BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 

BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 

นิยามใหม่ BrandThink มุ่งสู่การเป็น Hybrid Content Creator ที่พร้อมปรับตัวเพื่อทำงานอย่างผสมผสานและสร้างสรรค์ เพื่อสร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 

ถอดบทสรุปจากงาน BrandThink Tomorrow is Now เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นงาน Open House ครั้งแรกในรอบ 15 ปี และภายในงานนี้ เอกลักญ กรรณศรณ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ BrandThink ได้เผยมุมมองวิสัยทัศน์ และพูดถึงอนาคตของครีเอเตอร์ยุคใหม่ใน Session Content.Creator.Us โดยมองว่า โลกแห่งคอนเทนต์ ณ วันนี้มีความหลากหลายและแตกต่างจากยุคแรกเริ่มมาก เพราะคอนเทนต์กลายเป็นทุกอย่าง ‘Content is Everything’ และอยู่ในทุกๆ ที่ ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในแพลตฟอร์มออนไลน์อีกต่อไป ยิ่งถ้ามองในแง่ของแบรนด์ที่สื่อสารกับ Customer ก็ไม่ได้เจาะไปที่ Mass Media หรือการ Personalization แบบเดิมๆ แต่มุ่งไปที่ Community มากขึ้น

BrandThink ซึ่งเป็น Content provider company จึงได้นิยามตัวเองใหม่ ในฐานะ Hybrid Content Creator Company ที่พร้อมปรับตัวเพื่อทำงานอย่างผสมผสานและสร้างสรรค์
BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 

BrandThink ซึ่งเป็น Content provider company จึงได้นิยามตัวเองใหม่ ในฐานะ Hybrid Content Creator Company ที่พร้อมปรับตัวเพื่อทำงานอย่างผสมผสานและสร้างสรรค์

เอกลักญ บอกเล่าว่า Content Creator ยุคใหม่ต้องไฮบริด เพราะสิ่งรอบตัวเราทุกวันนี้ไฮบริดไปหมดแล้ว ทั้งการแบ่งเซกเมนต์ (segmentation) ของคอนเทนต์ที่มีหลากหลาย และความท้าทายในการสร้างคอนเทนต์ให้ลงตัวกับแชนเนลต่างๆ ที่มีมากมายเต็มไปหมด
BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง   

“ผมคิดว่าการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในยุคปัจจุบันและอนาคตอาจจะไม่ได้ง่ายนัก เราอาจจะต้องเป็นครีเอเตอร์ที่เร็วขึ้น ไวขึ้น รู้รอบด้านมากขึ้น และ integrate ข้อมูลต่างๆ ได้เยอะขึ้น วันนี้ทาง BrandThink ก็เลย redefine ทุกด้านที่เราทำ ตั้งแต่เรื่องของโปรดักชั่น พับลิชเชอร์ เอเจนซี เอนเตอร์เทนเมนต์ และในส่วนของแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็น 5 ด้านที่เรากำลังขับเคลื่อน และเป็นส่วนที่ยึดโยงกับความเชื่อภายในองค์กร

“ในการเป็น Hybrid Content Creator Company เรามีความรู้ความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน โฟกัสเรื่องงานคุณภาพ และสุดท้ายก็คือการ conversion การสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริงในการนำเสนอให้กับทุก business ที่เราทำ” 

หากแบ่งแกนธุรกิจหลักของ BrandThink จะประกอบด้วย 3 แกน คือ แกนที่ 1 Content Agency, Content, Commercial แกนที่ 2 Community และแกนที่ 3 คือ Cinema ภายใต้แต่ละยูนิตซึ่งขับเคลื่อนมานานหลายปีและจะเดินหน้าต่อไปในอนาคต ภายใต้สโลแกน ‘Tomorrow is Now’

BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 
1. ใต้ร่ม BrandThink คือ ธุรกิจโปรดักชั่นเฮาส์ High Quality Video ที่เปิดมานาน 15 ปี ควบรวมกับงานดิจิทัลออนไลน์ที่เปิดมากว่า 6 ปี และสวมวิธีคิดแบบ Creative Thinking ของบริษัท Content Agency เข้าไป ทำให้สามารถสร้างงานที่ตอบโจทย์การสื่อสารอย่างรอบด้าน ทั้งในรูปแบบธุรกิจ End-to-End และแคมเปญต่างๆ ไปจนถึงการสร้างคอนเทนต์ในแชนเนลต่างๆ ที่จะตอบสนองความสนใจอันหลากหลายของเหล่า Audience ได้แก่

  • Sauce ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ‘เรื่องราวกินได้’ และเชื่อมโยงผู้คนที่อยู่ในระดับท็อปของ Food Industry โดยในปีนี้มีเป้าหมายจะจัด Food Festival และเปิดตัวโปรเจกต์ Sauce NFT ซึ่งเป็นการต่อยอดของธุรกิจของทาง Sauce ในบทบาท Food NFT Agency ร่วมกับ เชฟไทกิ ‘รัตนพงศ์ ซูโบต้า’ แห่งร้าน Homeburg เพื่อมอบสิทธิพิเศษแบบ Exclusivity สำหรับคนรักอาหารและสนใจด้านเทคโนโลยี
  • Moody ที่มีสโลแกนว่า ‘พื้นที่ปลอดภัย เพื่อให้ตัวคุณข้างในได้เติบโต’ โฟกัสการเข้าถึงผู้คนในระดับ mentality เพราะว่าโลกยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความหลากหลาย และเราเชื่อว่าผู้คนต้องการสื่อหรือคอนเทนต์ที่ทำความเข้าใจในตัวของพวกเขา
  • Localry ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘รากเหง้าเล่าอนาคต’ พูดถึงประวัติศาสตร์ด้วยความเชื่อว่าการรับรู้และเข้าใจเรื่องราวในอดีต จะช่วยให้เราก้าวไปในอนาคตได้อย่างมั่นคงและถูกทิศทางมากขึ้น 
  • Candy เป็นแชนเนลน้องใหม่ในคอนเซ็ปต์ ‘Connect the Pops’ ที่จับมือกับสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง ONEE โดยมีเป้าหมายเพื่อจะเชื่อมโยงคนที่ชอบ Pop Culture เข้าด้วยกัน และคอนเนคให้คนในหลายๆ เจเนอเรชั่นมีโอกาสทำความเข้าใจคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้นผ่านแชนเนลนี้

BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 
2. Thinkster ซึ่งเป็น Content Creator Network ภายใต้คอนเซ็ปต์ว่า Create, Connect and Earn มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนและเสริมสร้างโอกาสให้แก่คอนเทนต์ครีเอเตอร์แบบไม่มีพรมแดน และมี Feature ที่น่าสนใจ เช่น 

  • Job Matching เป็นฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงแบรนด์กับคอนเทนต์ครีเอเตอร์เข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการว่าจ้างงานที่ดี และได้งานที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม 
  • Creator Portfolio เป็นฟีเจอร์ที่ดึงโซเชียลมีเดียอันหลากหลายของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ให้มารวมอยู่ในที่เดียวกัน และสามารถ customize สิ่งต่างๆ ได้ด้วย 
  • Campaign Co-Creation คือฟีเจอร์ที่จะเป็นมากกว่า petition เพราะจะเปิดให้ครีเอเตอร์รวมตัวสร้างคอนเทนต์ร่วมกันได้ โดยสามารถกำหนดเงื่อนไขในการ conversion ของตัวเองในการระดมทุนได้ 
  • Thinkster Academy คือคลาสเรียนออนไลน์ที่จะสนุกและไม่น่าเบื่อ เพราะใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิดีโอของ BrandThink เข้าไปถ่ายทำ 

BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 
3. BrandThink Cinema ธุรกิจน้องใหม่ที่เป็นไฮไลต์ในงาน BrandThink Open House ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ 24 มีนาคมที่ผ่านมา มีเป้าหมายในการสร้างโอกาสและปรับสมดุลของระบบนิเวศในโลกภาพยนตร์บ้านเราโดยโฟกัสที่ Creative Marketing เพื่อทำการตลาด พีอาร์ และหารายได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงด้าน Theatrical อย่างเดียว แต่อาจสร้างโมเดลความร่วมมือกับแบรนด์หรือพาร์ทเนอร์ต่างๆ และมีการแบ่ง Pillars ออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่

  • Publisher คือ การสร้างคอนเทนต์ต่างๆ เพื่อซัพพอร์ตผู้คนที่อยู่ในวงการและโปรเจกต์ต่างๆ ที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และ ecosystem แบบใหม่ที่จะทำให้ทั้งวงการเติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่สตูดิโอใดสตูดิโอหนึ่ง
  • Community คือ การเชื่อมโยงคนทำหนังรุ่นใหม่ๆ ที่มีจำนวนมาก แต่ไม่มีช่องทางจะนำเสนอหรือโปรโมตผลงาน ให้มารวมอยู่ที่เดียวกัน 
  • Studio มีทั้งส่วนที่เป็นการรับผลิตงานและส่วนที่ BrandThink Cinema ผลิตเอง โดยงานที่รับผลิตในปีนี้มีโปรเจกต์ร่วมกับ TenCent WeTV ป๊อปแชนเนล และ Netflix ส่วนผลงานที่ผลิตเองมีแนวคิดหลักที่การซัพพอร์ตครีเอเตอร์ให้มีอิสระทางความคิดสูงสุด โดยมุ่งเน้นประเด็นที่มีความ Local แต่สามารถต่อยอดได้ในระดับ Global ซึ่งปีนี้มีโปรเจกต์ไลน์อัปอยู่หลายตัว 

BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 
โปรเจกต์ที่ 1: 5th Round สารคดีขนาดยาวที่พูดถึงเรื่องนักมวยในยกที่ 5 ที่ชะตากรรมของนักมวยไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขา

BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 
โปรเจกต์ที่ 2: Coin Digger ซีรีส์ว่าด้วยคริปโตเคอร์เรนซีเรื่องแรกในเมืองไทย ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ 

BrandThink มุ่งสู่ Hybrid Content Creator สร้างสะพานสู่ความเปลี่ยนแปลง 
โปรเจกต์ที่ 3: RedLife รัก ละ เลย ภาพยนตร์ขนาดยาวใน Genre ที่ไม่ได้เห็นมานานหลายปีในไทย คือ Drama Teen Tragedy และเป็นการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ ‘คนที่ถูกลืม’ ซึ่งหนังจะมีความเข้มข้นขนาดไหน สามารถติดตามความคืบหน้าได้ภายในปีนี้ 

แต่เหนือสิ่งอื่นใด BrandThink เชื่อมั่นในการ Collaboration ซึ่งคือการจับมือร่วมกันกับพาร์ตเนอร์ เพื่อสร้างโปรเจกต์ใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายและมุมมองที่ดีร่วมกัน ซึ่งโปรเจกต์เหล่านั้นจะแข็งแรง และภายใต้สโลแกน Create a Better Tomorrow เราเชื่อว่า พรุ่งนี้อาจจะไม่ต้องรอนาน และวันพรุ่งนี้อาจจะสามารถเกิดขึ้นในวันนี้ได้เลย