25 พ.ย. 2567 | 18:00 น.
บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คือสมบัติอันทรงคุณค่าที่สะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพทางดนตรี ความรัก และความผูกพันที่พระองค์ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย แต่ละบทเพลงคือการรังสรรค์ท่วงทำนองที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความหมาย และเรื่องราวที่แฝงอยู่ในแต่ละโน้ตดนตรี เป็นเสียงสะท้อนแห่งความรัก ความหวัง และแรงบันดาลใจที่ยังคงก้องกังวานในหัวใจคนฟังเสมอมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นอัครศิลปิน ทรงศึกษาดนตรีมาตั้งแต่วัยเยาว์ และทรงเชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีหลากชนิด เช่น แซ็กโซโฟน คลาริเน็ต และเปียโน ทรงประพันธ์บทเพลงพระราชนิพนธ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2489 โดยทรงพระราชนิพนธ์เพลง ‘แสงเทียน’ (Candlelight Blues) ในช่วงที่ทรงศึกษาอยู่ที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพลงนี้สะท้อนถึงความเรียบง่ายของท่วงทำนองและความลึกซึ้งทางอารมณ์ ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับบทเพลงพระราชนิพนธ์อื่นๆ ในเวลาต่อมา อาทิ ‘ยามเย็น’ และ ‘สายฝน’
บทเพลงพระราชนิพนธ์แต่ละบท คือผลงานที่ทรงแสดงถึงความเชี่ยวชาญในหลากหลายแนวดนตรี ตัวอย่างเช่น ‘แสงเดือน’ (Magic Beams) เพลงนี้ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. 2491 เป็นบทเพลงแจ๊สที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของความงดงามในยามค่ำคืน เพลงนี้มีการใช้จังหวะแจ๊สที่ผสมผสานระหว่างความลื่นไหลและความเงียบสงบ ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเหมือนได้ดื่มด่ำอยู่ใต้แสงจันทร์ เพลงนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการผสมผสานดนตรีแจ๊สและอารมณ์ของธรรมชาติ
อีกหนึ่งบทเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ‘Echo’ (แว่ว) ซึ่งสะท้อนถึงการทดลองที่น่าสนใจในเชิงดนตรี บทเพลงนี้ใช้เสียงสะท้อนเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างบรรยากาศแห่งความล่องลอย ท่วงทำนองของเพลงมีความนุ่มนวลและเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้ง ทำให้เพลงนี้เป็นหนึ่งในบทเพลงที่แสดงถึงความเป็นศิลปินที่กล้าทดลองและสร้างสรรค์ของพระองค์
‘ภิรมย์รัก’ (Still on My Mind) เป็นเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ในแนวแจ๊สเช่นกัน แต่เต็มไปด้วยอารมณ์โรแมนติก ทำนองเพลงอบอุ่นนุ่มนวล ถ่ายทอดความรักและความอ่อนโยนได้อย่างงดงาม เพลงนี้ได้รับความนิยมในงานเลี้ยงต่าง ๆ และถือเป็นเพลงที่เหมาะกับการแสดงในโอกาสพิเศษ
เพลง ‘อาทิตย์อับแสง’ (Blue Day) สะท้อนถึงความสูญเสียและอารมณ์เศร้าลึกซึ้ง เพลงนี้ทรงพระราชนิพนธ์ในปี พ.ศ. 2493 โดยใช้จังหวะและทำนองที่เรียบง่ายในแบบแจ๊ส ถ่ายทอดความรู้สึกที่ลึกซึ้ง จนกลายเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ถึงหัวใจและอารมณ์ของบทเพลงอย่างแท้จริง
‘ดวงใจกับความรัก’ (Lover’s Moon) โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างจังหวะแจ๊สและกลิ่นอายความเป็นไทย บทเพลงนี้สะท้อนถึงความงดงามของความรักที่ลึกซึ้ง ท่วงทำนองเพลงให้ความรู้สึกโรแมนติกและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เป็นเพลงที่ยังคงได้รับความนิยมและสร้างความประทับใจแก่ผู้ฟังทั้งในไทยและต่างประเทศ
สำหรับ ‘ยามเย็น’ (Love at Sundown) เป็นเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2490 เพลงนี้เต็มไปด้วยความสงบสุขและความงดงามของบรรยากาศยามเย็น ท่วงทำนองของเพลงมีความเรียบง่ายและผ่อนคลาย สะท้อนถึงความสงบที่นำมาซึ่งความสุขในชีวิตประจำวัน เพลงนี้ยังคงเป็นหนึ่งในเพลงพระราชนิพนธ์ที่คนไทยทุกคนรู้จักและจดจำได้เป็นอย่างดี
‘H.M. Blues’ หรือ ‘ชะตาชีวิต’ เป็นบทเพลงที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพในแนวเพลงบลูส์อย่างชัดเจน เพลงนี้มีที่มาจากช่วงที่พระองค์ทรงดนตรีในงานเลี้ยงที่พระตำหนักวิลลาวัฒนา เมืองโลซานน์ สะท้อนถึงอารมณ์ขันและความเหนื่อยล้าของนักดนตรี ทำนองของเพลงมีความเรียบง่ายในแบบบลูส์แท้ ๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเชื่อมโยงไปกับเรื่องราว เพลงนี้ยังแสดงถึงความสามารถในการผสมผสานอารมณ์ขันและความลึกซึ้งในบทเพลงเดียวได้อย่างลงตัว
เพื่อเฉลิมฉลองพระอัจฉริยภาพทางดนตรีของในหลวง รัชกาลที่ 9 ทางเนชั่นกรุ๊ป และองค์กรพันธมิตร จะจัดคอนเสิร์ต ‘H.M. Blues’ ขึ้น ในค่ำวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ คอนเสิร์ตนี้จะอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ และนำบทเพลงแสตนดาร์ดแจ๊สระดับสากลมาถ่ายทอด บรรเลงโดยวง RSU Jazz Orchestra ภายใต้การควบคุมของ รศ.ดร.เด่น อยู่ประเสริฐ ศิลปินศิลปาธร ร่วมด้วยศิลปินชั้นนำ กบ เสาวนิตย์ นวพันธ์, ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว, แมว จิรศักด์ ปานพุ่ม, เมย์ ฝนพา ปราโมช ณ อยุธยา และ ออย กุลจิรา ทองคำ
รายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายบัตร โดยไม่หักค่าใช้จ่าย จะมอบให้แก่สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา และวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อสนับสนุนการศึกษาด้านดนตรีให้แก่เยาวชนไทยต่อไป บัตรมีจำหน่ายแล้วที่ไทยทิคเก็ทเมเจอร์
รายละเอียดคอนเสิร์ต
- วันที่: วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567
- เวลา: 19.00 - 21.00 น.
- สถานที่: โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์
- บัตรราคา: 1500, 2000 และ 2500 บาท