แจ้-ดนุพล แก้วกาญจน์: ปรากฏการณ์ ‘ตายทั้งเป็น’ สู่บทเพลงที่ ‘ไม่มีวันตาย’

แจ้-ดนุพล แก้วกาญจน์: ปรากฏการณ์ ‘ตายทั้งเป็น’ สู่บทเพลงที่ ‘ไม่มีวันตาย’
หากเอ่ยชื่อ แจ้-ดนุพล แก้วกาญจน์ คนไทยในวัย 35 อัพ น่าจะรู้จักกับเขาเป็นอย่างดี ชายหนุ่มเสียงอบอุ่น จากบทเพลงฮิตมากมาย และหลายเพลงก็ได้ข้ามกาลเวลามาดังอย่างเป็นปาฏิหาริย์ในยุคนี้อย่างน่าแปลกใจ เรามาทำความรู้จักผู้ชายคนนี้ ผู้สร้างคุณูปการและสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการเพลงไทยสากลยุคใหม่มาหลายต่อหลายครั้ง ผ่านบทบาทและหน้าที่อันหลากหลาย ที่ทำให้เขาเป็นมากกว่าคำว่า ‘ศิลปินตัวจริง’   ชีวิตพลิกผัน สู่การเป็นดาวรุ่งแห่งวงสตริงแถวหน้า ยุคสมัยของดนตรีในยุค 80s ในประเทศไทย ดูจะเป็นยุคที่เฟื่องฟู และเป็นก้าวสำคัญของวัฒนธรรมป็อปที่ผลิบานไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่ค่อยเจริญรุดหน้า โดยเฉพาะวงการเพลงไทยสากล หลังจากที่ยุค 70s เปรียบเสมือนเด็กหัดคลานเตาะแตะที่นักดนตรีรับจ้างเกิดขึ้นมาจากการไปเล่นดนตรีตามไนต์คลับจนก่อกำเนิดวงอย่าง ดิ อิมพอสซิเบิ้ล, รอยัลสไปร์ท หรือ ชาตรี แต่มีอีกหนึ่งวงที่ร่วมก่อตั้งและสร้างตำนานบทใหม่ให้กับวงการสตริงคอมโบ้ นั่นก็คือ วงแกรนด์เอ็กซ์ นั่นเอง  แกรนด์เอ็กซ์ เป็นวงสตริงคอมโบ้ที่เต็มเปี่ยมด้วยฝีมือ และมีพัฒนาการที่ลื่นไหลไปตามสมัยนิยม พวกเขาสร้างชื่อจากอัลบั้มชุดแรก ลูกทุ่งดิสโก้ (2522) ที่นำเพลงเก่ามาทำในรูปแบบดิสโก้ตามความฮิตของแนวดนตรีในยุคนั้น   พี่แจ้ เริ่มต้นอาชีพนักร้องที่ร้านเลิฟคอฟฟีช็อป ด้วยเงินเพียงชั่วโมงละ 10 บาท ไต่เต้าจนสามารถทำรายได้ถึงเดือนละ 40,000 บาท ที่นับว่าเป็นรายได้ที่มหาศาลมากในสมัยนั้น ในยุคสมัยที่วงดนตรีส่วนใหญ่มักเล่นแต่เพลงสากล พี่แจ้กลับสร้างความแตกต่าง ด้วยการหยิบความชอบส่วนตัวที่มีต่อบทเพลงไทยตั้งแต่ยุคสุนทราภรณ์ไปจนถึงยุคดิอิมพอสซิเบิ้ล และเพลงลูกกรุงสมัยนั้นมาขับร้องในรูปแบบโฟล์คซอง ด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้มีกระแสชื่นชมแบบปากต่อปากถึงความยอดเยี่ยมของเขา จนสุดท้ายพี่แจ้ก็ได้ร่วมงานกับวงยอดนิยมอันดับ 1 ในสมัยนั้นอย่างวงแกรนด์เอ็กซ์ที่ช่วงนั้นเกิดสภาวะสุญญากาศ เมื่อนักร้องนำคนเก่า จำรัส เศวตาภรณ์ ได้ลาออกไป สมาชิกในวงเมื่อได้ดูการแสดงและน้ำเสียงของพี่แจ้ ก็ไม่ลังเลที่จะชวนพี่แจ้มาร่วมวง แม้เงินเดือนจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการร้องในคอฟฟีช็อป แต่พี่แจ้มองว่าโอกาสและชื่อเสียงที่จะตามมาในอนาคตนั้นสูงค่ากว่าเงินที่ได้รับ พี่แจ้เริ่มต้นกับวงแกรนด์เอ็กซ์ด้วยอัลบั้ม ‘เขิน’ ในปี 2523 ที่ถือว่าเป็นอัลบั้มที่แต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีใหม่หมด อัลบั้มนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการสตริงคอมโบ้ ด้วยเพลงป็อปร่วมสมัยที่สร้างความแปลกใหม่แปลกหูให้กับวัยรุ่นยุคนั้น พี่แจ้ดึงเสน่ห์ของวงดนตรีจากที่ไม่ใช่เพียงแค่อวดฝีไม้ลายมือและเชิงชั้นทางดนตรีเท่านั้น แต่พวกเขายังมีแรงดึงดูดให้วัยรุ่นและสาว ๆ ได้กรี๊ดกร๊าดอีกด้วย  ลูกคอและลูกอ้อนของพี่แจ้ ทำให้เกิดภาพลักษณ์ใหม่ของวงการดนตรีไทยสากล พวกเขาได้สร้างสรรค์บทเพลงป็อปอันยิ่งใหญ่ และกลายเป็นตำนานแห่งวงการดนตรียุค 80s อย่างแท้จริง หลังจากครองใจวัยรุ่นได้แล้ว พี่แจ้มองว่า แกรนด์เอ็กซ์ สามารถเป็นวงขวัญใจมหาชนทั้งประเทศได้ เขาจึงเสนอไอเดียว่าลองจับเพลงลูกกรุงอมตะที่เป็นความชอบส่วนตัวของเขาเอง เอามาทำเป็นดนตรีสมัยใหม่น่าจะรุ่ง จนนำมาซึ่งอัลบั้ม แกรนด์เอ็กซ์โอ (2524) ที่สร้างสถิติด้วยยอดขายระดับล้านตลับ นับเป็นปรากฏการณ์แรกของวงการเพลงไทยที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นยังถือได้ว่าเป็นวงแรกที่จัดคอนเสิร์ตที่แสงสีอลังการตระการตาในคอนเสิร์ต เปิดอัลบั้มเอ็กซ์โอ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงละครแห่งชาติในวันที่ 31 ตุลาคม 2524 ก็กลายเป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของวงการคอนเสิร์ตไทยไปตลอดกาล แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา มีเรืองรองย่อมมีโรยแรง เมื่อการสาดซัดของคลื่นลูกใหม่อย่างค่ายแกรมมี่ ที่ให้ความรู้สึกเพลงไทยนั้นมีความสากลไปอีกขั้น และอีกค่ายนั่นก็คือ Rose Sound หรือ RS ในปัจจุบัน ที่ตีตลาดวัยรุ่นเต็มสูบด้วยวงอย่าง ฟรุตตี้, บรั่นดี และวงคีรีบูน แกรนด์เอ็กซ์ไลน์อัพคลาสสิคได้สิ้นสุดบทบาทและหน้าที่ในอัลบั้มดวงเดือน (2527) เพื่อแตกกิ่งก้านสาขาไปตั้งวงเพื่อน ส่วนพี่แจ้ ก็ตัดสินใจแยกไปออกอัลบั้มเดี่ยวหลังสิ้นสุดอัลบั้ม สายใย (2528) ที่มีบทเพลงฮิตอย่าง คนธรรพ์รำพัน และ สายันห์รัญจวน เพื่อทำอัลบั้มประชันกับกับศิลปินฝั่งอโศกที่มีหนุ่มน้อย ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นทัพหน้า ซึ่ง 3 อัลบั้มแรกนั้น นับได้ว่าเป็นอัลบั้มคลาสสิคของวัฒนธรรม Thai Pop ที่สามารถยืนยันได้ว่า พี่แจ้คือซูเปอร์ สตาร์เบอร์ 1 ของวงการเพลงไทยร่วมสมัยอย่างแท้จริง   แจ้งเกิดในฐานะซูเปอร์สตาร์คนแรกของเมืองไทย อัลบั้มฝันสีทอง ของค่ายนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ออกวางตลาดในปี 2529 สร้างความเกรียวกราวด้วยบทเพลงบับเบิลกัมสุดหวานใส ด้วยเพลงสนุกอย่าง พังเพย / มองโลกให้เป็น หรือเพลงหวานซึ้งอย่าง แสนรัก / ฝันสีทอง / ฝันลำเอียง และดอกไม้ให้คุณ เพลงอมตะที่นำมาทำใหม่ บทเพลงชุดแรกของพี่แจ้ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม ด้วยบทเพลงที่เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังอันหลากหลาย ไปจนถึงการใช้ภาษาได้อย่างสละสลวยจากปลายปากกาของตัวพี่แจ้เอง และสันติ เศวตวิมล ทำให้พี่แจ้แจ้งเกิดในฐานะศิลปินเดี่ยวได้อย่างงดงาม  อัลบั้มชุดที่ 2 ของขวัญ ตามติดความสำเร็จจากชุดแรกที่ออกต้นปี ด้วยการออกอัลบั้มนี้ในช่วงปลายปีเพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ อัลบั้มชุดนี้มีสัดส่วนของดนตรี Synth-Pop ที่โด่งดังในยุคสมัยนั้น (และกลับมาฮิตในสมัยนี้) อัลบั้มที่ 2 กลับสร้างกระแสดังยิ่งกว่าชุดแรก มีบทเพลงที่ฮิตและอมตะหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น อร่อยไปเลย / สิงโตหน้าโบสถ์ / ตายทั้งเป็น / ที่สุดของหัวใจ / ห้องสีขาว / ยำโลก ทุกเพลงสร้างกระแส และยังเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ของเนื้อเพลงที่ไม่เหมือนใคร และนักดนตรีแบ็คอัพที่เป็นยอดฝีมือและผู้ทรงอิทธิพลทางดนตรีในกาลต่อมา อย่าง โอม-ชาตรี คงสุวรรณ และ จิ๊บ-วสุ / ติ๊ก ชิโร่ และ มืด ไข่มุก ที่รวมตัวเป็นวงพลอยในตอนหลังมาช่วยเสริมทัพให้อัลบั้มชุดนี้ยอดเยี่ยมและมหัศจรรย์อีกด้วย  และอัลบั้มชุดสุดท้ายที่ขอแนะนำก็เป็นอัลบั้มชุดที่ 3 เทวดาเดินดิน (2531) ที่บทเพลงยังครองแชมป์เพลงฮิตหัวตาราง สิ่งที่บทเพลงของพี่แจ้มีความแตกต่างจากศิลปินคนอื่น ๆ นอกจากมีบทเพลงรักประโลมโลกแล้ว ยังมีบทเพลงเพื่อชีวิตในแบบป็อป ๆ อย่าง เทวดาเดินดิน ที่พูดถึงเรื่องของชนชั้น / เขียวเสียดดอย เพลงที่รำลึกถึงเหล่าทหารผ่านศึก หรือ พ่อครู ที่ยกย่องเชิดชูพระคุณที่สาม ซึ่งสัดส่วนในบทเพลงรักและเพลงที่เล่าเรื่องชีวิตอยู่ในสัดส่วนเท่า ๆ กัน จึงทำให้อัลบั้มนี้ฉีกจากอัลบั้มป็อปบับเบิลกัมทั่ว ๆ ไป และอีกหนึ่งอัลบั้มที่อยากจะแนะนำนั่นก็คืออัลบั้ม ที่สุดของแจ้ (2530) อัลบั้มรวมเพลงฮิตเพื่อตามติดความสำเร็จของพี่แจ้ ที่มีบทเพลงพิเศษอย่าง ‘ครั้งหนึ่งวันนี้’ ‘จากพี่ถึงน้อง’ รวมเอาไว้พร้อมกับบทเพลงฮิต ๆ ในอดีต แต่ที่อยากจะบันทึกเอาไว้ก็คือคำว่า ‘ที่สุดของแจ้’ กลายเป็นวลีฮิตที่บัญญัติถึงความยิ่งใหญ่ยอดเยี่ยมเป็นที่สุดของที่สุด จนกลายเป็นศัพท์ฮิตที่พูดติดปากจวบจนปัจจุบัน หลังจากนั้นพี่แจ้ก็ออกอัลบั้มกับนิธิทัศน์อีกหลายต่อหลายชุด ทั้งเพลงแต่งเองและเอาบทเพลงอมตะมาร้องใหม่ ด้วยน้ำเสียงและลีลา (ที่อุดม แต้พานิช ได้แซวในเดี่ยวไมโครโฟนว่า เป็นสไตล์การร้องเต้นแบบแตงโมปั่น) จนสิ้นสุดการเป็นศิลปินในค่ายนิธิทัศน์ ไปพร้อม ๆ กับวัฒนธรรม Thai Synth-Pop ยุค 80s เช่นกัน   เป็นผู้ผลักดันศิลปินให้กลายเป็นดาวค้างฟ้า เพราะการเป็นขวัญใจวัยรุ่นนั้นมีข้อจำกัดและอายุของมัน พี่แจ้จึงไม่รอให้ไฟสปอตไลท์ดับแสงไปง่าย ๆ เขาเปลี่ยนหน้าที่จากผู้อยู่เบื้องหน้ามาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และได้ผลักดันหนุ่มสาวที่อนาคตไกล กลายเป็นศิลปินผู้มีชื่อเสียงในวันข้างหน้าไว้มากมาย วงพลอย...นับเป็นเด็กปั้นวงแรกสำหรับพี่แจ้ ที่ผลักดันให้เป็นศิลปินป็อปกรุ๊ป ที่รวมความหลากหลายทั้งแนวดนตรี และอัตลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น จิ๊บ-วสุ ที่ดูเป็นหนุ่มญี่ปุ่นนิปปอน / ติ๊ก ชิโร่ มือกลองเท้าไฟ / มืด ไข่มุก แนวตลกเสียดสี โดยเพลงแจ้งเกิดของวงพลอยนั้นคือเพลง จิ๊บ ร.ด. ที่รวมอยู่ในอัลบั้มของขวัญ ของพี่แจ้เอง ก่อนจะแยกตัวออกมาทำอัลบั้มเดี่ยวของวงอย่างเป็นทางการในชื่อ สุภาพบุรุษนักฝัน ในปี 2530  ตั๊ก ลีลา...แม้ปัจจุบัน เราจะรู้จัก ศิริพร อยู่ยอด ในฐานะพิธีกรและนักแสดงสายฮา แต่ก่อนหน้านี้ ตั๊ก ลีลา แจ้งเกิดในฐานะนักร้องที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยพี่แจ้พบตั๊กที่มีจุดเริ่มไม่ต่างกับพี่แจ้ คือเป็นนักร้องรับจ้างตามคอฟฟีช็อป แล้วพบน้ำเสียงที่แปลกและแตกต่างจากนักร้องหญิงทั่ว ๆ ไป พี่แจ้ที่ตอนนั้นออกมาเปิดค่ายที่ชื่อ อินเทอร์นอล จึงชวนตั๊กมาเป็นนักร้องในสังกัดในชื่อ ตั๊ก ลีลา และสร้างเพลงที่ฮิตมาก ๆ อย่าง ฉันไม่ใช่นางเอก, ธุรกิจเธอ, ไม่มีฝีมือ โดยเฉพาะ หมดห่วง ที่ข้ามกาลเวลามาดังจวบจนปัจจุบัน    บทเพลงข้ามกาลเวลา ด้วยเนื้อเพลงที่อยู่เหนือกาลเวลา บทเพลงของพี่แจ้มักถูกนำกลับมาในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคัฟเวอร์ / เพลงประกอบหนัง ไปจนถึงเพลงประกอบสื่อสมัยใหม่อย่าง TikTok เรามาย้อนดูกันว่าบทเพลงพี่แจ้เพลงไหนบ้างที่ข้ามกาลเวลาไปดังในยุคต่อมา นิดหนึ่งพอ - Friday...