29 พ.ย. 2566 | 12:47 น.
- พรรคประชาธิปัตย์นัดจัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีของพรรค เพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น
- ในการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ นอกจากจะมีนางสาววทันยา ลงสมัครชิงตำแหน่งแล้ว ยังมี นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต สส.พิจิตร หลายสมัย ลงสมัครด้วย
นางสาววทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถือฤกษ์มงคล วันนี้ (29 พ.ย. 2023) เวลา 09.09 น. เข้าสักการะ ‘พระแม่ธรณีบีบมวยผม’ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสัญลักษณ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเปิดตัวลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 หลังจากที่ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565
น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจลงสมัครเพื่อแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 โดยเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย มีเสรีภาพ และที่สำคัญที่สุดยังเป็นพรรคที่ไม่มีมีเจ้าของอย่างแท้จริง
“วันนี้มีความตั้งใจที่จะส่งออกไปยังพี่น้องประชาชน สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงประชาชนที่รักในพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน เพื่อเป็นการเริ่มต้นในการเมืองแบบใหม่ที่ซื่อตรงกับประชาชน ตรงไปตรงมาและจริงใจกับประชาชน จึงอยากขอโอกาสในการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ และฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นที่พึ่งและความหวังของประชาชน เพื่อที่จะยืนยันในพลังประชาธิปไตยของพรรค
ที่สำคัญเราจะนำพาประเทศ นำพาอนาคต ในการวาดฝัน นำพาประเทศเดินทางไปข้างหน้าในการเลือกตั้งข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น เพื่อนำพาให้พรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของประเทศไทยต่อไป”
ทั้งนี้ ในการจะลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สมัครจะต้อง 1) มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์ 2) ต้องเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 5 ปี จนถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่เคยเป็นกรรมการประจำสาขาพรรค 3) ต้องเป็นหรือเคยเป็น ส.ส.ในนามพรรค 4) ต้องเป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค 5) ต้องเป็นหรือเคยเป็นสมาชิกผู้บริหารท้องถิ่น ที่พรรคได้ส่งลงสมัคร
นอกจากนี้ ข้อบังคับพรรคยังระบุด้วยว่า บุคคลที่จะลงสมัครตำแหน่งหัวหน้าพรรค ต้องมีคุณสมบัติเป็นหรือเคยเป็น ส.ส.ในนามพรรค หรือหากไม่เคยเป็นมาก่อน ต้องใช้หลักเกณฑ์สมาชิกในที่ประชุมใหญ่ มีมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมให้บุคคลนั้นสามารถสมัครลงแข่งขันได้
โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้นัดจัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีของพรรค เพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์คอนเวนชั่น
ในการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ นอกจากจะมีนางสาววทันยา ลงสมัครชิงตำแหน่งแล้ว ยังมี นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต ส.ส.พิจิตร หลายสมัย ลงสมัครด้วย
เมื่อถูกถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ ส.ส. หรือสมาชิก เพื่อขอคะแนนหรือไม่อย่างไร เนื่องจากคะแนนสำคัญในการเลือกหัวหน้าพรรคคือ ส.ส. นางสาววทันยาตอบว่า ก่อนที่จะมีการมาแถลงข่าวได้มีโอกาสไปกราบเรียนผู้ใหญ่และพูดคุยกับสมาชิกพรรคบางส่วน ส่วนจะมีจะมี ส.ส. หรือสมาชิกท่านไหนที่จะมาเป็นทีมงาน ในการพูดคุยวันนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุป พร้อมย้ำจุดเริ่มต้นของตนเองว่า อยากนำเสนอตัวเองในการรับสมัครหัวหน้าพรรค
“ที่สำคัญการที่เราจะฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ได้เราต้องเลือกคนที่มีความสามารถเป็นที่ตั้ง ส่วนตัวจึงอยากก้าวข้ามระบบอุปถัมภ์ รวมถึงอคติทางเพศหรือข้อจำกัดของวัยเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่เลือกคนจากความสัมพันธ์ ก้าวข้ามเรื่องระบบอุปถัมภ์ และขอให้เลือกบุคคลจากความสามารถของบุคคลากร”
เมื่อถามว่ามั่นใจในเสียงที่จะได้มากน้อยแค่ไหน นางสาวทันยา กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจะเปิดโอกาสพิจารณาให้กับบุคลากรที่เห็นว่ามีความเหมาะสม ฉะนั้นในการลงสมัครไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมที่จะน้อมรับการตัดสินของสมาชิกพรรคทุกคน
“อย่างที่ได้กราบเรียนวันนี้สิ่งที่ตัดสินใจคือลงสู้การรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อเสนอตัวเองเป็นทางเลือกหนึ่งของสมาชิกพรรค ให้กับสมาชิกพรรค ในการกลับมาฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นที่รัก และศรัทธาของประชาชนในวันข้างหน้า”
เมื่อถามว่า ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรยังพร้อมที่จะทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปใช่หรือไม่ นางสาววทันยา ตอบว่า “ใช่ค่ะ”
นางสาววทันยายังได้แสดงวิสัยทัศน์ในการทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้านด้วยว่า จะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างดีที่สุดในฐานะตัวแทนประชาชน เพื่อให้เป็นไปด้วยความรัดกุมรอบคอบ โดยเฉพาะการป้องกันปัญหาทุจริตคอรัปชั่นที่เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกภายในประเทศ และเป็นตัวฉุดรั้งการพัฒนาการเติบโต ยืนยันว่าไม่มีปัญหาการทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล เราพร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมือง ที่มีเจตนาทำเพื่อประโยชน์ประเทศ เชื่อว่าหลังจากนี้หลังจากพรรคประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าก็จะเกิดความชัดเจนในการทำงานมากขึ้น
พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศที่จะเป็นฝ่ายค้าน เมื่อถูกถามว่าหากเป็นหัวหน้าพรรคจะมีโอกาสไปร่วมรัฐบาลหรือไม่
“จุดมุ่งหวังขณะนี้คือการเป็นฝ่ายค้าน จึงขอประกาศที่จะเป็นฝ่ายค้าน เราไม่ได้มุ่งหวังในการแสวงหาผลประโยชน์ รวมถึงอำนาจในการที่จะไปจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล”
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือเนชั่น
อ้างอิง :