31 ม.ค. 2567 | 11:18 น.
“อาหารที่อร่อยที่สุด ไม่ใช่อาหารที่แพงที่สุดนะ”
‘เจี๊ยบ’ นันทิยา อินทรลิบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวานันท์ จำกัด เอ่ยประโยคบอกเล่ากึ่งคำถามนี้ขึ้น ก่อนจะตักก๋วยเตี๋ยวเรือเข้าปาก เคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อยพร้อมรำลึกถึงความหลังเงียบ ๆ
ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถามว่า แล้วอาหารอะไรที่อร่อยที่สุดสำหรับเธอ ผู้บริหารหญิงที่คุยเก่งและเป็นกันเองก็รีบเฉลย
“อาหารที่อร่อยที่สุดสำหรับเจี๊ยบคืออาหารที่เรากินตอนเป็นเด็ก”
ไม่รู้จะด้วย ‘โชคชะตา’ หรือ ‘ความบังเอิญ’ เพราะงานการกุศลที่คุณเจี๊ยบเป็น ‘แม่งาน’ ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘อาหาร’
งานดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Bangkok Chef Charity’ ซึ่งคนในแวดวงอาหารและแวดวงธุรกิจต่างรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นงานที่จัดมา 10 ครั้งแล้ว และกำลังจะกลับมาอีกครั้งในปีนี้
งาน Bangkok Chef Charity จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2552 เป็นการรวบรวมเชฟใหญ่จากโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพฯ มาปรุงอาหารมื้อพิเศษ โดยในปี 2562 ซึ่งเป็นการจัดงาน Bangkok Chef Charity ครั้งที่ 10 ทางผู้จัดงานสามารถระดมทุนได้จำนวน 44 ล้านบาท
หลังว่างเว้นไป 4 ปีในช่วงโควิด-19 ระบาด งาน Bangkok Chef Charity 2024 จะกลับมาอีกครั้งเป็นครั้งที่ 11 ในวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11.00 น.
โดยในงาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานการจัดงาน ณ ห้องรอยัล บอลรูม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ โดยรายได้จากการจัดงานทั้งหมดจะสมทบเข้ามูลนิธิเทพรัตนเวชชานุกูล ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใด ๆ
คุณเจี๊ยบการันตีว่า การจัดงานครั้งนี้แตกต่างและพิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะได้รับเกียรติจากเชฟดังบนเกาะฮ่องกง เชฟใหญ่จากโรงแรมชั้นนำ และเชฟระดับมิชลินจากร้านอาหารดังรวม 32 คน มาร่วมรังสรรค์เมนูสุดอลังการ 10 คอร์ส ยังไม่รวม canape อีก 16 รายการ สำหรับผู้เข้าร่วมงาน 380 ท่าน
“นอกเหนือจากการระดมทุน เจี๊ยบยังอยากให้งานนี้เป็นไฮไลต์ของธุรกิจอาหาร (Food Industry) อยากให้ธุรกิจอาหารมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หรือมีคนทำอะไรอย่างนี้บ้าง สำหรับเจี๊ยบครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ระดมเชฟมาได้มากถึง 32 ท่าน นับว่ามากที่สุดในชีวิตเลยจริง ๆ”
หลังจากฟังไฮไลต์ต่าง ๆ ในงาน ที่คุณเจี๊ยบเล่าด้วยความกระตือรือร้น เราจึงขอให้เธอเล่าถึง ‘สารตั้งต้น’ ในการจัดงาน Bangkok Chef Charity
“เจี๊ยบทำธุรกิจมา ประสบความสำเร็จมาก เรารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีโอกาสที่ดีในชีวิต จึงอยากแบ่งปันและหยิบยื่นโอกาสให้คนอื่น ๆ บ้าง ทีนี้พอคิดว่าเราจะให้สิ่งเหล่านี้กับใครดี เลยคิดย้อนไปเมื่อประมาณปี 2009 ที่ได้เดินทางไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ได้ไปพูดคุยกับเด็ก ๆ เพื่อดูว่าเขาอยากได้อะไร มีครั้งหนึ่งเด็กตอบว่า เขาอยากได้ ‘กำแพง’ เจี๊ยบฟังแล้วน้ำตาจะไหล
“คือตอนนั้นโรงเรียนเขามีพื้นปูนซีเมนต์แล้ว มีหลังคาแล้ว ถ้าได้กำแพงมาอีกก็จะมีห้องเรียนที่จะไม่โดนฝนสาด เด็ก ๆ บอกว่า อยากได้แค่กำแพง ไม่ต้องสร้างโรงเรียนให้หรอก มันเปลืองเงิน เด็กอยากได้แค่นี้ ตอนนั้นเราก็สร้างกำแพงให้เลยค่ะ”