อัลบั้มแรกของวงที่แจ้งเกิด ตรัย ภูมิรัตน์ และผองเพื่อน ในนาม Friday I’m in Love (ที่เปลี่ยนเป็นชื่อ Friday ในตอนหลัง) ในช่วงวางตลาดครั้งแรก ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เพราะถูกกระแสอัลเทอร์เนทีฟบดบังจนมิด กระทั่งวงได้นำเพลง นิดหนึ่งพอ มาคัฟเวอร์ในรายการวิทยุรายการหนึ่งจนได้รับความนิยมอย่างมาก ค่ายมิวสิค บั๊กส์จึงได้ทำการปั๊มอัลบั้มชุดนี้อีกครั้ง โดยบรรจุเพลงนี้ไว้ด้วย ซึ่งช่วยชุบชีวิตวงนี้ขึ้นได้อีกครั้ง  โอ๊ย โอ๊ย - เบน ชลาทิศ...เป็นหนึ่งเพลงที่ตอนต้นฉบับก็ดังเป็นพลุแตก และเมื่อได้ศิลปินอย่าง เบน ชลาทิศ นำกลับมาร้องเป็นเพลงประกอบละคร แจ๋ว​ใจร้าย​กับ​คุณชายเทวดา ก็ปลุกชีพเพลงนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และหลังจากนั้นเบนก็ได้นำเพลงนี้มาร้องเสมอตามงานคอนเสิร์ต จนคนรุ่นใหม่เข้าใจว่าเพลงนี้เป็นเพลงของเบนไปแล้ว  ฝันลำเอียง - เพลงประกอบภาพยนตร์ แฟนเดย์...แฟนกันแค่วันเดียว แม้หนังเรื่องนี้จะใช้เพลงเวอร์ชันต้นฉบับใส่ไปในหนังเพื่อบอกถึงรสนิยมชอบฟังเพลงเก่าของนางเอกในเรื่อง แต่นอกจอ เมื่อคนดูหนังเรื่องนี้จบ ต่างก็เสิร์ชหาเพลงนี้ที่มีอายุอานามมากกว่า 30 ปี จนทำให้เพลงลับแลที่ถูกลืมเลือนไปแล้ว กลับมามีชีวิตโลดแล่นในยุคโซเชียลมีเดียได้อีกครั้งอย่างมหัศจรรย์    ตายทั้งเป็น - ปรากฏการณ์ TikTok  และเพลงล่าสุดที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม TikTok นั่นก็คือเพลง ‘ตายทั้งเป็น’ ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ผู้คนต่างพากันเต้นเพลงนี้ หรือไม่ก็ใช้เพลงนี้ประกอบวิดีโอกันอย่างมหาศาล โดยล่าสุดยอดผู้เข้าชมใน #ตายทั้งเป็น นั้นมีผู้เข้าชมสูงถึง 51 ล้านวิว ซึ่งสันนิษฐานว่ามาจากมีคนอัปคลิปประกวดในรายการ The Voice โดย เต๋า-ทัศนัย กิตติรุ่งสุวรรณ นำเพลงนี้ไปประกวดในรอบ Blind Audition เมื่อปี 2018 ลงใน TikTok จากนั้นก็กลายเป็นไวรัลให้คนคัฟเวอร์มากมาย ล่าสุด พิมรี่พาย สาวผู้เป็นกระแสในรอบเดือนสองเดือนมานี้ ก็ได้นำบทเพลงตายทั้งเป็นมาคัฟเวอร์ จนยอดวิวแตะที่หลัก 4 ล้านไปแล้ว ยิ่งช่วยทำให้เพลงนี้เป็นที่พูดถึงกันมากขึ้น   จากชายหนุ่มที่รักในการร้องเพลง และมีความทะเยอทะยานอันแรงกล้าที่จะเปลี่ยนวงการดนตรีด้วยการเชื่อมโลกของอดีตและอนาคตเข้าด้วยกันจนประสบความสำเร็จ และตอนนี้บทเพลงของเขาเองก็สามารถเชื่อมโลกของคนรุ่นก่อนกับรุ่นนี้เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน จนสามารถเรียกได้ว่า “พี่แจ้ คือนักร้องผู้อยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง”