปินเจ๋ง ๆ ในวงการเพลงป็อป ไม่ว่าจะเป็นดีเจและโปรดิวเซอร์ระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง ‘เซดด์’ ในเพลง ‘Get Low’ รวมถึง ‘เจ บัลวิน’ ศิลปินจากฝั่งละตินอเมริกา ในเพลงฮิตอย่าง ‘Familiar’ ซึ่งติดชาร์ตเพลงของอังกฤษนานถึง 16 สัปดาห์ มียอดสตรีมมากกว่า 110 ล้านครั้งบนสปอติฟาย และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเพลงละตินยอดนิยมในงาน ‘Teen Choice Awards’ ประจำปี 2018 

ในปี 2018 เลียมได้ออกเพลงคู่กับ ‘ริตา โอรา’ ในชื่อ ‘For You’ ซึ่งติด Top 10 ชาร์ตเพลงของอังกฤษนานถึง 17 สัปดาห์ และยังรวมอยู่ในซาวด์แทร็กของหนังดังเรื่อง ‘Fifty Shades Freed’ อีกด้วย 

เดือนสิงหาคม ปี 2018 เลียมได้ออกมินิอัลบั้มชุดแรกของเขาชื่อ ‘First Time’ ซึ่งมีทั้งหมด 4 เพลง อัลบั้มชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมและสร้างความตื่นเต้นให้วงการเพลงอย่างกว้างขวาง โดยสื่ออย่าง ‘Daily Star’ เขียนบรรยายไว้ว่า “เป็นเพลงที่อัดแน่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์อย่างถึงที่สุดของเลียม คุ้มค่าการรอคอยอย่างแน่นอน” 

จากนั้นในปี 2019 เลียมออกอัลบั้มเดี่ยวชื่อ ‘LP1’ ซึ่งก็มีทั้งเสียงชื่นชม และเสียงวิจารณ์

เคยคิดจบชีวิตตัวเอง

เลียมเล่าว่า ในช่วงที่ One Direction ดังสุดขีด เขาหันไปพึ่งยากับเหล้าเพื่อรับมือความกดดันที่ถาโถมเข้ามา ที่ฟังแล้วน่าตกใจคือเขาเคยคิดจบชีวิตตัวเองด้วย และเมื่อปี 2023 เขาก็ประกาศว่า ตนเองเพิ่งเข้ารับการบำบัดในรัฐลุยเซียนาครบ 100 วัน พร้อมกับขอบคุณลูกชายของเขา ที่ทำให้เขาอยากเลิกเหล้า

เลียมเคยพูดถึงช่วงเวลาที่ทำงานในฐานะสมาชิกวง One Direction ว่า “เหมือนมหาวิทยาลัย” แต่ต่อมาเขาก็เปิดใจเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ไม่ดีระหว่างทำวงว่า  “มันทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวในช่วงหนึ่ง ถ้าจะพูดตามตรง ผมจำได้ว่าตอนนั้นมีคน 10,000 คนอยู่หน้าโรงแรมของเรา เราไปไหนไม่ได้เลย มีแต่คอนเสิร์ตจากโรงแรมหนึ่งไปอีกโรงแรมหนึ่ง แล้วก็นอนไม่หลับเพราะมีคนอยู่ข้างนอก”

เขาเล่าว่า ความหงุดหงิดกับชื่อเสียงของเขามาถึงจุดวิกฤต เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในนิวยอร์ก ในปี 2012 เมื่อเขาเดินไปร้านอาหารกับพ่อแม่ แล้วช่างภาพดันแม่ของเขาล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจ “ผมรู้สึกประมาณว่า โอ้ ช่างแม่งเถอะ ช่างแม่งเหอะ” เขาเล่า “มีช่างภาพกลุ่มหนึ่งมารุมล้อมผม ผมแค่อยากกินเบอร์เกอร์กับพ่อแม่ ผมร้องไห้จนตาบวม ผมคิดว่า ผมทำไม่ได้หรอก และเกลียดชีวิตตัวเองมาก”

ซูเปอร์ฮีโร่ของลูกชาย

เลียมได้เป็นคุณพ่อครั้งแรกในปี 2017 หลังจากแฟนสาวของเขาคือ ‘เชอริล’ อดีตกรรมการรายการ X Factor คลอดลูกชายชื่อ ‘แบร์ เกรย์’ แม้ว่าเขากับเชอริลจะเลิกรากันในเดือนกรกฎาคม 2018 แต่เขายังคงไปหาลูกชายทุกสัปดาห์

“เขาต้องการพ่อในชีวิตของเขา และผมดีใจที่เขามองผมเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ และผมหวังจะทำให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป” 

ความรักที่ถูกจับตาของเลียมเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขามีความสัมพันธ์แบบรัก ๆ เลิก ๆ กับอดีตคู่หมั้น ‘มายา เฮนรี’ โดยหลังจากมีข่าวลือเรื่องการนอกใจในเดือนพฤษภาคม 2024 มายาได้ตีพิมพ์นวนิยายที่เล่าถึงแฟนหนุ่มอารมณ์แปรปรวน ซึ่งเธอบอกว่านวนิยายเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ของเธอเอง และก่อนหน้านี้ไม่นาน มีรายงานว่ามายาได้ส่งจดหมายไปถึงเลียมด้วย

ก่อนที่เลียมจะจากไป เขาได้แชร์ภาพการเดินทางไปยังอาร์เจนตินากับแฟนสาวอินฟลูเอนเซอร์ ‘เคธี่ แคสซิดี้’ และเขียนบน Snapchat พร้อมกับภาพสวนเขียวชอุ่มว่า 

“ดีใจที่ได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง” 

 

เรื่อง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:
One Direction singer Liam Payne dead after falling from Buenos Aires hotel balcony
Liam Payne One / Direction Wiki
Liam Payne / Biography
Liam Payne's Life in Photos
Former One Direction singer Liam Payne first auditioned for The X Factor when he was just 14
Former One Direction singer Liam Payne dead at 31
Liam Payne: The ambitious One Direction star who struggled with dark side of fame
Why Liam Payne's Girlfriend Kate Cassidy Left Argentina Days Before His Death