ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย 'คน' คือ หัวใจสำคัญของการเติบโต

ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย 'คน' คือ หัวใจสำคัญของการเติบโต

ทำความรู้จัก กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ในมุมมองใหม่ผ่านสายตาของ อันชุล อะซาวา ผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ ที่เชื่อว่า “คน” คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และการเติบโตอย่างยั่งยืนในองค์กร

KEY

POINTS

  • ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มีพนักงานมากกว่า 3,000 คน ครอบคลุมสำนักงานใหญ่ ศูนย์การผลิต 2 แห่ง และโรงงาน 7 แห่ง ความแตกต่างก็คือ พนักงานมากกว่า 54% และผู้บริหารระดับสูงกว่า 63% เป็นผู้หญิง
  • “ผลลัพธ์” ในปีที่ผ่านมาของยูนิลีเวอร์ พิสูจน์ความสำเร็จผ่านการเลื่อนตำแหน่ง 218 ตำแหน่ง โยกย้ายภายใน 164 ตำแหน่ง และแต่งตั้งตำแหน่งระดับภูมิภาคและนานาชาติ 36 ตำแหน่ง
  • ยูนิลีเวอร์เชื่อว่า ธุรกิจจะเจริญก้าวหน้าหากบุคลากรมีการเติบโต เมื่อทุกคนได้รับการสนับสนุนและรู้สึกมีคุณค่าก็จะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

 

ความรวดเร็ว และการแข่งขันที่เข้มข้น ดูจะกลายเป็นนิยามของโลกธุรกิจยุคใหม่ไปแล้ว โดยมี พฤติกรรมผู้บริโภค และเทคโนโลยี เป็น 2 ตัวแปรสำคัญ

กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเอง ที่มี ยูนิลีเวอร์ ยืนระยะในฐานะผู้นำตลาดมากว่า 9 ทศวรรษ ก็ยังเผชิญกับข้อท้าทายเหล่านี้ไม่ต่างกัน

The People ได้มีโอกาสสัมผัสยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ในอีกมุมมองหนึ่งซึ่งให้นิยามความสำเร็จว่าไม่ได้มีความหมายแค่ตัวเลขขาดทุนกำไรเท่านั้น แต่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ที่ให้ความสำคัญกับ “คน” เป็นอันดับแรก

ความเชื่อเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดผ่านการสนทนากับ อันชุล อะซาวา ประธานกรรมการบริหารคนใหม่ของกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ที่นอกจากต้องรับผิดชอบการกำหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ และขับเคลื่อนบริษัทฯ ให้เป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกประสิทธิภาพสูงด้านธุรกิจที่ยั่งยืน อันชุล ยังสวมหมวกอีกหนึ่งใบในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารกลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

“ทุกคนสามารถเติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” นี่ถือเป็นสิ่งที่ ผู้บริหารคนใหม่สะท้อนภาพองค์กรของ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ในวันนี้

ปัจจุบัน ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มีพนักงานมากกว่า 3,000 คน ครอบคลุมสำนักงานใหญ่ ศูนย์การผลิต 2 แห่ง และโรงงาน 7 แห่ง

ความแตกต่างก็คือ พนักงานมากกว่า 54% และผู้บริหารระดับสูงกว่า 63% เป็นผู้หญิง

โดยบริษัทมีพนักงานกว่า 25 สัญชาติ และช่วงอายุของบุคลากรที่หลากหลาย พนักงานกว่า 69% อายุต่ำกว่า 44 ปี และกว่า 71% ทำงานอยู่กับบริษัทมามากกว่า 5 ปี

จะด้วย รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด โอกาสการย้ายงานไปประจำต่างประเทศโดยไม่จำกัดเพศและสัญชาติ นโยบายลาคลอด 16 สัปดาห์สำหรับคุณแม่ และลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร 15 วันสำหรับคุณพ่อ หรือ โครงการ Healthier U กิจกรรมที่ออกแบบเฉพาะบุคคลตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย ด้านสุขภาพจิต ทั้งหมดล้วนสะท้อนถึงการเอาใจใส่ และให้ความสำคัญกับความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งถือเป็น ฟันเฟืองสำคัญชิ้นแรกๆ ในการขับเคลื่อนองค์กร

ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย \'คน\' คือ หัวใจสำคัญของการเติบโต

