เอ็ดวิน เดรก ผู้ขุดบ่อน้ำมันสำเร็จเป็นคนแรก แต่ต้องตายอย่างยากจน  

เอ็ดวิน เดรก ผู้ขุดบ่อน้ำมันสำเร็จเป็นคนแรก แต่ต้องตายอย่างยากจน  

เอ็ดวิน เดรก ผู้ขุดบ่อน้ำมันสำเร็จเป็นคนแรก แต่ต้องตายอย่างยากจน  

ปิโตรเลียมเป็นสิ่งที่มนุษย์รู้จักนำมาใช้ประโยชน์เป็นเวลานานแล้ว เฮโรโดตัสนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกเล่าว่า อาณาจักรบาบิโลนนำยางมะตอยมาใช้เป็นสารประสานเนื้อหินในการก่อสร้างอาคารตั้งแต่หลายพันปีก่อน บันทึกโบราณของตะวันออกกลางหลายชิ้นยังบอกว่าพวกเขานำสารเหล่านี้มาใช้เพื่อประโยชน์ทางยาและใช้เป็นเชื้อเพลิงด้วย สารประกอบไฮโดรคาร์บอนรูปแบบแรกที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ก็คือยางมะตอย ซึ่งเกิดจากน้ำมันดิบที่แทรกซึมผ่านพื้นผิวโลกขึ้นมาแล้วระเหยไป เหลือไว้แต่สารประกอบเหนียวๆ ซึ่งมีคุณสมบัติเหนียวหนืดและกันน้ำได้ดี มันจึงเอาไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีในหลายรูปแบบ โดยไม่ต้องแปรรูปอะไร ต่อมาเมื่อวิทยาการของมนุษย์ก้าวหน้ายิ่งขึ้น จึงพบวิธีการสกัดเอาน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันตะเกียง (kerosene) จากน้ำมันดิบมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ในปริมาณมากดียิ่งเสียกว่าการสกัดเอาเชื้อเพลิงจากไขมันสัตว์ จึงทำให้มีผู้มีหัวทางการค้าพยายามหาทางสกัดเอาน้ำมันดิบซึ่งมีสะสมอยู่ใต้ผิวโลกเป็นปริมาณมากมาใช้ประโยชน์ ที่เมืองไททัสวิลล์ เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีการพบน้ำมันดิบอยู่แพร่หลาย ตอนแรกๆ คนที่อยากใช้ประโยชน์จากน้ำมันดิบก็จะใช้วิธีคอยเก็บตามพื้นที่ที่มีน้ำมันดิบแทรกขึ้นมาบนผิวดินแล้ว แต่วิธีการนี้ค่อนข้างล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ จึงมีความพยายามที่จะใช้วิธีการเจาะทะลุชั้นหินไปถึงแหล่งสะสมน้ำมันดิบ และผู้ที่ทำได้สำเร็จเป็นรายแรกก็คือ เอ็ดวิน เดรก (Edwin Drake) อดีตพนักงานรถไฟ เดรกเกิดเมื่อ 29 มีนาคม ปี 1819 ที่กรีนวิลล์ นิวยอร์ก เริ่มทำงานด้วยการเป็นพนักงานขายของ และพนักงานต้อนรับ ก่อนไปทำงานกับ Boston and Albany Railroad ผู้ให้บริการเดินรถไฟ โดยในปี 1850 เขามีโอกาสทำหน้าที่เป็นคอนดักเตอร์มีหน้าที่ดูแลทั้งเรื่องระวางสินค้า ผู้โดยสาร และพนักงานประจำขบวนรถ แต่ทำได้ไม่กี่ปีก็ต้องออกจากงานด้วยปัญหาด้านสุขภาพ ต่อมาในปี 1857 ขณะที่เขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่นิวเฮเวน คอนเนตติคัต นั่นเอง ที่เขามีโอกาสได้เจอกับกลุ่มผู้ถือหุ้นบริษัท Pennsylvania Rock Oil Company (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Seneca Oil) ผู้ถือสิทธิแสวงหาประโยชน์ในที่ดินผืนหนึ่งแถวๆ ไททัสวิลล์ ซึ่งมีการพบแหล่งน้ำมันดิบผิวดินอยู่ก่อน และชาวพื้นเมืองก็ใช้ประโยชน์จากมันมานาน และก็ไม่รู้ว่าไปคุยกันอีท่าไหน บริษัทนี้ก็ว่าจ้างให้เดรกเป็นผู้ขุดเจาะน้ำมันให้กับบริษัท แน่นอนว่าเดรกไม่ได้มีความรู้หรือประสบการณ์ด้านวิศวกรรมมาก่อน เหตุผลที่เขาได้รับการว่าจ้างจึงว่ากันว่าเป็นเพราะนายจ้างอยากจะลดต้นทุนเห็นว่าเดรกมีสิทธิเดินทางด้วยรถไฟฟรี (ในฐานะอดีตพนักงงานรถไฟเก่า) จึงจ้างให้เขามาทำหน้าที่ขุดสำรวจน้ำมันที่ไททัสวิลล์ด้วยค่าแรง 1,000 