หลังจากความสุขจากการ ‘ให้’ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ คุณเจี๊ยบก็อดแบ่งปันความรู้สึกนี้ไปยังคนอื่น ๆ ไม่ได้ เธอเริ่มจากการคุยกับเชฟที่รู้จักท่านหนึ่ง จนเกิดไอเดียรวบรวมเชฟมาทำงานการกุศลร่วมกัน เพื่อระดมทุนช่วยเหลือเด็ก ๆ ในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะตามโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่ขาดแคลนแม้กระทั่งถุงเท้า รองเท้า โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ
“ปีแรกรวบรวมเชฟมาได้ 16 คน สนุกดีค่ะ ทีนี้เรื่องมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เราเริ่มมีกำลังมากกว่ากำแพงแล้วนะ เราหาเงินได้มากขึ้นเรื่อย ๆ จาก 3 ล้าน เป็น 5 ล้าน ไปจนถึง 12 - 20 ล้าน”
นอกจากการแบ่งปัน อีกเรื่องที่คุณเจี๊ยบมักเล่าด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจคือความช่วยเหลือที่ได้รับจากผู้เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเชฟคนดังที่สละเวลามาสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษในงาน บริษัทไวน์ บริษัทนำเข้าอาหาร หรือจะเป็นนักดนตรีที่ยินดีมาบรรเลงเพลงในงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
“เจี๊ยบรู้สึกว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจริง” คุณเจี๊ยบตอบสั้น ๆ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มยามที่พูดถึง ‘น้ำใจ’ ที่ได้รับจากทุกคน ซึ่งทำให้เธอลืมช่วงเวลาที่ต้องวุ่นอยู่กับการติดต่อผู้คนมากมาย ต้องรับโทรศัพท์ที่ดังตลอดทั้งวันทั้งคืน ตลอดหลายเดือนของการเตรียมงาน
ระหว่างที่ทำงานเพื่อเดินหน้า Bangkok Chef Charity ขอบเขตการช่วยเหลือของคุณเจี๊ยบก็ขยายขึ้นอีก ไม่เพียงเด็กเท่านั้นที่ได้รับโอกาสดี ๆ แต่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการ ‘จัน-กะ-ผัก’ ก็ได้รับโอกาสที่ดีจากการจัดงานนี้เช่นกัน เพราะข้าวปลอดสารเคมีที่เกษตรกรเหล่านี้ปลูกอย่างพิถีพิถันนั้น จะถูกนำมาเสิร์ฟอวดกลิ่นหอมในงานด้วย “ข้าวจากโครงการจัน-กะ-ผัก เป็นข้าวหอมมะลิ 105 ที่ไม่มีทั้งสารเคมี ไม่มีทั้งสารเคลือบยาฆ่ามอด สาเหตุที่เราพยายามนำข้าวมาเป็นหนึ่งในเมนู เพราะเราจะช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับเกษตรกรไทย”
คุณเจี๊ยบยังกระซิบด้วยว่า เธอได้ทดลองกินข้าวแล้ว รู้สึกประทับใจมาก ข้าวเมล็ดยาวสวยงามกลิ่นที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ชนิดที่ว่า “แค่หุงก็หอมแล้ว เดินเข้าบ้านก็หอมเลย”
เราปิดท้ายด้วยการถามเธอถึง ‘ความสุข’ ที่ได้จากการจัดงานเข้าสู่ครั้งที่ 11 เจ้าตัวตอบแบบไม่ต้องคิดนานเลยว่า “เชื่อไหม ตอนเตรียมงานมันหนักมากเลย แต่ตอนที่ได้ยืนอยู่ในงาน ตอนที่รู้ว่าเงินทั้งหมดจะไปช่วยผู้คนได้มากขนาดไหน น้ำตาจะไหลเลย
“แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น เวลาได้ไปเห็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ ที่ขาดแคลนทั้งไฟฟ้าทั้งน้ำประปา ไม่มีแม้แต่ห้องน้ำ ไม่มีโรงพยาบาล เจี๊ยบภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือสังคม พอเห็นคนมีความสุข มันจบเลย”
นับเป็นอีกเรื่องราวของการ ‘แบ่งปัน’ ที่ ‘ผู้รับ’ ได้ ‘โอกาส’ ในขณะที่ ‘ผู้ให้’ ก็ได้ ‘เรียนรู้’ และส่งต่อ ‘แรงบันดาลใจ’ ให้กับคนที่มีกำลังคนอื่น ๆ ต่อไป