จอห์น คอนเนอร์ วีรบุรุษผู้กอบกู้โลก แต่ไม่อาจกอบกู้ตัวเอง

จอห์น คอนเนอร์ วีรบุรุษผู้กอบกู้โลก แต่ไม่อาจกอบกู้ตัวเอง
หุ่นเทอร์มิเนเตอร์รุ่น T-800 ตัวละครยอดแอ็กชันฮีโรของ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) อาจถือเป็นสัญลักษณ์ประจำแฟรนไชส์ “ฅนเหล็ก” The Terminator (1984-ปัจจุบัน) ซึ่งคอหนังทั่วโลกจะนึกถึงเป็นอันดับแรก หากพูดถึงหนังตระกูลชุดนี้ แต่ถ้าพิจารณาจากเนื้อเรื่องแล้ว โดยเฉพาะในหนัง 2 ภาคแรก ซึ่ง เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) เป็นผู้กำกับ ตัวละครที่สำคัญที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก จอห์น คอนเนอร์ ผู้นำของเหล่ามวลมนุษย์ในโลกอนาคตอันล่มสลาย เป็นหัวหอกในการทำสงครามกับกองทัพหุ่นยนต์ของสกายเน็ต (Skynet) เขามีความเก่งกาจรอบด้าน สามารถนำกองกำลังเพียงน้อยนิดต่อต้านกองทัพปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างสูสี จนพวกจักรกลหมายหัวว่าจะต้องสังหารเขาให้จงได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม ใน The Terminator ภาคแรก พวกมันจึงเล่นไม่ซื่อส่งหุ่น T-800 ย้อนเวลากลับไปตอนเขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ เพื่อสังหาร ซาราห์ คอนเนอร์ แม่ของเขา เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม แต่หมากเกมนี้ไม่ง่ายอย่างที่พวกมันคิด เพราะ จอห์น เองก็ส่ง “ไคล์ รีส” มือขวาคนสนิท ผู้จะกลายมาเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเขากลับมาเพื่อขัดขวางภารกิจของสกายเน็ต โดยเขาทุ่มเทสุดตัวปกป้อง ซาราห์ เอาไว้จนได้ แม้ต้องแลกมาด้วยชีวิต หลังภารกิจล้มเหลว สกายเน็ตยังไม่หยุดความพยายาม ใน Terminator 2: Judgement Day (1991) มันส่ง T-1000 หุ่นยนต์เหล็กไหลที่มีพิษสงร้ายกาจยิ่งกว่ามาเพื่อเด็ดหัว จอห์น คอนเนอร์ ที่กำลังอยู่ในวัยเด็กแสบหัวขบถ แต่จอห์นวัยผู้ใหญ่ก็ส่งหุ่นยนต์กลับมาปกป้องตัวเองเช่นเคย โดยหวยไปออกที่หุ่น T-800 รุ่นเดียวกับที่ถูกส่งมาฆ่าเขาในหนังภาคแรกนั่นเอง   [caption id="attachment_13320" align="alignnone" width="620"] จอห์น คอนเนอร์ วีรบุรุษผู้กอบกู้โลก แต่ไม่อาจกอบกู้ตัวเอง เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง[/caption]   แจ้งเกิดว่าที่ซุปตาร์และระเบิดเวลาที่จะทำลายตัวเอง   T2 ได้รับการจดจำจากฉากต่อสู้ไล่ล่าที่สนุก ดุเดือดเลือดพล่าน และมาพร้อมเทคนิคพิเศษสุดล้ำน่าตื่นตา กลายเป็นหนังแอ็กชันมาตรฐานสูงซึ่งยากจะหาหนังเรื่องใดจัดเต็มความสนุกได้ในระดับนี้ (แม้กระทั่งหนังตระกูล “ฅนเหล็ก” ด้วยกันเอง) อีกสิ่งที่น่าจดจำไม่แพ้กันคือตัวละคร จอห์น คอนเนอร์ ซึ่ง เอ็ดเวิร์ด เฟอร์ลอง (Edward Furlong) สวมบทบาทได้อย่างน่าสนใจ เฟอร์ลอง ในขณะนั้นเป็นเด็กหน้าใสวัยละอ่อน สามารถรับบทเป็นตัวละครหัวขบถ แข็งนอกแต่อ่อนใน และมีปมเรื่องครอบครัวได้น่าประทับใจมากเมื่อพิจารณาว่านี่คือหนังเรื่องแรกของเขา ทำให้ตัวละครนี้กลายเป็นหนึ่งในไอคอนสำคัญไม่แพ้หุ่น T-800 เลย หลังแจ้งเกิดอย่างยิ่งใหญ่ ใครต่อใครคงคิดว่าเฟอร์ลองคงกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เตรียมค้างฟ้าอยู่ในฮอลลีวูดเป็นแน่ หารู้ไม่ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขาจะกลายมาเป็นสิ่งที่เรียกว่า “อาถรรพ์ จอห์น คอนเนอร์” ที่ใคร ๆ ต่างก็เลื่องลือ แม้ว่าในช่วงแรก ๆ อาถรรพ์อาจยังไม่ออกฤทธิ์ เขามุ่งมั่นกับการเป็นนักแสดงขายฝีมือ ได้รับบทนำในหนังที่ได้รับคำวิจารณ์ด้านบวกหลาย ๆ เรื่อง อาทิ Brainscan (1994) Pecker (1998) American History X (1998) เป็นต้น แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี เมื่อเขาพ้นสภาพจากการเป็นวัยรุ่น มรสุมต่าง ๆ นำโดยปัญหาการติดยาเสพติดก็ถาโถมใส่เขาจนตุปัดตุเป๋ เฟอร์ลอง ยอมรับว่าเขาติดเฮโรอีนและโคเคนอย่างหนัก รวมทั้งแอลกอฮอล์ ส่งผลให้สุขภาพร่างกายและสติสัมปชัญญะทรุดโทรมถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยครั้ง เขาเกือบเข้าไปอยู่ในทำเนียบนักแสดงดาวรุ่งที่จากไปก่อนวัยอันควรเพราะยานรก เช่นเดียวกับ ริเวอร์ ฟีนิกซ์ (River Phoenix  โชคดีที่เขารอดมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด แต่เขายังหมั่นทำร้ายตัวเองต่อไป นอกจากติดยา เฟอร์ลองยังเคยโดนจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกายภรรยา เรเชล เบลลา (Rachael Bella) ซึ่งแต่งงานกับเขาในปี 2006 และหลังเลิกรากัน เขาก็ใช้กำลังกับ โมนิกา คีนา (Monica Keena) แฟนสาวคนใหม่จนโดนจับกุม ไม่เพียงแค่นั้น ลูกชายของเขา อีธาน (Ethan Furlong) ตอนอายุเพียง 6 ขวบยังเคยตรวจร่างกายแล้วพบสารเสพติด ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก กล่าวได้ว่า ในช่วง 10 กว่าปีนั้น เฟอร์ลองเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาล คุก และสถานบำบัดเป็นว่าเล่น ราวกับเป็นบ้านหลังที่ 2, 3 และ 4 ของตัวเอง จากปัญหาทั้งหมดในช่วงเวลานับทศวรรษ เป็นผลให้ทุกวันนี้เฟอร์ลองดูห่างไกลจากคนที่เคยสวมบท จอห์น คอนเนอร์ เขาไม่เหลือคราบของนักแสดงหน้าตาหล่อเหลา เปลี่ยนจากคนที่ทั้งฮอลลีวูดยกย่องเป็นร้องยี้ อาชีพการงานที่กำลังไปได้สวยก็ชะงักไปด้วย เมื่อผู้สร้างหนังจำนวนมากต่างส่ายหน้าไม่อยากร่วมงานด้วย เพราะกลัวจะก่อเรื่องปวดหัวกว่าเดิม ถึงปัจจุบันเขาจะยังมีงานเข้ามาอยู่บ้าง แต่ก็มักจะเป็นหนังเกรดบีที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ ความเหลวแหลกส่งผลให้คนยี้ขนาดไหน พอจะพิจารณาได้จากตอนที่ค่าย Sony วางแผนสร้างหนัง Terminator 3: Rise of the Machines เพื่อออกฉายในปี 2003 เฟอร์ลอง เจรจาสัญญากลับมารับบทเรียบร้อย แต่สุดท้ายโดนยกเลิกสัญญากลางคันก่อนหนังเปิดกล้องถ่ายเพียงไม่นาน แล้วกลายเป็น นิค สตอห์ล (Nick Stahl) ที่รับบทนี้ไปแทน   [caption id="attachment_13321" align="alignnone" width="640"] จอห์น คอนเนอร์ วีรบุรุษผู้กอบกู้โลก แต่ไม่อาจกอบกู้ตัวเอง โทมัส เดคเกอร์[/caption]   วิ่งผลัดส่งต่ออาถรรพ์   ใน Terminator 3: Rise of the Machines เล่าเรื่องราวหลังจากภาค 2 นานหลายปี เมื่อ จอห์น คอนเนอร์ สามารถหยุดยั้งวันสิ้นโลกเอาไว้ได้ เขาตัดสินใจกบดาน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครสามารถตามตัวเจอ สกายเน็ตเลยส่งหุ่นยนต์ T-X ย้อนเวลามาตามสังหารบรรดามือซ้ายและมือขวาของเขาในอนาคตแทน และหนึ่งในนั้นก็คือ เคท บรูว์สเตอร์ ผู้จะกลายมาเป็นภรรยาของเขาในภายภาคหน้า T3 ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก ตัวหนังได้รับเสียงวิจารณ์แง่ลบว่าถอยหลังลงคลองจาก T2 แทบทุกส่วน ฝ่ายสตอห์ลก็โดนกระหน่ำว่าเขาไม่มีมาดหรือเสน่ห์ในบทนี้เลย คนดูไม่เชื่อว่าเขาคนนี้จะกลายมาเป็นผู้กอบกู้โลกแบบเดียวกับที่เฟอร์ลองเคยเล่นเอาไว้ นอกจากนี้ยังตลกร้ายไม่น้อย เมื่อสตอห์ลไม่เพียงแค่รับช่วงต่อบท จอห์น คอนเนอร์ แต่ยังรับอาถรรพ์เข้าไปเต็ม ๆ โดยไม่ตั้งใจ เขาหันหน้าเข้าหาเหล้ายาปลาปิ้งเช่นเดียวกับเฟอร์ลอง เขาติดหนักจนถึงขั้นว่าจู่ ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จน โรส เมอร์ฟี สตอห์ล (Rose Murphy Stahl) ผู้เป็นภรรยาต้องออกประกาศตามหาให้วุ่น และหลังจากเจอตัวไม่นาน เขายังไปมีเรื่องกระทำลามกอนาจารจนโดนตำรวจจับในร้านขายหนังโป๊อีกด้วย เมื่อนับถึงตอนนี้ อาถรรพ์ดังกล่าวออกฤทธิ์อย่างรุนแรง บรรดานักแสดงที่รับบทนี้ ต่างต้องพบเจอความตกต่ำในชีวิตและอาชีพการงานกันโดยมิได้นัดหมาย โทมัส เดคเกอร์ (Thomas Dekker) ผู้รับบท จอห์น คอนเนอร์ ในซีรีส์ Terminator: The Sarah Connor Chronicles (2008-2009) ก็เช่นกัน ในช่วงที่ซีรีส์ออกอากาศ เขาเคยเมาแล้วขับรถชนนักปั่นจักรยานวัย 17 ปี ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ต่อให้จะรอดคุกมาได้ แต่ก็ถูกตัดสินให้รอลงอาญาและเข้าคลาสบำบัดอาการติดเหล้าแทน  แม้ว่าทุกวันนี้เขาจะใช้ชีวิตอยู่ในร่องในรอยและมีความสุขดี แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็เป็นรอยด่างพร้อยให้คนพูดถึงเสมอว่า เขาโดนอาถรรพ์ จอห์น คอนเนอร์ เข้าไปด้วยเช่นกัน หากจะมีคนที่คำสาปทำอะไรไม่ค่อยได้คงจะมีแค่ คริสเตียน เบล (Christian Bale) กับ เจสัน คลาร์ก (Jason Clarke) เท่านั้น รายแรกคือยอดนักแสดงแถวหน้าของวงการ มีผลงานที่น่าจดจำเป็นประจำทุกปีทั้งหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มใหญ่ นำโดยไตรภาค Batman The Dark Knight (2005-2012) และหนังฟอร์มเล็กขายฝีมือการแสดงระดับพระกาฬ เช่น American Psycho (2000) The Fighter (2010) The Big Shot (2015) Ford v Ferrari (2019) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาถ่ายทำ Terminator Salvation (2009) เขาควบคุมความติสต์ของตัวเองไม่อยู่ ปรี๊ดแตกกลางกองถ่ายใส่ผู้กำกับภาพ เชน เฮิร์ลบัต (Shane Hurlbut) โดยเขาโทษ เฮิร์ลบัต ว่ารบกวนสมาธิเขาตอนเข้าฉากและผรุสวาทด่าตากล้องอย่างรุนแรง เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวอื้อฉาวเพราะมีคนปล่อยคลิปเสียงจังหวะนั้นออกมาพอดี ก่อนที่ภายหลังเบลจะขอโทษอย่างเป็นทางการ ยุติความอื้อฉาวนี้ลงในเวลาเพียงไม่นาน ส่วน เจสัน คลาร์ก ในระยะหลังอาจอยู่ในช่วงขาขึ้น ได้เล่นหนังน่าสนใจหลายเรื่อง อาทิ Dawn of the Planet of the Apes (2014) Mudbound (2017) First Man (2018) เป็นต้น ชีวิตนอกจอเขายังวางตัวดีแทบไม่เคยมีปัญหา แต่บท จอห์น คอนเนอร์ เวอร์ชันตีความใหม่ของเขาใน Terminator: Genisys (2015) โดนด่าแบบเละตุ้มเป๊ะไม่แพ้กัน เพราะคนดูไม่ค่อยพอใจที่ จอห์น คอนเนอร์ ของเขาถูกดัดแปลงเป็นหุ่นยนต์รุ่น T-3000 กลายมาเป็นตัวร้ายต่อกรกับแม่ตัวเอง ถือเป็นความผิดมหันต์ที่แฟน ๆ The Terminator ไม่มีวันรับได้   [caption id="attachment_13319" align="alignnone" width="480"] จอห์น คอนเนอร์ วีรบุรุษผู้กอบกู้โลก แต่ไม่อาจกอบกู้ตัวเอง Terminator: Dark Fate[/caption]   He’s Back!(?) - Spoiler Alert!   ท่ามกลางสถานการณ์ของแฟรนไชส์ The Terminator และบทบาท จอห์น คอนเนอร์ ตกต่ำจนถึงที่สุด ไม่มีใครคิดว่าหนังตระกูลนี้จะกลับมาปังอีกแล้ว แต่เมื่อ เจมส์ คาเมรอน ผู้ปลุกปั้นหนังชุดนี้มากับมือใน 2 ภาคแรกตัดสินใจดึงแฟรนไชส์นี้กลับมาทำเอง ออกมาเป็น Terminator: Dark Fate โดยเขาทำหน้าที่อำนวยการสร้าง และให้ ทิม มิลเลอร์ (Tim Miller) จาก Deadpool (2016) เป็นผู้กำกับ  หนึ่งในสิ่งที่ เจมส์ คาเมรอน ทำเพื่อนำแฟรนไชส์นี้กลับมาเข้าร่องเข้ารอยคือการประกาศดึงตัว เฟอร์ลอง กลับมารับบท จอห์น คอนเนอร์ อีกครั้ง เขาปล่อยข่าวใหญ่นี้ออกมาในงาน 2019 Comic-Con International : San Diego สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งวงการ เพราะเขาถือว่าจะดีจะชั่วอย่างไร เฟอร์ลอง ก็คือ จอห์น คอนเนอร์ ตัวจริงเพียงหนึ่งเดียว และจะไม่มีใครล้มล้างข้อเท็จจริงนั้นออกไปได้ อย่างไรก็ตาม หลายท่านน่าจะได้ดู Dark Fate กันไปแล้ว และคงเห็นเรียบร้อยว่า เฟอร์ลอง ในวัย 41 ปีไม่ได้กลับมารับบท จอห์น คอนเนอร์ เพราะครั้งเดียวที่คนดูเห็นตัวละครตัวนี้กลับเป็น จอห์น ในวัยเด็ก และถูกหุ่น T-800 สังหารคาตา โดย จูด คอลลี (Jude Collie) นักแสดงเด็กหน้าใหม่แกะกล่องมารับบทนี้ และทีมงานใช้เทคนิคพิเศษตกแต่งใบหน้าเขาให้เหมือนกับ คอนเนอร์ เวอร์ชัน เฟอร์ลอง ใน T2 การสับขาหลอกดังกล่าวอาจทำให้ใครรู้สึกผิดหวัง บางคนอาจจะชิงชังที่หนังเลือกเดินทางสายนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเดินหมากตานี้เป็นการพาเรื่องราวในจักรวาล “ฅนเหล็ก” ไปสู่เส้นทางใหม่ ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งก็ต้องมาดูกันต่อไปว่า Dark Fate จะประสบความสำเร็จมากพอจนได้รับไฟเขียวให้ทำภาคต่อไหม? อีกทั้งยังต้องลุ้นกันด้วยว่า เจ้าหนูคอลลีจะโดนอาถรรพ์นี้เล่นงานเข้าให้อีกคนหรือไม่ ก็ได้แต่ภาวนาว่าเขาคงไม่เลือกเดินทางผิดแบบนั้นไปอีกคน อาถรรพ์นี้ควรจะต้องจบลงไปพร้อมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แล้ว   เรื่องโดย: ปารณพัฒน์ แอนุ้ย   ที่มา: https://www.imdb.com/name/nm0000411/ https://www.chron.com/entertainment/movies/article/T3-was-almost-the-big-movie-that-couldn-t-get-2125230.php https://www.thefix.com/content/edward-furlong-son-cocaine91044 https://www.telegraph.co.uk/films/0/trashing-scene-story-behind-christian-bales-furious-terminator/ https://www.cinemablend.com/news/2478367/terminator-2s-edward-furlong-is-really-happy-to-return-for-dark-fate