27 ธ.ค. 2565 | 16:00 น.
แอลเลอร์แกน เอสเธติกส์ (Allergan Aesthetics) บริษัทในเครือ AbbVie ที่มุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงาม เปิดเผย 10 เทรนด์ความงามของคนทั่วโลกที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางธุรกิจผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับความงามของโลกในอนาคต โดยเฉพาะในระยะ 5 ปีข้างหน้า และช่วยให้ผู้ให้บริการเข้าใจความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภค ก่อนพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์บริการที่จะสร้างความพึงพอใจให้คนรุ่นใหม่ที่เชื่อว่าเวชศาสตร์ความงามจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและสร้างพลังให้ตนเองมากขึ้น
10 เทรนด์โลกด้านความงามดังกล่าว ถูกเปิดเผยใน รายงานเรื่อง ‘The Future of Aesthetics’ ที่รวบรวมข้อมูลจากผู้นำในธุรกิจความงามใน 13 ตลาดหลักทั่วโลก และได้รับการยืนยันข้อมูลจากการสำรวจทางสื่อออนไลน์หลากหลายแพลตฟอร์ม รายงานชิ้นนี้ถูกเผยแพร่เป็นครั้งแรกในงานประชุมเชิงวิชาการด้านความงามของโลกครั้งที่ 20 (20th Aesthetics AMWC) ซึ่งจัดขึ้นที่โมนาโคไม่นานมานี้
รายงานดังกล่าวเป็นผลงานการศึกษาของแอลเลอร์แกน เอสเธติกส์ ซึ่งเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีด้านเวชศาสตร์ความงามจากสหรัฐอเมริกา เป็นผู้พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายแบรนด์และผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม รวมทั้งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยที่มีงานวิจัยรองรับมากกว่า 4,000 ชิ้นและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ รวมถึงสารเติมเต็มที่ยกกระชับและปรับรูปหน้า และเทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย แอลเลอร์แกน เอสเธติกส์ ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานทั้งจากแพทย์ผู้ทำการรักษาและผู้เข้ารับบริการทั่วไป มีเครือข่ายขยายพันธมิตรกับสถาบันความงามกว่า 1,200 คลินิกทั่วประเทศ
แอลเลอร์แกน เอสเธติกส์ ริเริ่มการทำรายงานดังกล่าวขึ้นด้วยเล็งเห็นว่าธุรกิจเกี่ยวกับเวชศาสตร์ความงามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้สถานการณ์โควิดก็ยิ่งเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ ความเป็นอยู่ และการดูแลตัวเองมากขึ้น จนส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมมากมาย
รายงานเรื่อง The Future of Aesthetics จึงเน้นที่การค้นหาว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมหรือไม่ และพฤติกรรมของผู้บริโภคได้แปรเปลี่ยนไปตามการตลาดอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้แก่ผู้ให้บริการเสริมความงามสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
คุณรัชนา ดังโกสินทร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านเวชศาสตร์ความงาม แอลเลอร์แกน เอสเธติกส์มีความมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมจึงต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในตลาดและพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามารับบริการด้านความงามได้รับความรู้เพิ่มขึ้น (educated) มีพลัง (empowered) และรู้สึกมั่นใจ (confident)
รายงาน The Future of Aesthetics ชี้ให้เห็นว่า ประเด็นที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันและเป็นที่มาของ 10 เทรนด์ดังกล่าวมี 4 เรื่อง ได้แก่ ทัศนคติใหม่ที่มองว่าความงามคือการสร้างพลังให้ตัวเอง (Beauty Empowerment) การที่คนมีความรู้เข้าใจเกี่ยวกับความงามมากขึ้น (Aesthetic Literacy) มุมมองที่เชื่อว่าการทำทรีทเมนต์ (ที่ไม่ใช่การทำศัลยกรรม) ไม่ใช่เรื่องต้องปกปิดอีกต่อไป (Destigmatized Treatments) และความตระหนักถึงการเลือกสินค้าที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Back to Nature)
“จากรายงานนี้และประสบการณ์ของ แอลเลอร์แกน เอสเธติกส์ พบว่าในโลกยุคปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่สามารถหาข้อมูลเรื่องเวชศาสตร์ความงามได้ด้วยตนเอง ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งยังเปิดรับวิธีการเติมเต็มความมั่นใจบนใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากการวิจัยพบว่า 80% พร้อมเปิดรับการทำทรีทเมนต์ที่เรือนร่าง
“และ 81% พร้อมเปิดรับการทำทรีทเมนต์ที่ใบหน้า ดังนั้นแอลเลอร์แกน เอสเธติกส์จึงยิ่งต้องสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่จะช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าด้านเวชศาสตร์ความงาม พร้อมทั้งตอบทุกความต้องการของลูกค้าให้ได้ดีที่สุด นั่นจึงเป็นที่มาให้เราทำการสำรวจและพบ 10 เทรนด์น่าสนใจที่เราอยากแชร์ให้ทุกคนได้รับรู้”
10 เทรนด์นิยามความงามแห่งอนาคตที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางอนาคตอย่างน้อยในอีก 5 ปีข้างหน้าของแวดวงเวชศาสตร์ความงามได้แก่
ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอลเลอร์แกน เอสเธติกส์ สามารถอ่านได้ที่เว็บไซต์ www.allerganaesthetics.co.th นอกจากนี้ แอลเลอร์แกน เอสเธติกส์ ยังเตรียมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเทรนด์นิยามความงามแห่งอนาคตมทั้ง 10 เทรนด์เพื่อเผยแผร่ในปี 2566 ต่อไป