“เราเชื่อว่าความหลากหลายคือพลัง” อัลชุลบอกถึงสิ่งที่ถูกถ่ายทอดต่อกันในองค์กรถึงความมุ่งมั่นในการสร้างการยอมรับในความแตกต่างทางเชื้อชาติ เพศ อายุ ศาสนา อัตลักษณ์ และประสบการณ์ คือแรงผลักดันให้ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เดินหน้าต่อไปในทุก ๆ วัน

ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพที่ไม่จำกัดอยู่แค่เส้นทางเดียว ถือเป็นอีกกลยุทธ์สำคัญของการดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของคนให้ออกมา

ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย จึงมีโครงการ 'Shape Your Own Adventure' ที่เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานวางแผนเส้นทางอาชีพได้ตามความต้องการ มุ่งเน้นไปที่การช่วยให้บุคลากรค้นพบเป้าหมายในอาชีพและได้รับทักษะและความรู้ที่จำเป็นเพื่อบรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนตำแหน่ง โยกย้ายข้ามสายงาน หรือโอกาสทำงานในต่างประเทศ

“Shape Your Own Adventure ไม่ใช่แค่โครงการ แต่เป็นปรัชญาที่ช่วยให้พนักงานกำหนดอนาคตของตนเองและเติบโตไปพร้อมกับองค์กร"

อันชุลย้ำด้วย “ผลลัพธ์” ในปีที่ผ่านมา ซึ่งพิสูจน์ความสำเร็จผ่านการเลื่อนตำแหน่ง 218 ตำแหน่ง โยกย้ายภายใน 164 ตำแหน่ง และแต่งตั้งตำแหน่งระดับภูมิภาคและนานาชาติ 36 ตำแหน่ง
 

คู่ขนานไปกับการขับเน้นศักยภาพคนทำงาน การก้าวกระโดดของเทคโนโลยี และการมาถึงของ AI ก็เป็นอีกเรื่องที่ทุกองค์กรไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะการ “อยู่ร่วม” ระหว่างคนกับเทคโนโลยี

อัลชุล เล่าถึง โครงการ AI Upskilling Week ที่ช่วยให้พนักงานได้ทักษะใหม่ ๆ พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมืออัจฉริยะใหม่ ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้าน AI สำหรับนำไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงานว่า

“เรากำลังเตรียมพนักงานของเราให้พร้อมสำหรับอนาคตด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เพื่อให้ทุกคนมีทักษะที่จำเป็นต่อการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย \'คน\' คือ หัวใจสำคัญของการเติบโต

นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ยังดำเนินโครงการ Digital Factory เพื่อพัฒนาทักษะในการเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในโรงงาน และศูนย์การผลิตที่มีกระบวนการซับซ้อน

“การผสานความยั่งยืน และความพร้อมในการปรับตัวเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจไม่เพียงเป็นกลยุทธ์ แต่ยังเป็นความรับผิดชอบที่เราให้ความสำคัญ” ประธานกรรมการบริหารกลุ่มยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยคนเดิมอธิบายถึงความมุ่งหวัง

นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และทำให้ ยูนิลีเวอร์รักษาตำแหน่งผู้นำด้วยความมุ่งมั่นในการผสานความยั่งยืนและความพร้อมในการปรับตัวเข้าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการดำเนินงาน

โดยบริษัทเป้าหมายในการแยกการเติบโตทางธุรกิจออกจากการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมให้มากขึ้น ทั้งการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมโครงการต่างๆ ที่สนับสนุนการจัดหาทรัพยากรอย่างยั่งยืน ลดขยะ

รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน …เพราะ คน คือปัจจัยสำคัญ

“ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จทั้งในระดับบุคคลและองค์กร”

ยูนิลีเวอร์เชื่อว่า ธุรกิจจะเจริญก้าวหน้าหากบุคลากรมีการเติบโต เมื่อทุกคนได้รับการสนับสนุนและรู้สึกมีคุณค่าก็จะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกของ ยูนิลีเวอร์จึงไม่ใช่แค่การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีหรือกระบวนการ แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง ยืดหยุ่น และให้โอกาสคนได้เติบโตเต็มศักยภาพ

นี่คือเหตุผลที่ทำให้บริษัทยังคงเป็นองค์กรชั้นนำตลอด 9 ทศวรรษที่ผ่านมา และพร้อมก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง