09 ธ.ค. 2567 | 13:56 น.
ในโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ‘KTC’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้วางแผนยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับปี 2568 ด้วยแนวคิด ‘Building a Sustainable Future Through Digital Transformation’ ที่เน้นย้ำการปรับตัวเพื่อสร้างองค์กรดิจิทัลที่ยั่งยืน
เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นองค์กรดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทาง KTC ได้กำหนด 4 แนวทางสำคัญ ดังนี้
1. Reach Better ด้วยการพัฒนา E-Application ที่สะดวกและปลอดภัย ช่วยให้ลูกค้าสมัครใช้บริการได้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการด้วยตัวเอง พร้อมการปรับปรุงโมเดล Credit Scoring เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินเชื่ออย่างแม่นยำ
2. Grow Healthier ด้วยการบริหารฐานข้อมูลสมาชิกให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มฟังก์ชันใหม่บนแอป KTC Mobile เพื่อให้สมาชิกเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้ง่าย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
3. Bond Tighter ด้วยการเพิ่มความปลอดภัยและการใช้งานที่สะดวกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Line Connect, Facebook และแอปพลิเคชัน KTC Mobile รวมถึงการปรับปรุงบริการของ Contact Center ให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
4. Work Smarter ด้วยการพัฒนาทักษะด้านไอทีให้บุคลากร พร้อมนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย และเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
คุณพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC เน้นย้ำว่า การเติบโตของ เคทีซี ไม่ใช่การขยายแบบไร้ทิศทาง แต่ต้องอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้ โดย Digital Transformation จะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน และต้องพัฒนาระบบให้ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและองค์กร
“เราต้องปรับระบบรองรับ มันมีเรื่องของมิจฉาชีพ พวก fraud ทั้งหลาย เราต้องพัฒนาระบบของเราให้ปลอดภัย เป็น priority ไอทีต้องช่วยเราพัฒนา เราจะใช้ดิจิทัลเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน Digital Transformation คือกระบวนการที่เราจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาวิธีการทํางาน โดยใช้เรื่องเทคโนโลยีมาช่วย เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เมื่อเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ และลดค่าใช้จ่ายได้ การเติบโตจะยั่งยืน แต่ทั้งนี้ การทำ Digital Transformation เป็นเรื่องระยะยาว เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนไปตลอดเวลา ความต้องการของคนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
“เราพูดเสมอว่าโครงสร้างหรือรากฐานที่แข็งแรงของ เคทีซี มาจาก 3 เรื่อง คือ คน กระบวนการ และเทคโนโลยี เคทีซี เติบโตมาได้ด้วยความแข็งแกร่งจากทั้ง 3 ตัวนี้ เป็น foundation ที่เราจะต่อยอดด้วย digital transformation”
ในปี 2568 KTC ตั้งเป้าขยายฐานสมาชิกใหม่เพิ่มอีก 250,000 บัตร โดยมุ่งเน้นกลุ่มคนที่มีรายได้ 50,000 บาทขึ้นไป โดย คุณประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต ชี้ว่า แม้จะมีการแข่งขันสูง และการเข้ามาของ Disruption ใหม่ ๆ แต่ KTC สามารถรักษาความแข็งแกร่งของพอร์ตสมาชิก ด้วยอัตราการใช้งานบัตรถึง 94% ซึ่งสูงที่สุดในอุตสาหกรรม
“สิ่งที่ทำให้ เคทีซี เติบโตได้ดีกว่าตลาด อย่างแรก คือ พอร์ตโฟลิโอ ปัจจุบัน เรามีลูกค้าอยู่ที่ 2.2 ล้านคน มีบัตรอยู่ 2.7 ล้านใบ เราเป็นบัตรเดียวเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่มีแอคทีฟสูงสุด ในหนึ่งปี ลูกค้าหยิบบัตรมาใช้สูงถึง 94% นอกจากนี้ ช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา เราพยายามที่จะ shift port ลูกค้าของ เคทีซี มาเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ตั้งแต่ 5 หมื่นขึ้นไป เรามองเห็นว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างช้า ๆ กลุ่มคนที่มีกําลังซื้อน่าจะเป็นกลุ่มที่ทำให้เราเติบโตได้ โดยในปีหน้าธุรกิจบัตรเครดิต เรายังคงตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 10 - 12%”
ส่วนกลยุทธ์ด้านสินเชื่อส่วนบุคคล เน้นการตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็วและยืดหยุ่น ด้วย E-Application ที่ช่วยให้ลูกค้าสมัครสินเชื่อและรับเงินโอนได้ภายใน 30 นาที คุณพิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อบุคคล ได้กล่าวถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ลูกค้าสามารถรูด โอน กด และผ่อนชำระได้ครบในบัตรเดียว
“ในส่วนของปี 2024 ถือว่าเราเติบโตได้ดี แม้ว่าตลาดธุรกิจสินเชื่อจะมีการเติบโตที่ลดลง อัตราเอ็นพีแอลของ เคทีซี ยังคงยืนมาตรฐานได้ต่ำกว่าอุตสาหกรรรมค่อนข้างมาก ประมาณ 2.8% ขณะที่อุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 3.3 % นั่นหมายความว่าเรายังยึดเป็นแกนในทิศทางนี้ต่อไป เราจะเติบโตไปพร้อมกับคุณภาพ โดยปี 2025 ตั้งเป้าไว้ว่าเราจะโตประมาณ 3%”
“เรื่องแรก เราต่อยอดจากตัว อี-แอปพลิเคชัน เป็นส่วนที่ เคทีซี ทำแล้ว สามารถที่จะ apply ได้ทั้งบัตรเครดิตและตัวสินเชื่อบุคคล อี-แอปพลิเคชัน จะมาเป็นเครื่องมือหลักให้เราประยุกต์ นั่นคือ หากลูกค้าสินเชื่อมีเรื่องฉุกเฉินต้องการใช้เงินด่วน เราก็คิดว่า จะดีกว่ามั้ย ถ้าลูกค้าสามารถที่จะขอเงินสินเชื่อได้ด้วยตนเอง ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ อี-แอปพลิเคชันของเรา มากไปกว่านั้น คือเราพยายามที่จะตอบโจทย์ลูกค้าตรงการอนุมัติภายใน 30 นาที นอกจากนี้ยังมีเรื่องการผ่อนชําระ จะเน้นไปที่การผ่อนชําระมากกว่า 10 เดือน ทำให้เป็นการแบ่งเบาภาระผู้บริโภค”
ด้านสินเชื่อรถยนต์ ‘พี่เบิ้ม รถแลกเงิน’ เน้นการขยายตลาดในกลุ่มที่มีรายได้ประจำหรือเจ้าของกิจการขนาดเล็ก พร้อมมอบวงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน และอนุมัติภายใน 1 ชั่วโมง คุณเรือนแก้ว เกษมสวัสดิ์ศรี ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อรถยนต์ กล่าวว่า
“สำหรับ เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่สดใส แต่เรามีความหวังว่าในปีหน้า สถานการณ์ธุรกิจน่าจะดีขึ้น ทิศทางของเคทีซี พี่เบิ้ม เราเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาคุณภาพของสินเชื่อของเราให้ดีอย่างต่อเนื่อง พอร์ตเราไม่ได้ใหญ่ แต่พอร์ตเรามีคุณภาพแข็งแรง แล้วมีอัตราหนี้เสียที่ต่ำ ในปีหน้าเราจะเน้นไปในกลุ่มลูกค้าที่มีความสี่ยงไม่สูง คือกลุ่มคนที่มีรายได้ประจํา หรือเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่มีที่มาของรายได้ชัดเจน”
“จุดเด่นของเรา คือเรื่องการให้วงเงินใหญ่อนุมัติไวรับเงินทันที เรามีแผนที่จะให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน ถ้าใครไม่ปล่อยให้มาหาเคทีซี พี่เบิ้ม”
จากการแถลงข่าวถึงทิศทางในปี 2568 KTC พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน ผ่าน Digital Transformation ซึ่งจะเป็นเสาหลักที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพและความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งคุณภาพการให้บริการและการเติบโตขององค์กร
เรื่อง: อนันต์ ลือประดิษฐ์