08 ก.ย. 2566 | 11:14 น.
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เฉลิมฉลอง 140 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย เดินหน้ายกระดับเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมรุกผลักดันการเป็นฟันเฟืองหลัก นำหลากหลายเทคโนโลยีตอบโจทย์ภาคธุรกิจ สังคม ประชาชน และตอกย้ำความเชื่อมั่นจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ดำเนินภารกิจสื่อสารและขนส่งมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งตอบสนองทุกความต้องการทุกระดับ ผ่านโครงข่ายบุคลากรที่ชำนาญงานกว่า 38,000 คน เครือข่ายจุดบริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่กว่า 30,000 แห่ง ตั้งเป้ารักษาความเป็น Top of Mind และพัฒนาทุกกลุ่มธุรกิจให้เติบโต ทั้งกลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ กลุ่มบริการระหว่างประเทศ กลุ่มบริการค้าปลีก กลุ่มบริการการเงิน และกลุ่มบริการอื่นๆ
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า กระทรวงดีอีเอสยังมุ่งเป้าหมายในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้กระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดได้สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ การพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัล การทรานส์ฟอร์มหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจให้มีความคล่องตัวด้วยการใข้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และยังมุ่งนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจรัฐ และบ่มเพาะกิจการใหม่ๆ ที่ใช้ดิจิทัลเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างโอกาสให้กับคนไทยทุกคน
“ดีอีเอสมีหน่วยงานสำคัญภายใต้สังกัดเป็นจำนวนมาก และแต่ละหน่วยงานมีบทบาทที่สำคัญกับประเทศ หนึ่งในนั้นคือไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานการสื่อสารและขนส่งของชาติที่อยู่คู่กับคนไทยมากว่า 140 ปี โดยในปีนี้คนไทยจะได้เห็นความทันสมัยที่เกิดขึ้นกับไปรษณีย์ไทยชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งด้วยการนำบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคนไทย การเป็นตัวกลางให้บริการสื่อสารบนช่องทางดิจิทัลเพิ่มเติมจากการสื่อสารและขนส่งแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังมุ่งมั่นสนับสนุนภาคธุรกิจ และสังคมด้วยการเป็นเครือข่ายที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย เป็นฟันเฟืองในการสร้างรายได้ และเปิดเส้นทางสร้างโอกาสให้กับทุกคน โดยสิ่งสำคัญที่เป็นลักษณะพิเศษของไปรษณีย์ไทยที่มีต่อทุกภาคส่วนก็คือ “การรู้จริง รู้ใจ” จากการมีปริมาณข้อมูลมหาศาลที่เก็บมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่าไปรษณีย์ไทยคือรัฐวิสาหกิจที่ก้าวทันทุกกระแส และปรับตัวได้ดีกับทุกสถานการณ์”
ด้าน นายรัฐพล ภักดีภูมิ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจไปรษณีย์ทั่วโลกได้เตรียมพร้อมสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล รวมถึงการจัดการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกันกับไปรษณีย์ไทยได้ให้ความสำคัญกับเทรนด์ที่เปลี่ยนไปด้วย สำหรับการแข่งขันที่สำคัญในปีนี้คาดว่าธุรกิจขนส่ง – โลจิสติกส์ จะยังคงมีการแข่งขันด้านราคาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคุณภาพและความรวดเร็วในการให้บริการของผู้ประกอบการแต่ละรายในตลาด ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงจากตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง
คณะกรรมการไปรษณีย์ไทยจึงมีนโยบายมุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริการในปัจจุบัน โดยอาศัยจุดแข็งและบริการที่มากกว่าการจัดส่งสิ่งของ/สินค้าไปยังปลายทาง รวมถึงนำจุดเด่นของเครือข่ายไปรษณีย์ ทั้งในส่วนของ Physical Network เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ ระบบการขนส่งไปรษณีย์ หรือศูนย์คัดแยกไปรษณีย์ เป็นต้น และ Human Network เช่น พนักงานรับฝาก บุรุษไปรษณีย์ ที่เข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และสามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายไปรษณีย์ทั่วโลกได้ มาใช้เสริมศักยภาพให้รองรับการทำธุรกิจได้ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และสามารถขยายระบบสู่การเป็น Convergence Platform ได้ในระยะต่อไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการ และประธานคณะอนุกรรมการด้านกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาดและการสื่อสาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่าในวาระ 140 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย ได้มุ่งให้แบรนด์เปลี่ยนความท้าทายที่มีอยู่รอบด้าน พลิกเป็นโอกาสและสร้างรายได้ทางธุรกิจ โดยความท้าทายที่เกิดขึ้นขณะนี้มีทั้งรูปแบบที่หลากหลายของเศรษฐกิจดิจิทัล การเกิดขึ้นของเจเนอเรชันใหม่ ๆ ความต้องการของผู้ใช้บริการที่เริ่มมีความเป็นปัจเจก ฯลฯ ซึ่งไปรษณีย์ไทยจะใช้ความเป็นเพื่อนที่เข้าใจ และนำศักยภาพที่องค์กรมีอยู่มารองรับการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนส่งมอบคุณค่าที่คุ้มค่าผ่านทั้งบริการดั้งเดิม โซลูชันบริการใหม่ และรักษาความเป็นผู้นำตลาดในด้านคุณภาพให้ได้อย่างต่อเนื่อง
“ตลาดขนส่งในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะยังคงมีการแข่งขันกันด้วยหลากหลายกลยุทธ์ รวมถึงมีการนำเสนอจุดแตกต่างที่แต่ละแบรนด์มีเพื่อรักษาตลาด ซึ่งในส่วนของไปรษณีย์ไทยได้ให้ความสำคัญกับการครองใจผู้ใช้บริการด้วยความแน่นแฟ้น เป็นเพื่อนสนิทที่พร้อมเดินเคียงข้างคนไทยในทุกเส้นทางที่ส่งมอบทั้งความสัมพันธ์ และความสำเร็จ อีกทั้งยังรู้จริง รู้ใจ ผู้ใช้บริการทุกคน”
นอกจากนี้ ในปีนี้ที่ไปรษณีย์ไทยเดินทางมาถึงอายุ 140 ปี และอยู่ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงให้ความสำคัญกับการเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเชื่อถือเมื่อนึกถึงบริการขนส่ง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อาจมีภาพจำว่าไปรษณีย์ไทยเป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน ไม่ทันสมัย ทำให้ไปรษณีย์ไทยต้องทลายกำแพงภาพจำตรงนี้ไปให้ได้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนนิวเจนให้มากขึ้น ทั้งในเชิงการสร้างฐานผู้บริโภคผ่านโครงการและแคมเปญต่าง ๆ พร้อมทั้งมองหาไอเดียใหม่ๆ และอินไซต์จากคนรุ่นใหม่ มาปรับใช้และต่อยอดให้กับแบรนด์ให้ดูสดใสมากขึ้น
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจไปรษณีย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้ 10,833.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12.67% กำไรสุทธิทั้งสิ้น 157.72 ล้านบาท โดยกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ครองสัดส่วนรายได้สูงสุดถึง 44.11% ตามด้วย กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 36.04% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 13.60% กลุ่มบริการค้าปลีก 2.35% กลุ่มบริการการเงินและบริการอื่นๆ 2.84% และรายได้อื่นๆ 1.06% นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ไปรษณีย์ไทยได้สนับสนุนการให้บริการพื้นฐาน เข้าถึงทุกพื้นที่ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท
ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดการเดินทาง 140 ปีที่อยู่เคียงข้างเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้เปิดเส้นทางและเพื่อนร่วมทางที่เห็นโอกาสที่สำคัญทั้งในเชิงธุรกิจ และโอกาสใหม่ๆ สำหรับทุกภาคส่วน ด้วยกลยุทธ์ 1-4-0 โดย 1 คือ การเป็นที่หนึ่งเรื่องคุณภาพ พร้อมส่งมอบคุณค่าด้วยบริการที่มีคุณภาพเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง 4 คือ เส้นทางขนส่งทางรถยนต์ ทางรถไฟ ทางอากาศ ทางดิจิทัลครอบคลุมทั่วไทย ทั่วโลก ครบถ้วนทุกไลฟ์สไตล์ และ 0 คือ Zero Complaint ลดข้อร้องเรียนเป็นศูนย์ หรือแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วที่สุด และ Net Zero เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 และสำหรับครึ่งปีหลัง ไปรษณีย์ไทยพร้อมใช้เทคโนโลยีพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อคนไทยอีกมากมายโดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก
อีกทั้งในปีนี้ไปรษณีย์ไทยได้กำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงานด้วยแนวคิด “ส่งทุกความสัมพันธ์ สู่ทุกความสำเร็จ” ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการรักษาตลาดที่สำคัญของไปรษณีย์ไทยเท่านั้น แต่เป็นการตอกย้ำบทบาทของหน่วยงานที่ผ่านการเดินทางมามากกว่า 140 ปี โดยจะยังคงเป็นผู้ส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ เป็นผู้เชื่อมสัมพันธภาพด้วย “คน” และ “ความเชี่ยวชาญ” ที่จะทำให้ทุกเรื่องราวความสำเร็จของคนไทยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไปรษณีย์ไทยยังมุ่งเน้นความเป็น Top of Mind ที่คนไทยจะนึกถึง ไม่ว่าจะเป็นการมีบริการที่ออกแบบมาเฉพาะและน่าจดจำสำหรับคนทุกเจเนอเรชัน ความเชื่อใจกับคุณภาพที่สัมผัสได้จริง การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากการสื่อสารและการขนส่งแล้ว ยังเป็นแบรนด์ที่ช่วยแนะแนวทางและนำพาธุรกิจต่างๆ ไปสู่ตลาดที่เหมาะสม เป็นแบรนด์ที่พร้อมก้าวไปกับโลกอนาคตทุกยุค ทุกสมัย
ดร.ดนันท์ กล่าวอีกว่า ไปรษณีย์ไทยพร้อมดำเนินตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงดีอีเอส และสหภาพไปรษณีย์สากลที่มุ่งนำความเป็นดิจิทัลมาสู่ทุกภาคส่วน ซึ่งการจะไปถึงเป้าหมายได้นั้น ไม่ได้เป็นเรื่องของการลงทุนนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการปรับกระบวนการทำงาน และผลักดันให้คนไปรษณีย์ไทยคุ้นชินกับความเป็นดิจิทัลทั้งในเชิงของไลฟ์สไตล์ผู้ใช้บริการ และเครื่องมือใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับบริการสื่อสาร โลจิสติกส์ รวมถึงอื่นๆ ที่ไปรษณีย์ไทยดำเนินงานอยู่
“ ไปรษณีย์ไทยนับเป็นกิจการของชาติที่เป็นทั้งผู้ส่งต่อโอกาส และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมกับการสร้างการเติบโต มีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของคนไทยในทุกระดับ - ทุกพื้นที่ผ่านโครงข่ายบุคลากรที่ชำนาญงานมากกว่า 38,000 คน เครือข่ายจุดให้บริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่กว่า 30,000 แห่ง และ 220 ประเทศทั่วทุกมุมโลก ด้วยความตั้งใจในการเป็นเครือข่ายการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย ทั้งนี้ เป้าหมายของไปรษณีย์ไทยยังจะพัฒนาทุกกลุ่มธุรกิจที่เป็นบริการดั้งเดิมให้แตกต่างมากขึ้น สามารถเติบโตไปสู่ New S – Curve ได้ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ กลุ่มบริการระหว่างประเทศ กลุ่มบริการค้าปลีก กลุ่มบริการการเงิน และกลุ่มบริการอื่นๆ เช่น ธุรกิจที่ร่วมกับพันธมิตร ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยการผสาน “เทคโนโลยี” และ “คุณภาพ” สะท้อนการเป็นผู้เชื่อมโยงที่ดีที่สุดด้วยบริการที่มีศักยภาพตอบสนองทุกความต้องการได้อย่างตรงจุด”