เอสเต ลอเดอร์ กวนครีมในบ้านไปขายในร้านทำผม ก่อนเป็นเจ้าแม่บิวตี้ระดับโลก

เอสเต ลอเดอร์ กวนครีมในบ้านไปขายในร้านทำผม ก่อนเป็นเจ้าแม่บิวตี้ระดับโลก
ย้อนไปกว่าครึ่งศตวรรษก่อนในยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยต้องอยู่ในกรอบว่าต้องทำตัวให้สวย ดูดี เพื่อให้ผู้ชายพึงพอใจ แต่นั่นไม่รวม เอสเต ลอเดอร์ (Estée Lauder) หนึ่งในตำนานเจ้าแม่วงการความงามระดับโลก เพราะเธอมีแนวคิดว่าผู้หญิงทุกคนควรดูแลตัวเองให้ดูดี ไม่ใช่เพื่อผู้ชาย แต่เพื่อตัวเอง ชื่อและนามสกุลของเอสเต คือชื่อแบรนด์ไฮเอนด์อย่าง Estée Lauder ที่มีสกินแคร์ขึ้นชื่ออย่างเซรัม และยังเป็นชื่อของบริษัท Estée Lauder Companies Inc. ที่เธอร่วมก่อตั้ง ซึ่งนอกจากจะมีแบรนด์ Estée Lauder ในความดูแลแล้ว ยังมีอีกหลายสิบแบรนด์ อย่าง La Mer, Bobbi Brown, MAC, Tom Ford Beauty อยู่ใต้ร่มอีกด้วย ปี 2018 Estée Lauder Companies Inc. มีรายได้ราว 1.37 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเกือบ 4.4 แสนล้านบาท รั้งตำแหน่งหนึ่งในบริษัทความงามเบอร์ต้น ๆ ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง แต่กว่าธุรกิจของเธอจะเติบโตได้อย่างทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งเอสเตต้องไล่ล่าตามหาความฝันในโลกแห่งความงาม ด้วยการขายครีมใน “ร้านทำผม” มาก่อน เอสเต มีชื่อเดิมว่า โจเซฟีน เอสเธอร์ เมนต์เซอร์ (Josephine Esther Mentzer) เกิดที่ควีนส์ ในนิวยอร์ก เมื่อปี 1908 (บางแห่งก็ระบุว่าแท้จริงแล้วเธอเกิดในปี 1906) โรส แม่ของเธอเป็นชาวฮังกาเรียน ส่วน แม็กซ์ ผู้เป็นพ่อเป็นชาวเช็ค “เอสเต” ที่ใคร ๆ เรียกขานกันนั้น แปลงมาจาก “เอสตี” (Esty) ซึ่งเป็นชื่อเล่น ความสนใจเรื่องความสวยความงามของเอสเตมีมาตั้งแต่เด็ก แต่ฉายแววชัดสมัยเรียนไฮสกูล เมื่อ จอห์น ชอตซ์ ลุงชาวฮังกาเรียนซึ่งเป็นนักเคมีมาพักอาศัยกับครอบครัวของเอสเต ชอตซ์สอนให้เอสเตรู้จักดูแลตัวเองอย่างการทำความสะอาดผิวด้วยน้ำมันแทนสบู่เนื้อหยาบ ขณะเดียวกันชอตซ์ก็สร้างสรรค์ครีมบำรุงผิว ครั้งแรกเขาผลิตครีมในครัว จากนั้นก็ผลิตในห้องแล็บ โดยมีเอสเตเฝ้ามองอย่างใคร่รู้ “มันช่างเป็นครีมที่ให้สัมผัสราวกำมะหยี่ล้ำค่า มอบกลิ่นหอมอันแสนหวานได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ทั้งยังทำให้ใบหน้าของคุณรู้สึกนุ่มเนียนราวผ้าไหมเลยทีเดียว” เอสเตพรรณนาขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอตกหลุมรักการดูแลตัวเองขนาดไหน ปลายทศวรรษ 1920 เอสเตพบรักกับ โจเซฟ ลอเตอร์ (Joseph Lauter) นักธุรกิจสิ่งทอ ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานในปี 1930 และย้ายไปใช้ชีวิตครอบครัวที่แมนฮัตตัน จากนั้นไม่นาน ทั้งสองเปลี่ยนมาใช้นามสกุล “ลอเดอร์” เป็นการแก้ไขจากตัวสะกดเดิมที่สะกดผิดตั้งแต่สมัยพ่อของโจเซฟอพยพจากออสเตรียมาอยู่สหรัฐอเมริกา เอสเตให้กำเนิด ลีโอนาร์ด ลูกชายคนแรกไม่กี่ปีหลังแต่งงาน แต่แล้วเธอหย่ากับโจเซฟในปี 1939 ทว่า 3 ปีต่อมาก็แต่งงานกันใหม่ และปี 1944 เอสเตก็มีลูกชายคนที่สองคือ โรนัลด์  ในยุคที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังถูกจำกัดบทบาทแค่การเป็นภรรยาและแม่ของลูก เอสเต (ซึ่งแวบไปเป็นนักแสดงอยู่ช่วงหนึ่ง) ทำได้ตามที่สังคมคาดหวัง แต่ความฝันของเธอมีมากกว่านั้น เธอต้องการทำธุรกิจความงามที่เธอรัก และนั่นต้องไม่มีอะไรมาขัดขวางได้ เอสเตไม่ได้มีเซนส์แค่เรื่องความสวยความงาม แต่ยังมีทักษะด้าน “การขาย” เธอเชื่อมั่นว่าหากจะปิดการขายได้ ต้องใกล้ชิดและสัมผัสความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด โดยเฉพาะลูกค้าในแวดวงสังคมชั้นสูงที่ต้องการการดูแลอย่างดีเลิศ แล้วที่ไหนล่ะที่จะเป็นแหล่งรวมของผู้หญิงที่ชื่นชอบการดูแลตัวเอง ถ้าไม่ใช่ “ร้านทำผม” ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ไปร้านทำผมที่เดียวได้ข่าวครบจบทุกเรื่อง เมื่อร้านทำผมคือสังคมขนาดย่อม เป็นแหล่งอัพเดทเทรนด์ต่าง ๆ นานา เอสเตจึงเอา “ครีมโฮมเมด” ของเธอไปขายที่นั่น สาธิตวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย พนักงานดรายผมของสาว ๆ ไป เอสเตก็อธิบายครีมของเธอไปให้ทุกคนได้ดูทีละขั้นตอน และบอกถึงผลลัพธ์ของการใช้ครีมว่าช่วยให้ผิวหน้าดีขึ้นได้อย่างไร กลยุทธ์ของเอสเตได้ผล สาว ๆ เริ่มซื้อครีมของเอสเตไปใช้ เมื่อเห็นผลดีจึงเกิดการบอกปากต่อปาก กระทั่งปี 1946 เอสเตและโจเซฟก็ก่อตั้งบริษัท Estée Lauder Companies Inc. อย่างเป็นทางการ ปีต่อมาบริษัทได้รับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จากห้างหรู Saks Fifth Avenue มูลค่า 800 เหรียญ และเมื่อไปวางขายที่ห้างก็ขายหมดในเวลาเพียง 2 วัน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของทั้งคู่ หากถามถึงปัจจัยที่ทำเอสเตประสบความสำเร็จในบทบาทนักธุรกิจหญิงที่ทำการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง นอกจากความมุ่งมั่นที่มีอย่างเต็มเปี่ยม ก็น่าจะอยู่ที่การเอาใจใส่ลูกค้าอย่างเต็มที่ แม้ว่าบริษัทของเธอและสามีจะขยายตัวมากขึ้นแค่ไหน ถ้าเป็นไปได้ เอสเตต้องเห็นหน้าคนที่เธอจะว่าจ้างมาทำงานด้วยทุกคน “ฉันไม่ได้ดูเรซูเม่ของพวกเขาหรอก...แต่ฉันมองไปที่พวกเขาต่างหาก” เอสเตให้สัมภาษณ์ Boston Sunday Globe ในปี 1969 “ฉันใช้ปฏิกิริยาที่เรามีระหว่างกันเป็นตัวตัดสินใจน่ะ” เอสเตยังไปร่วมการเปิดร้าน Estée Lauder สาขาใหม่ทุกครั้ง และจะใช้เวลาเป็นสัปดาห์ที่สาขานั้นเพื่อแนะนำให้บีเอ (Beauty Advisor) เข้าใจถึงผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริง รวมถึงแนะนำเทคนิคการขายและการจัดวางผลิตภัณฑ์ให้น่ามอง และแน่นอนว่าต้องน่าซื้อ ขณะเดียวกัน เอสเตจะไม่ยัดเยียดให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์มาก ๆ เพราะเธอเชื่อว่า ท้ายสุดการดูแลความงามในชีวิตประจำวันคือการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่กี่ตัวเท่านั้น จากบริษัทเล็ก ๆ มีพนักงานไม่กี่คน Estée Lauder Companies Inc. ขยายกลายเป็นอาณาจักรความงามระดับโลก มีพนักงานหลายหมื่นคน จากหญิงสาวธรรมดา เอสเตกลายเป็นมหาเศรษฐีที่สร้างฐานะมั่นคงขึ้นมาได้ด้วยมันสมองและสองมือ เธอทุ่มเทชีวิตให้กับงานที่รักอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี ก่อนตัดสินใจเกษียณในปี 1995 และจากไปในปี 2004 เมื่ออายุ 96 ปี โดยมีเหล่าทายาทของเธอรับช่วงต่อในการบริหารบริษัทมาถึงปัจจุบัน "ฉันไม่เคยมัวแต่ฝันถึงความสำเร็จ, ฉันทำงานเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น" เอสเต ลอเดอร์    ที่มา https://www.biography.com/people/est%C3%A9e-lauder-9374625 https://www.elcompanies.com/en/who-we-are/the-lauder-family/the-estee-story https://www.esteelauder.com/estee-stories-article-5-things-you-didnt-know-about-estee-lauder