สุรใจ อัตตนาถ DIFFER CLUB แจกไข่เจียวฟรี ช่วยคนตกงานจาก COVID-19 

สุรใจ อัตตนาถ DIFFER CLUB แจกไข่เจียวฟรี ช่วยคนตกงานจาก COVID-19 
“บอกเลยครับว่าพัทยา คนที่ลำบากมีเยอะมาก ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ยังไม่เคยเห็นพัทยาเป็นแบบนี้เลย ตอนนั้นต่อให้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือโรคซาร์ส หรืออะไรก็ตามแต่ มันก็ไม่เคยวอดวายขนาดนี้” นี่เป็นเพียงคำบอกเล่าส่วนหนึ่งจาก ‘เปิ้ล’ สุรใจ อัตตนาถ หนึ่งในกลุ่มบริหารของ DIFFER CLUB สถานบันเทิงชื่อดัง ถึงสถานการณ์ในเมืองพัทยา สถานที่ซึ่งเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เขาเล่าว่า เพราะที่ผ่านมาพัทยาซึ่งเคยเป็นเมืองแห่งแสงสี ตอนนี้ร้างผู้คนจนแทบมองเค้าเดิมไม่เห็น วอล์กกิง สตรีท ที่เคยเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวกลับเงียบสนิท เขาไม่นึกว่าชีวิตจะได้มาเห็นภาพแบบนี้มาก่อน และเพราะDIFFER CLUB เองก็เป็นหนึ่งในสถานบันเทิงที่ถูกภาครัฐสั่งปิดบริการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ทำให้พนักงานจำนวนมากของร้านไม่มีที่ไป สุรใจและกลุ่มผู้บริหารจึงตัดสินใจว่าควรทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือคนพัทยาในเวลานี้  “พอเราโดนสั่งปิด ลูกจ้างเราเขาก็แย่เลยเพราะไม่มีรายได้ ตอนนั้นก็คิดว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าทำข้าวแจกมันจะพอช่วยเขาได้ไหม อย่างน้อยก็ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ 40-50 บาท ที่ประชุมก็มองว่าดีนะ ถือเป็นการช่วยพนักงานร้านแถวนี้ด้วยเหมือนกัน”  นี่จึงเป็นที่มาของการแจกข้าวไข่เจียวฟรีวันละ 500 กล่อง ตั้งแต่วันที่ 20-31 มีนาคม 2563 ที่กลายมาเป็นกระแสชื่นชมในโลกโซเชียลช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ แม้ตอนแรกพวกเขาจะคิดถึงเพียงพนักงานร้านที่ถูกสั่งปิด แต่เมื่อถึงเวลาแจกอาหาร สุรใจกลับพบว่าที่จริงแล้วปัญหานี้สร้างความเดือดร้อนให้กับคนพัทยาทั่วไปหมด ไม่ว่าจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ คนขับแกร็บ พนักงานรักษาความปลอดภัย หรือพนักงานห้าง ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบเพราะไม่มีนักท่องเที่ยว เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาและทีมงานจึงเพิ่มจำนวนข้าวกล่องจาก 500 กล่อง เป็น 800 กล่อง เพื่อรองรับกลุ่มคนที่มารอรับข้าวกล่องมากขึ้น “อย่างวันแรกข้าวไข่เจียว 500 กล่อง เราแจกหมดภายใน 40 นาทีเลยครับ แต่พอวันต่อมา 20 นาทีก็ไม่เหลือแล้ว โชคดีที่พอเราประกาศจะทำตรงนี้ออกไป ก็เริ่มมีคนติดต่อจะส่งของมาช่วยเหลือมากขึ้น หลายวันที่ผ่านมาเราเลยมีทั้งข้าวหมูทอด ข้าวกะเพรา เอาไว้แจกจ่ายได้เยอะกว่าเดิม ก็ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่มาช่วยกันนะครับ เราจะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงสิ้นเดือนตามที่บอกไว้ ส่วนถ้ากำหนดการปิดร้านจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราค่อยมาคิดกันต่อ” สุรใจเล่าว่า ตั้งแต่เริ่มมีการแจกจ่ายอาหาร หน้าที่ของเขาคือการจับจ่ายซื้อของ แพ็คข้าว รวมถึงแจกจ่ายอาหารถึงมือผู้รับ เรียกได้ว่าแทบจะอยู่ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่เขาเห็นได้ชัดที่สุดคือความลำบากของผู้คน ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้  “ในพัทยาส่วนใหญ่คนก็เป็นประชากรแฝงถูกไหมครับ คนก็มาทำงานบาร์ มาทำงานเด็กเสิร์ฟ คนพวกนี้ไม่ได้เงินเดือนเยอะเลย การที่เขาหยุดงานแล้วไม่มีรายได้ เขาจะอยู่กันยังไง เรามาเห็นตามข่าวที่เขาโดนว่า ว่าทำไมขึ้นรถกลับบ้านนอก ทำไมไม่กักตัวอยู่เฉย ๆ ก็อยากจะตอบไปว่าเขาไม่ได้รวยไง ถ้ากลับบ้านไป อย่างน้อยเขาก็ไปกินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องเสียค่าข้าว เสียค่าเช่า อย่างคนที่อยู่นี่ข้าวกล่องเดียวของเรา มันก็ช่วยเขาได้ตั้งเท่าไหร่ ก็อยากให้เข้าใจตรงนี้กันนิดหนึ่ง” แม้ร้าน DIFFER CLUB เองต้องบอบช้ำจากการไม่มีรายได้ และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายจากการซื้อวัตถุดิบเพื่อทำอาหาร แต่ด้วยความคิดที่อยากจะช่วยเหลือกันในยามยากลำบาก สุรใจจึงไม่มองว่านี่เป็นความคิดที่ผิดแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ลืมป้องกันและรักษาความสะอาดในพื้นที่การแจกจ่ายอาหาร เพื่อไม่ให้การทำความดีในครั้งนี้ กลายเป็นเพิ่มระดับการแพร่ระบาดในพื้นที่เข้าไปอีก  “เราพยายามจะเซฟทุกสิ่งอย่างให้ได้มากที่สุด ทั้งหน้ากาก ถุงมือ เจลล้างมือ และการจัดระเบียบการแจก ก็พยายามป้องกันกันไปครับ คนที่มารับเราก็มีเตือนกันว่า คุณก็ระวังตัวด้วยนะ เวลายืนก็ห่าง ๆ กัน เวลามา ถ้าไม่ใส่หน้ากากมา เราก็บอกว่าวันหลังช่วยใส่มาด้วยนะครับ” “หลายวันที่ผ่านมา ถามว่าเหนื่อยไหม มันก็เหนื่อย แต่ก็สนุกดี เพราะเราเห็นคนเขามีรอยยิ้ม เพราะว่าบางคน เราประกาศว่าแจก 5 โมง แต่เขามายืนรอตั้งแต่สี่โมงแล้ว ยืนออกลางแดดเพื่อข้าวกล่องเดียว มันเป็นอะไรที่ถ้าเป็นเราคงไม่ทำ เรื่องนี้ทำให้เห็นจริง ๆ ว่ามีคนลำบากกว่าเรามาก ๆ จากผลกระทบของโควิด-19” สุรใจกล่าว แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาแห่งวิกฤต ที่เต็มไปด้วยความยากลำบากเช่นนี้ เขาก็บอกว่านี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาได้มีโอกาสทำอะไรดี ๆ เพื่อคนอื่น  และเพราะช่วงหลังมีชาวพัทยามากมายพยายามช่วยเหลือเรื่องวัตถุดิบ เช่น ข้าวสาร ไข่ ไหนจะน้ำดื่ม และเมนูอาหารอื่น ๆ ที่มาช่วยกันแจกเสริม เรื่องราวเหล่านี้คงเป็นอีกแง่มุมดี ๆ ที่พิสูจน์ว่าอย่างไรมนุษย์ก็ยังมีน้ำใจต่อกั ข้าวกล่องฟรีแด่ชาวพัทยา ยังมีแจกไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 63 นี้ ใครที่กำลังลำบากและต้องการลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารลงสักมื้อหนึ่ง สุรใจยินดีให้ทุกคนมารับไปทานได้ ส่วนคนที่สนใจอยากจะช่วยเหลือเรื่องวัตถุดิบ เขาบอกว่าขอไม่รับเป็นเงิน แต่รับเป็นของเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดคำวิพากษ์วิจารณ์ถึงการจัดการเงินดังกล่าว สุรใจยังฝากกำลังใจถึงผู้คนที่ต้องประสบกับความยากลำบากในภาวะนี้ไว้ว่า “อยากให้ทุกคนอดทนนะครับ อาจจะต้องอดมื้อกินมื้อ เศรษฐกิจแย่ แต่เราต้องอดทนครับ ผมรู้ว่าพูดแบบนี้อาจจะฟังดูไม่ดี หลายคนอาจจะคิดว่าพูดก็พูดได้ แต่มันไม่มีคำไหนแล้วจริง ๆ เข้มแข็งเข้าไว้นะครับ แล้วค่อย ๆ คิดไป เดี๋ยวถ้ามันจบวิกฤตครั้งนี้ เศรษฐกิจก็คงจะกลับมาดีเหมือนการฉลองอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าเป็นแบบนั้น ผมเชื่อจริง ๆ”