04 ก.พ. 2563 | 14:22 น.
ท่ามกลางจังหวะดนตรีหนักแน่น ในบทเพลงอายุกว่า 10 ปีของวงอเมริกันร็อคในตำนานอย่าง Green Day กระสุนปืน 21 นัดที่บ้างก็ว่าเป็นสัญญะของสมรภูมิสงคราม และบ้างก็ว่ากันไปจนถึงเรื่องของความรัก เรากำลังพูดถึง '21 Guns' เพลงฮิตจากอัลบั้ม 21st Century Breakdown ที่ปล่อยออกมาเมื่อ 10 ปีก่อน และก่อนที่ Green Day จะกลับมาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกครั้งในรอบ 10 ปี ก่อนที่แฟนๆ จะได้ฟัง '21 Guns' กันอีกรอบ เราขอพาทุกคนไปย้อนเวลาเปิดเรื่องราวที่เป็นมากกว่าลูกกระสุนและเสียงปืนของเพลงนี้กันอีกครั้ง
'21 Guns' เป็นหนึ่งในเพลงจากอัลบั้ม 21st Century Breakdown โดยอัลบั้มนี้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของความสัมพันธ์ของคู่รักวัยรุ่น Christian และ Gloria ผ่านหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นชนชั้น ฐานะทางการเงิน เพศ และแน่นอนว่าด้วยสไตล์ของ Green Day จะต้องมีการสอดแทรกประเด็นสังคม การเมืองลงไปด้วย โดย '21 Guns' เป็นแทร็คลำดับเกือบสุดท้ายที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสงครามและอุดมการณ์ชาตินิยม ภายใต้บริบททางการเมืองของสหรัฐฯ ช่วงประมาณ 10 ปีแล้ว หรือถ้าใครพอจำกันได้ มันคือสมัยที่จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่นั่นเอง
Do you know what's worth fighting for When it's not worth dying for?
เวิร์สแรก '21 Guns' ถูกตีความออกมาตรง ๆ ว่าด้วยเรื่องของสงคราม แน่นอนว่าเป็นคำร้องขอให้ยุติสงคราม หยุดความขัดแย้ง โดยให้เหตุผลว่าชีวิตของเราทุกคนมีค่ากว่าที่จะยอมเสียมันไปกับการต่อสู้หรือสงคราม
Lay down your arms
Give up the fight
ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดอาจจะเป็นการวางอาวุธในมือลงเพื่อหยุดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นต่อไป และแม้ '21 Guns' จะเป็นเพลงที่ปล่อยออกมานานนับ 10 ปี แต่ทุกวันนี้ประเด็นความขัดแย้งและความรุนแรงที่อยู่ในเพลงก็ยังคงเป็นที่พูดถึงให้เราได้ยินกันอยู่ทุกวัน
ในอีกความหมายหนึ่งชื่อเพลง '21 Guns' มาจากคำว่า 21-Gun Salute การยิงสลุตหรือปืนไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่นิยมทำกันในฝั่งยุโรปตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 17 มีจุดประสงค์คือแสดงความเคารพ และให้เกียรติกับใครคนใดคนหนึ่ง โดยยิงปืนใหญ่ด้วยดินดำ หรือดินไม่มีควัน มีจำนวนนัดเป็นเกณฑ์ตามควร ต่อมาอังกฤษจึงได้มีวางกฎเกณฑ์การยิงสลุตสากลว่าต้องยิงเป็นชุด ชุดละ 21 นัด จึงเป็นที่มาของคำว่า 21-Gun Salute โดยในอดีตมีการยิงสลุตในเหตุการณ์สำคัญ อาทิ วันเฉลิมพระชนมพรรษา รวมถึงพระราชพิธีต่าง ๆ ของเหล่าราชวงศ์ทั่วโลก (รวมถึงประเทศไทยบ้านเราด้วย) ซึ่งด้วยบริบทของความขัดแย้งและสงคราม การยิงสลุตในเพลง '21 Guns' จึงถูกตีความให้เป็นการสรรเสริญและให้เกียรติแก่ทหารและพลเรือนที่อุทิศชีวิตให้กับสงครามในอิรัก อิหร่าน ประเด็นร้อนแรงในสหรัฐฯ ช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานั่นเอง
หากใครได้ดูมิวสิควิดิโอ Marc Webb ซึ่งนั่งแท่นผู้กำกับ ได้นำเอา '21 Guns' มาตีแผ่ผ่าน 2 ตัวเอกอย่าง Christian (รับบทโดย Josh Boswell) และ Gloria (รับบทโดย Lisa Stelly) คู่รักที่หลบหนีเข้ามายังห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่ง แสงไฟสีน้ำเงิน-แดง บ่งบอกว่าทั้งคู่กำลังถูกล้อมไว้ด้วยตำรวจ ณ ตำแหน่งที่นั่งคนละฝั่งห้อง กระสุนปืนนับสิบนัดถูกยิงกระทบกระจกและสิ่งของภายในห้องอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง ตัดสลับกับ Green Day ที่กำลังบรรเลงเพลงนี้อยู่ในอีกฝั่งฟากหนึ่ง
ซึ่งนอกจากเรื่องราวของการเมืองและสงครามอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว มิวสิควิดิโอ '21 Guns' ยังถูกผู้ชมนำเอาไปตีความต่อว่าด้วยเรื่องของความรัก ท่ามกลางความหวาดกลัวหรือลูกกระสุน สายเรียกเข้าปริศนาที่หลังจาก Gloria ได้ฟังก็หย่อนหูโทรศัพท์ลงในตู้ปลา นำไปสู่ฉากจบของมิวสิควิดิโอตัวเอกทั้งคู่เลือกจะเดินเข้าหากัน โอบกอดและจูบท่ามกลางกระสุนปืน ก่อนที่ทั้งจอจะดับมืดลง สะท้อนถึงความกล้าที่จะทำตามหัวใจ หรือทำเพื่อใครสักคนโดยที่ไม่มีความกลัวเข้ามาเป็นอุปสรรค ทิ้งความกังวลอย่างไม่สนว่าในตอนจบจะมีกระสุนลูกไหนพุ่งเข้ามาที่ร่างกายหรือไม่
ทั้งนี้ถ้าใครสังเกต มิวสิควิดิโอนี้มาพร้อม Easter Egg ที่ซ่อนเอาไว้เพื่อแฟน Green Day อย่างเนื้อเพลง See the Light แทร็คลำดับสุดท้ายจากอัลบั้มเดียวกัน ซึ่งปรากฏอยู่บนผนังห้องด้านหลังของ Gloria
I crossed the desert Reaching higher ground Then I pound the pavement To take the liars down But it's gone forever But never too late Where the ever-after Is in the hands of fate
และเมื่อมิวสิควิดิโอเองก็ไม่ได้เฉลยว่า Happy หรือ Bad End กันแน่ เนื้อเพลงบนผนังนี้จึงอาจตีความได้ถึงตอนจบของเพลงที่พวกเขาเว้นเอาไว้ให้คนดูไปคิดต่อกันเอาเองว่าบทสรุปของคู่รักคู่นี้จะเป็นอย่างไร
เตรียมตัวย้อนเวลากลับไปตะโกนร้อง '21 Guns' พร้อมกันให้สุดเสียง กับการกลับมาอีกครั้งของ Green Day ใน Green Day Live in Bangkok 2020 วันที่ 11 มี.ค. นี้ ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี จองบัตรได้แล้ววันนี้ คลิก