12 มี.ค. 2568 | 10:00 น.
“อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป” ชวน หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และนักสะสมศิลปะไทย ร่วมพูดคุย “การเติบโตและระบบนิเวศของศิลปะ” หลังมูลค่าตลาดศิลปะโตต่อเนื่อง มีสินทรัพย์ศิลปะทั้งหมด 24,000 ล้านบาท โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสะสมศิลปะมากขึ้น พร้อมชี้ 3 แนวทาง ช่วยเติมเต็มระบบนิเวศศิลปะไทย “ขยายพื้นที่อาร์ตสเปซ - สนับสนุน Art Gallery – สร้าง Passion รักศิลปะ” ล่าสุด ผู้บริหาร อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป ต่อยอดศิลปะครบวงจร จับมือ อินทรประกันภัย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ART IN-SURE” ผลิตภัณฑ์ประกันภัยคุ้มครองและดูแลงานศิลปะ แห่งแรกในไทย
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานกรรมการบริษัท อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป จำกัด (Art Tank Group) ในฐานะกลุ่มบริษัทธุรกิจศิลปะครบวงจรแห่งแรกในประเทศ ครอบคลุมการให้บริการหลากหลายทั้งด้านการประมูลศิลปะ, บริการขนส่งงานศิลปะ, การประเมินราคางานศิลปะ ตลอดจนการอนุรักษ์งานศิลปะ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมศิลปะในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีสินทรัพย์ศิลปะทั้งหมด 24,000 ล้านบาท และมีมูลค่าสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายกันในประเทศไทย 1,400 ล้านบาทต่อปี โดยจะเห็นว่าปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มของคนรุ่นใหม่ เหันมานิยมสะสมงานศิลปะเพิ่มมากขึ้นด้วย
จากการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาดศิลปะในประเทศไทย หลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ต่างรู้สึกยินดี ที่วันนี้ ได้เกิดความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่ร่วมกันส่งเสริมผลักดันงานศิลปะของไทย โดยล่าสุด อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป ต่อยอดการให้บริการทางด้านศิลปะแบบครบวงจร จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ IN-SURE ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ART IN-SURE” ผลิตภัณฑ์ประกันภัยคุ้มครองและดูแลงานศิลปะ ครอบคลุมและครบวงจรครั้งแรกในประเทศไทย เน้นการดูแลงานศิลปะในบ้านให้ปลอดภัย ซึ่งการมีประกันภัยงานศิลปะในทรัพย์สินที่มีค่า เป็นเรื่องที่ดีและเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคง ในการสะสมศิลปะในอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้ ภายในงานได้มีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง ART TANK GROUP และ อินทรประกันภัย เปิด “ART IN-SURE" ยังจัดให้มีการเสวนาร่วมพูดคุยกับกูรูและนักสะสมอาร์ต ในหัวข้อ “การเติบโตและระบบนิเวศของศิลปะ” โดยมีผู้ร่วมพูดคุย ได้แก่ คุณเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป จำกัด, คุณกิตติภรณ์ ชาลีจันทร์ อดีตนายกสมาคมนักสะสมงานศิลปะไทย และ คุณอดุลญา ฮุนตระกูล ผู้อำนวยการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานกรรมการบริษัท อาร์ต แท็งก์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของระบบนิเวศศิลปะไทย มีตั้งแต่ ผู้ผลิต คือ ศิลปิน ซึ่งศิลปินไทย รวมทั้งสถาบันศิลปะไทย และการพัฒนาศิลปินไทย ไม่มีปัญหาในเรื่องของคุณภาพงาน จากนั้น เมื่อมีผู้ผลิต ก็ต้องมีผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อในประเทศไทย ยังมีจำนวนน้อย เพราะ ระบบการศึกษายังไม่ได้เน้นเรื่องการพัฒนาให้เกิดรสนิยมทางศิลปะ ไม่มีการพาไปชมงานศิลปะตั้งแต่เด็กๆ โดยในประเทศที่เจริญแล้ว จะมีการพาไปชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ทำให้เด็กๆ ซึมซับแต่ละขั้นตอน ได้เห็นคุณค่าในงานศิลปะ ซึ่งเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและ passion ให้เกิดความหลงใหลในงานศิลปะ ดังนั้น การพัฒนาระบบนิเวศของผู้ซื้อ ควรที่ต้องให้ความสำคัญ กับรสนิยมของประชากร ให้มีประชากรที่รักและเข้าใจงานศิลปะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วง 3-5 ปี มานี้ กลุ่มผู้ซื้อมีมากขึ้น และส่วนใหญ่จบมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสได้ไปอยู่ในวัฒนธรรมของประเทศที่มีพิพิธภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตที่มากขึ้นในกลุ่มของศิลปะ นั่นก็คือ ART Gallery พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะ เป็นส่วนสำคัญที่ให้เกิดการบริโภคศิลปะในฐานะผู้ซื้อ เป็นผู้นำพางานศิลปะ ไปสู่ นักสะสม เพราะฉะนั้น การสนับสนุน ART Gallery ให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างยาว ลดการ Turn Over จึงเป็นหัวใจที่สำคัญมากๆ
ด้าน นายกิตติภรณ์ ชาลีจันทร์ อดีตนายกสมาคมนักสะสมงานศิลปะไทย กล่าวว่า ในช่วง 2 ปี มานี้ เป็นเทรนด์ของนักสะสมรุ่นใหม่ โดยส่วนหนึ่งเติบโตมาจากกลุ่ม ART TOY เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง ในวงการศิลปะ ตั้งแต่สถาบันการศึกษา ศิลปิน ตลอดจนถึงนักสะสม ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ ในอีก 5 ปี ข้างหน้า คาดว่าการแข่งขันด้านศิลปะจะรุนแรงขึ้น เพราะประเทศไทย ต้องไปแข่งกับประเทศอื่นด้วย ยิ่งรัฐบาลหันมาสนับสนุนมีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ในเรื่องของศิลปะวัฒนธรรม ซึ่งก็จะเป็นความท้าทายที่เราต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพราะ คู่แข่งล้ำหน้าเราไปไกล ก็ต้องมาตีโจทย์ตัวเองให้แตก และหาจุดเด่นของเรา รวมถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ( infrastructure) ที่ต้องพัฒนาให้รองรับกับการเติบโตด้วย
ทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่า การเติบโตและระบบนิเวศของศิลปะ ยังเติบโตต่อเนื่องได้อีกทั้งระบบ โดยสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ แบ่งเป็น 3 ประการ ได้แก่ 1.เพิ่มพื้นที่ Art Space สำหรับโชว์ผลงานศิลปะทุกรูปแบบบ 2.สนับสนุน Art Gallery ให้อยู่ได้นาน ไม่ปิดตัวลงไปก่อน และ 3. ปลูกฝัง และสร้าง Passion เกี่ยวกับงานศิลปะตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก ซึ่งหากทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมมือกันขับเคลื่อนตลาดศิลปะไทย จะต้องไปได้อีกยาวไกลและอยากให้คนไทยสนับสนุนให้ศิลปะไทยได้ไปสู่ฝันร่วมกัน