‘อนันต์ ลือประดิษฐ์’ กับนิยามของ ‘ผู้นำ’ และแนวคิด ‘Rise to Lead’ ที่มาของ The People Awards ครั้งที่ 4

‘อนันต์ ลือประดิษฐ์’ กับนิยามของ ‘ผู้นำ’ และแนวคิด ‘Rise to Lead’ ที่มาของ The People Awards ครั้งที่ 4

‘ทำไมต้อง Rise to Lead?’

นับเป็นถามสำคัญถึงแกนกลางในการจัด The People Awards ครั้งที่ 4 นี้ โดยสื่อออนไลน์ที่เล่าเรื่องและตีแผ่พลังของผู้คน ว่าไฉนแนวคิดอย่าง ‘RISE TO LEAD ปลุกความต่าง สร้างความเปลี่ยนแปลง’ ถึงเป็นแก่นกลางสำคัญของการประกาศรางวัลในครั้งนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นคำถามที่สำคัญไม่แพ้กันว่าทำไมคำว่า RISE TO LEAD นี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญในสภาวการณ์ปัจจุบัน

ในการที่จะตอบคำถามนั้น ‘อนันต์ ลือประดิษฐ์’ ผู้ก่อตั้ง The People จึงได้ก้าวขึ้นเวทีเพื่อกล่าวถึงนิยาม RISE TO LEAD ว่ามีความสำคัญต่อการให้รางวัลและในยุคสมัยปัจจุบันอย่างไร

“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่อาจมีผู้คนสงสัยว่าเรากำลังอยู่ในทางตันหรือเปล่า ในภาวะแบบนี้ เราต้องการคนที่ลุกขึ้นมาเพื่อทำอะไรสักอย่าง เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม เราจึงคิดว่าแนวคิดนี้จึงเป็นอะไรที่เหมาะสมสำหรับงานในครั้งนี้

“ความเป็นผู้นำนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าผู้นำนั้นไม่ได้หมายถึงผู้นำที่มีชื่อเสียง มีอำนาจ หรือบุคคลที่อยู้ในองค์กรชั้นสูง เพราะจริง ๆ แล้วความเป็นผู้นำนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคน”

ภายหลังจากอธิบายถึงนิยามของ ‘ผู้นำ’ ใน The People Awards ครั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพกระจ่างชัดขึ้นจากกรณีศึกษาที่อยู่ใกล้ตัวเรา คุณอนันต์ก็ได้กล่าวถึงกรณีศึกษาจากบุคคลตัวอย่างจากประวัติศาสตร์ เช่น ‘พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ’ ผู้ที่มีวิธีการในการต่อกรและแก้ไขปัญหาและความขัดแย้งด้วยการ “เปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า” ที่ถือเป็นการนำพาประเทศชาติออกจากหลุมบ่อของวิกฤตและความยากลำบาก

ถัดมาจากนั้นคือนักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และได้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับทั้งเศรษฐกิจและระบบการศึกษาของประเทศไทยไปอย่างมหาศาลอย่าง ‘อาจารย์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์’ บุคคลเหล่านี้ไม่ได้รอคอยให้โอกาสมาถึง แต่พวกเขา ลุกขึ้นสร้างโอกาส ให้กับสังคมด้วยความเชื่อและเรี่ยวแรงของพวกเขาเอง

“ทั้งสองท่านนี้เป็นตัวอย่างที่ดี และแน่นอนว่าเรามีแบบอย่างอีกมากมายที่ไม่สามารถพูดได้ทั้งหมดในวันนี้”

แต่นอกจากการแก้ไขวิกฤตจากกรณีศึกษาในอดีตแล้ว ในโลกยุคปัจจุบันก็กำลังถูกรายล้อมไปด้วยความไม่แน่นอนและความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ การเถลิงอำนาจของโซเชียลมีเดียในสังคม ไปจนถึงปัญหาอย่างภาวะโลกรวนที่เริ่มส่งผลอย่างประจักษ์ชัดขึ้น ความท้าทายเหล่านี้ล้วนกลาเป็น ‘โจทย์’ และ ‘ความท้าทาย’ ของผู้นำที่จะลุกขึ้นมาในยุคสมัยนี้

“เพราะฉะนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา ผู้นำอาจไม่ใช่คำจำกัดความของคนที่มีอำนาจอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผู้นำสามารถเป็นใครก็ได้ เป็นคนที่อยู่ในสถานะไหนก็ได้ คนที่อยู่ในวัยไหนก็ได้

“เราถึงได้เห็นนักสเก็ตบอร์ดชาวไทยที่อายุน้อยที่สุดในสถิติของวงการกีฬาแห่งประเทศไทย—น้องเอสที - วารีรยา สุขเกษม ครับ

“ผมขอยกตัวอย่างอีกหนึ่งท่านก็แล้วกันนะครับ ท่านนี้ก็เป็นคนที่ผลักดันในเรื่องของสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ ผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม และยังเป็นผู้ที่สร้างงานที่เรียกกันว่า Bangkok Pride ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า World Pride จะมาอยู่ที่นี่ในปี 2030 ขอเสียงปรบมือให้กับ ‘คุณอรรณว์ ชุมาพร’ ครับ”

เมื่อพูดถึงความเป็นผู้นำและความสำคัญของผู้นำที่มีต่อสังคมในแต่ละยุคสมัยแล้ว คำถามต่อมาก็คงหนีไม่พ้น ‘องค์ประกอบ’ ของ ‘ความเป็นผู้นำ’ หรือเราจะสามารถ ‘Rise to Lead’ ได้อย่างไร?

“อย่างแรกที่สุด—เราจะต้องมีรากเหง้าที่เป็นรากฐานที่มั่นคง ในแง่นี้ก็คือผู้นำจะต้องเรียนรู้อดีต เรียนรู้จากบทเรียนต่าง ๆ ที่ผ่านมา นอกจากนี้แล้ว ผู้นำในยุคสมัยนี้จะต้องมีความสามารถในการปรับตัว เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ และเหนือสิ่งอื่นใด ผู้นำจะต้องมีจริยธรรม มีความน่าเชื่อถือและจริงใจ

“เราจะเห็นได้ว่าผู้นำมีอยู่มากมายหลายรูปแบบทีเดียว แต่ผมเชื่อว่าทุกท่านในห้องนี้ก็มีความเป็นผู้นำอยู่ในตัวเอง เราคิดว่าทุก ๆ ท่าน ถ้ามีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง มีความพร้อมที่จะเรียนรู้ และมีความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ทุก ๆ ท่านมีส่วนในการขับเคลื่อนประเทศนี้นะครับ

“เพราะฉะนั้น ผู้นำที่แท้จริง ไม่ใช่ผู้ที่รอคอยโอกาส แต่คือผู้ที่ลุกขึ้นมาสร้างโอกาสและสร้างผลกระทบในเชิงบวกครับ ขอบคุณครับ”

รางวัล 4th The People Awards 2025 มอบให้กับ ‘บุคคล’ ที่กล้าลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม ภายใต้แนวคิด RISE TO LEAD: ปลุกความต่าง สร้างการเปลี่ยนแปลง