เมื่อหมอเพิ่มภูมิคุ้มกันทางใจให้คุณยาย ‘เอเวลิน ชอว์’ ด้วยข้อความ ‘อนุญาตให้กอดหลานได้’ หลังรับวัคซีนป้องกันโควิด-19

เมื่อหมอเพิ่มภูมิคุ้มกันทางใจให้คุณยาย ‘เอเวลิน ชอว์’ ด้วยข้อความ ‘อนุญาตให้กอดหลานได้’ หลังรับวัคซีนป้องกันโควิด-19
ภาพการโอบกอดอย่างใกล้ชิดโดยไม่มีหน้ากากอนามัยและความกังวลใจนี้ เป็นปรากฏการณ์ในโซเชียลมีเดียที่เรียกว่า ‘Post-vaccine Hug’ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากหลายประเทศเริ่มได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และสามารถกอดคนใกล้ชิดที่ได้รับวัคซีนหรือมีความเสี่ยงต่ำได้ โดยไม่ต้องรักษาระยะห่างหรือสวมหน้ากากอนามัยอย่างเก่า  บุคคลในภาพดังกล่าว คือ ‘เอเวลิน ชอว์’ (Evelyn Shaw) คุณยายชาวอเมริกันและหลานสาวของเธอที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างครบถ้วนทั้งคู่ “คุณได้รับอนุญาตให้กอดหลานของคุณ” ("You are allowed to hug your granddaughter.") ลายมือหวัด ๆ ของคุณหมอในนิวยอร์กที่เขียนไว้ในใบสั่งยา ชวนให้น้ำอุ่น ๆ ไหลออกมาอาบแก้มของคุณยายเอเวลินที่กำลังโผเข้ากอดหลานสาว ซึ่งคลิปวิดีโอและภาพข้อความ ‘อนุญาตให้กอด’ นี้ ถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ของลูกสาวอย่าง เจสสิกา ชอว์ (Jessica Shaw) ผู้ดำเนินรายการวิทยุ EW Live บน Sirius XM ในสหรัฐอเมริกา (https://twitter.com/JessicaShaw/status/1369287139368767488 ) ก่อนหน้านี้ เอเวลินได้รับวัคซีนโควิด-19 พร้อมกักตัวครบสองสัปดาห์ และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (Centers for disease control and prevention) มีประกาศออกมาว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ สามารถพบปะและเยี่ยมเยือนคนในบ้านที่ได้รับวัคซีนแล้ว หรือผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจากครัวเรือนเดียวกันที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก หรือรักษาระยะห่างทางสังคม แต่ถึงอย่างนั้นการใช้ชีวิตท่ามกลางความหวั่นวิตกมามากกว่าหนึ่งปี ทำให้เอเวลินยังไม่กล้ากลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เธอลังเลแม้แต่จะอยู่ห้องเดียวกันกับเอเทอเร็ต แฟรงค์ (Ateret Frank) หลานสาวของเธอ  เจสสิกา บอกกับ CNN ว่า แม่ที่เป็นม่ายของเธอ ใช้เวลาในช่วงปีที่แล้วอยู่กับความหวาดกลัวเพียงลำพัง แม้จะอยู่ในนิวยอร์กเหมือนกันและสามารถไปเยี่ยมเยือนกันได้ แต่การดูแลและให้กำลังใจด้วยการกอด หรืออยู่ใกล้กันตามปกติ กลับกลายเป็นความอบอุ่นแสนอันตรายในช่วงเวลาที่เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาอย่างสาหัส นั่นทำให้วัคซีนไม่สามารถสร้างความรู้สึกปลอดภัยทางใจให้กับคุณยายเอเวลินได้ เมื่อความกังวลไม่ยอมจางหาย หลานสาวของเอเวลินจึงตัดสินใจปรึกษาหมอที่ดูแลเธอและคุณยาย ทำให้แผนการสร้าง ‘วัคซีนทางใจ’ ได้เริ่มต้นขึ้น  คุณหมอยื่นใบสั่งยาให้หลานสาว เธอพับเก็บใส่ซองไว้อย่างดี จนกว่าซองจดหมายนั้นจะส่งไปถึงมือผู้รับ ทันทีที่ที่ซองจดหมายส่งไปถึงคุณยายเอเวลิน