3.กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ & ความงาม : สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความใส่ใจกับเรื่องของสุขภาพและการดูแลตัวเองอย่างจริงจังเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่าสินค้าและบริการในกลุ่มนี้มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ สินค้าธัญพืช สินค้าที่มีส่วนผสมของสมุนไพร
4.กลุ่มสินค้าไซส์เล็ก : ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ชอบทดลองสิ่งใหม่ ชอบความสะดวกสบาย และนิยมการอยู่คนเดียวหรือมีครอบครัวขนาดเล็ก ดังนั้นหากผู้ประกอบการผลิตสินค้าเพื่อการบริโภค สินค้าควรบรรจุอยู่ในแพ็กเกจจิ้งที่เหมาะแก่การรับประทานในครั้งเดียว และในปริมาณที่เหมาะสำหรับการรับประทานแค่ 1-2 คน สำหรับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าอุปโภคก็ควรปรับลดขนาดให้เล็กลง เช่น ครีม อาจปรับให้อยู่ในรูปแบบซอง เพื่อความสะดวกในการพกพา ในราคาที่จับต้องได้
5.กลุ่มสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม : การใส่ใจและรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคยุคใหม่มักมองหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่กระบวนการคัดสรรวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ไปจนถึงตัวสินค้าและแพ็กเกจจิ้งต้องตอบโจทย์ในเรื่องสิ่งแวดล้อม
6.กลุ่มสินค้าที่ต่อยอดเอกลักษณ์จากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น : เทรนด์ความสนใจในผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหรือ Local Lover มีแนวโน้มเติบโตอีกครั้งในช่วงหลังการคลี่คลายของสถานการณ์ COVID-19 ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าท้องถิ่นสามารถขึ้นทะเบียนขอรับตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อยืนยันว่าเป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่มีคุณภาพและมีแหล่งที่มาจากท้องถิ่นนั้นๆ จริงๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่กลุ่มฐานลูกค้าประจำของสินค้าท้องถิ่นนั้นๆ ขณะเดียวกัน หากนำมาพัฒนาต่อยอดก็จะทำให้ได้ฐานลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคกลุ่มใหม่เพิ่มเติม เช่น “มะขามหวานเพชรบูรณ์” ที่ บริษัท สวนผึ้งหวาน จำกัด นำมาพัฒนาต่อยอดในหลากหลายรสชาติ หลากหลายรูปแบบ ทำให้ปัจจุบันสามารถขยายตลาดได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ สร้างยอดขายได้สูงถึง 250 ล้านบาทต่อปี
7.กลุ่มสินค้าที่มีนวัตกรรม : นวัตกรรมยังคงเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับคู่แข่งในตลาดแล้ว ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ถึงแม้จะเป็นสินค้าพื้นบ้านก็มีโอกาสเติบโตใด้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต เช่น แหนมสุทธิลักษณ์ ที่นำเอาเทคโนโลยีการฉายรังสีมาใช้กับการถนอมอาหารประเภทแหนม เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อหมู สามารถช่วยยืดอายุการจัดเก็บสินค้าให้ยาวนานถึง 2 เดือน โดยปราศจากสารกัมมันตรังสีตกค้าง สามารถรับประทานได้ทันทีไม่ต้องนำไปผ่านความร้อน ปัจจุบันมีจำหน่ายทั่วประเทศ