30 พ.ย. 2566 | 11:18 น.
ภาวะโลกร้อน (global warming) ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเข้าสู่จุดเริ่มต้นของ “ภาวะโลกเดือด” (global boiling) ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) ภาคธุรกิจจึงให้ความสำคัญกับการผลักดันเรื่อง nature positive หรือผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม ผนวกเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักขององค์กร รวมถึงกลุ่มธุรกิจ TCP ที่มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ผ่านการลงมือปฏิบัติ ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) คืนต้นทุนทรัพยากรธรรมชาติให้กับโลก เพื่อช่วยโลกจากวิกฤต
ไขความลับพลังธรรมชาติ จากระบบนิเวศสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน
ผืนป่า เป็นเสมือนปอดของโลก เป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอย่างน่าอัศจรรย์ และเป็นแหล่งกำเนิดทรัพยากรที่ให้ “นิเวศบริการ” (ecosystem services) หรือบริการด้านระบบนิเวศ ทั้งอากาศ น้ำ ปัจจัย 4 ในการดำรงชีพ รวมถึงพลังงานต่างๆ ที่มนุษย์นำมาใช้ จึงต้องช่วยกันเติมเต็มและรักษา
เรียนรู้เศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่าน butterfly diagram
“TCP Spirit ปีนี้ เราได้นำแผนภาพผีเสื้อ (butterfly diagram) มาให้อาสาสมัคร ได้เรียนรู้เจาะลึกถึงแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เห็นภาพรวมตลอดการเดินทางของขยะว่าแยกแล้ว จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อสร้างวิถีไร้ขยะ รวมถึงเข้าใจธรรมชาติ การอยู่ร่วมกัน เพื่อดูแลและฟื้นฟูทรัพยากรให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง” ดร.เพชร กล่าว
• วัฏจักรทางธรรมชาติ มีกระบวนการรีไซเคิลในตัวเองตามระบบนิเวศ เช่น ป่าไม้ให้ผลผลิตแก่มนุษย์และสัตว์ป่า ผลไม้ร่วงหล่นกลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ มีสัตว์มากินผลไม้ และขับถ่ายออกมา หมุนเวียนธาตุอาหารกลายเป็นปุ๋ยที่มาบำรุงต้นไม้อีกครั้ง ต้นไม้ออกผลผลิตกลับมาเป็นวงจรต่อไปไม่สิ้นสุด และไม่มีของเสียเกิดขึ้นเลย อย่างไรก็ตาม ผลผลิตจากธรรมชาติมีระยะเวลาในการผลิตตามฤดูกาล มนุษย์จึงต้องช่วยกันดูแลรักษา เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เพื่อดูแลและฟื้นฟูให้ธรรมชาติยังคงอยู่ ในกิจกรรมอาสา TCP Spirit อาสาสมัครได้ลงมือนำขยะเศษอาหารไปทำปุ๋ยไส้เดือน และได้สำรวจป่า รู้จักป่าเศรษฐกิจ ป่าใช้สอย ที่สามารถนำผลผลิตมาใช้ได้ตามฤดูกาล ส่วนป่าอนุรักษ์ เป็นป่าที่ต้องอนุรักษ์พรรณไม้หรือผลผลิตเอาไว้ รวมไปถึงการนำสีจากธรรมชาติมาใช้ย้อมผ้าลดการใช้สารเคมีที่จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศปลายน้ำ
• วัฏจักรทางวัสดุ เริ่มจากการบริโภคสินค้า เกิดขยะที่เหลือจากการบริโภค จึงต้องมีการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง เช่น ในกิจกรรม TCP เศษโมลด์เซรามิก ก็สามารถนำไปใช้ในการซ่อมแซมถนน ลดความต้องการในการใช้ซีเมนต์ใหม่ หรือนำเศษซองขนมมารีไซเคิล สร้างสรรค์เป็นสินค้า เช่น จานรองแก้ว พวงกุญแจ เพื่อเพิ่มมูลค่าได้
Butterfly diagram และแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ต่อยอดสู่การปรับใช้ในชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจ
เราสามารถนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ได้ โดยสร้างการหมุนเวียนวัสดุง่ายๆ ด้วยตนเอง เช่น นำสิ่งของที่ยังใช้ได้กลับมาใช้ซ้ำ เพื่อลดปริมาณขยะ และช่วยแยกขยะ เพื่อให้เกิดการรีไซเคิลนำไปบริหารจัดการอย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นการช่วยลดของเสียและป้องกันทรัพยากรธรรมชาติไม่ให้ถูกทำลาย
สำหรับองค์กรธุรกิจควรพิจารณาว่าจะสามารถมีบทบาทได้ในขั้นตอนใดของวงจร อาจเริ่มจากการลดของเสีย หรือทำให้เกิดของเสียน้อยที่สุด ไปจนถึงทำให้เกิดของเสียเป็นศูนย์ รวมถึงการดูแลและหมุนเวียนทรัพยากรให้ได้มากที่สุด ซึ่งทำได้ทั้งในกระบวนการผลิต ให้บริการ หรือการปฏิบัติงานในสำนักงานทั่วไป ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ลองดูแนวทางจากกลุ่มธุรกิจ TCP:
• วัฏจักรทางวัสดุ เริ่มตั้งแต่ต้นทาง คือ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้รีไซเคิลได้ 100% สามารถหมุนเวียนทรัพยากรนำกลับมาเป็นวัสดุสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่ได้ไม่รู้จบ
• วัฏจักรธรรมชาติ เนื่องจากเป็นองค์กรที่ใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตสินค้า จึงมีโครงการ TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย ที่ช่วยฟื้นฟูแหล่งน้ำ เติมน้ำทั้งบนดินและใต้ดินกลับสู่ธรรมชาติพร้อมกับคืนน้ำให้ชุมชน นำน้ำไปใช้ประโยชน์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“ปัจจุบัน ผู้บริโภครุ่นใหม่สนใจเรื่องความยั่งยืนกันมากขึ้น จนถึงจุดหนึ่งจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อม ชวนให้ทุกคนร่วมกันคิด เช่น เมื่อมองบรรจุภัณฑ์หรือถ้วยกาแฟ แล้วตั้งคำถามถึงวัสดุที่ทำ จะเริ่มเกิดแรงผลักดัน และเมื่อมีการพูดเรื่องนี้กันมากขึ้น มีความรู้มากขึ้น ก็จะมีน้ำหนัก ผลักดันการเปลี่ยนแปลงในสังคม เมื่อลูกค้าให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น องค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ก็จะตอบโจทย์ สร้างผลกำไรคืนกลับมาได้ ทุกส่วนของธุรกิจจึงมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจหมุนเวียนนี้ได้ และเราไม่ได้แข่งกับใคร เราทำให้ดีขึ้น เป็นเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม” นายสราวุฒิ กล่าวสรุป