ความรู้สึกขณะเปิดอ่านคงคล้ายกับการเปิดของขวัญวันคริสต์มาส เพราะเมื่อคุณยายเห็นข้อความ 'อนุญาตให้กอดหลานได้' น้ำตาแห่งความโล่งใจก็ได้ไหลลงมาอาบแก้ม คุณยายโอบรับของขวัญที่เฝ้ารอมานานแสนนาน คืออ้อมกอดจากลูกหลานที่ได้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ภาพประทับใจของคุณยายและหลานสาวนี้ ถูกบันทึกไว้โดยเจสสิกา ชอว์ ซึ่งหลังจากเผยแพร่คลิปและรูปภาพดังกล่าวลงในทวิตเตอร์ ได้มีผู้คนจำนวนมากเข้ามารีพลาย (reply) ว่า พวกเขาเองก็เฝ้ารอวินาทีแห่งความหวังและความอุ่นใจในอ้อมกอดของคนที่รักเช่นเดียวกับพวกเธอ ซึ่งเจสสิกาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Patch ว่า หลังจากผ่านปีแห่งความโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ‘อ้อมกอด’ เป็นสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด “ฉันทำตามที่นักวิทยาศาสตร์และแพทย์บอกเสมอ ซึ่งก็คือ ถ้าเรารักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย รับวัคซีนและเชื่อข้อเท็จจริง เราจะสามารถหลุดพ้นจากโรคระบาดที่น่ากลัวนี้ได้ ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ทุกคนจะได้สามารถกอดอย่างปลอดภัย (safe-to-hug moment) และมันคุ้มค่าจริง ๆ” ล่าสุด ในเดือนมีนาคม 2021 ประชากรสหรัฐอเมริกาได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ประมาณ 11.5% ของประชากรทั้งหมด และทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีนนี้ในทุก ๆ วัน แต่ยังคงพบปัญหาที่ชาวอเมริกันบางคนยังลังเลที่จะรับการฉีดวัคซีน แม้จะเป็นวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ รวมทั้งมีผู้คนอีกส่วนหนึ่งที่ยังคงไม่วางใจสถานการณ์ในช่วงเวลานี้แม้จะมีวัคซีนแล้วก็ตาม วิน คุปตะ (Vin Gupta) แพทย์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันกล่าวว่า หากเป็นช่วงเวลาก่อนหน้านี้ การย้ำถึงความรุนแรงของโรคระบาดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข  แต่ ณ ตอนนี้ที่มีวัคซีนเรียบร้อยแล้ว  นอกจากการกระตุ้นเตือนให้ให้ผู้คนอดทนรอ และยังปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ สิ่งที่ควรสื่อสารไม่แพ้กันคือ การสื่อสาร 'ถ้อยคำแห่งความหวัง'  ดังนั้น หน้าที่ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรักษาและการแพทย์ นอกจากการดูแลอาการทางกายแล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ การให้กำลังใจ การยืนยันและการสนับสนุนให้ผู้คนที่รับวัคซีนครบตามกำหนดได้ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตตามปกติไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย โอบกอด หรือการยิ้มให้แก่กัน เพราะสุดท้ายของขวัญที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ นอกจากวัคซีนที่ช่วยให้ร่างกายปลอดภัย ก็คงเป็นวัคซีนทางใจที่ช่วยยืนยันว่าเราจะสามารถโอบกอดคนที่รักได้ โดยปราศจากหน้ากากอนามัยหรือความกังวลใจใด ๆ มาปิดกั้น   ที่มาเรื่อง   ที่มาภาพ https://twitter.com/JessicaShaw/status/1369287139368767488