ดอลลาร์ต่อปี เขาและคณะเดินทางไปยังไททัสวิลล์ในเดือนมีนาคม 1858 โดยแนะนำตัวต่อบรรดานักธุรกิจในท้องถิ่นว่าเขาคือ "ผู้พันเดรก" (Colonel Drake) ด้วยหวังว่านั่นจะทำให้ชาวบ้านยอมรับนับถือในตัวเขา ซึ่งก็ทำให้เขาถูกเรียกขานด้วยชื่อนี้เรื่อยมา อย่างไรก็ดี เบื้องต้นผู้พันเดรกไม่ได้รับการยอมรับอย่างที่เขาคาดหวัง เพราะชาวบ้านมองว่าการขุดเจาะน้ำมันเป็นเรื่องเหลวไหลไม่เคยมีใครเขาทำกัน ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าจึงทำให้เขาถูกชาวบ้านท้องถิ่นหัวเราะเยาะเสียมากกว่า ในปี 1859 เดรกทดลองวิธีการใหม่โดยดัดแปลงจากวิธีการขุดบ่อเกลือ เขาติดตั้งแท่นเจาะที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำทุ่นแรงแล้วเสร็จ และเริ่มทำการเจาะในช่วงต้นเดือนสิงหาคม หัวเจาะที่ทำจากเหล็กของเขาสามารถเจาะหินได้เพียง 2-3 ฟุตต่อวันเท่านั้น ทำให้นายจ้างของเขาหมดความอดทนไปทุกวัน แต่ผู้พันเดรกก็ไม่ย่อท้อ จนกระทั่งถึงวันที่ 27 สิงหาคม ปีเดียวกันนั้นเอง แท่นเจาะก็สามารถเจาะลงไปได้ลึก 69.5 ฟุต หรือราว 21 เมตร คนงานก็เลิกงานกลับไปพักผ่อนโดยไม่รู้ว่าพวกเขาเจาะไปจนถึงแหล่งน้ำมันดิบแล้ว เช้าวันต่อมาเมื่อคนงานเดินทางกลับมาและมองไปที่ก้นบ่อ ถึงได้เห็นว่าน้ำมันดิบที่พวกเขาตามหาได้อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว จากวันนั้นเองผู้พันเดรกจึงได้รับเครดิตว่าเป็นผู้ขุดเจาะบ่อน้ำมันที่สามารถผลิตน้ำมันได้เป็นกอบเป็นกำบ่อแรกในสหรัฐฯ โดยเบื้องต้นสามารถผลิตน้ำมันดิบได้วันละ 25 บาร์เรล แท่นขุดเจาะของเขาก็กลายเป็นต้นแบบให้กับผู้ขุดเจาะรายอื่นๆ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตื่นน้ำมันในเพนซิลเวเนีย เปลี่ยนหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงสองร้อยกว่าๆ เป็นตัวเลขหลักหมื่นภายในระยะเวลาไม่ถึงสิบปี แต่ด้วยเหตุที่เขาไม่ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรวิธีการขุดเจาะน้ำมันเอาไว้ ทำให้ผู้พันเดรกไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการลงทุนลงแรงและเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น ในขณะที่นายทุนเจ้าของบริษัทของเขากลายเป็นมหาเศรษฐีน้ำมันเจ้าแรก แต่เขาต้องใช้ชีวิตอย่างสมถะ โดยนายจ้างให้เงินก้อนสุดท้ายกับผู้พันเดรกเป็นจำนวน 2,167 ดอลลาร์ เมื่อเดือนมิถุนายน 1860 แต่เงินทองของเขาก็ค่อยๆ หมดไปกับการลงทุนที่ล้มเหลว จนต้องไปขอหยิบยืมเงินจากคนรู้จัก ผู้พันเดรกต้องย้ายถิ่นฐานและเปลี่ยนงานไปเรื่อย หลังจากระเหเร่ร่อนด้วยความยากจนอยู่หลายปี เขาก็เดินทางกลับมายังเพนซิลเวเนียอีกครั้ง และในปี 1870 รัฐเพนซิลเวเนียก็มองเห็นคุณงามความดีที่เขาสร้างไว้ จึงได้อนุมัติเงินบำนาญให้เขาเป็นจำนวน 1,500 ดอลลาร์ต่อปี ช่วยให้เขาประทังชีวิตไปได้ ก่อนเสียชีวิตลงในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1880 หลังจากนั้นหลายสิบปีจึงมีการสร้างอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์เพื่ออุทิศให้กับเขาตามมา   ที่มา https://www.britannica.com/biography/Edwin-Laurentine-Drake Maloney, James. “Discovery of a Subterranean Fountain of Oil.” 100 Headlines That Changed the World. Skyhorse Publishing, 2012, pp. 17-19.