เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี แค้นเจ้าของ Ferrari เลยสร้างซูเปอร์คาร์ Lamborghini

เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี แค้นเจ้าของ Ferrari เลยสร้างซูเปอร์คาร์ Lamborghini
เพราะประโยคเดียวเด็ด ๆ จากปากของเอ็นโซ เฟอร์รารี เจ้าของ Ferrari แท้ ๆ เชียว ที่ทำให้เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี “ไอ้หนุ่มแทรกเตอร์” ถึงกับเลือดขึ้นหน้า และสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะสร้างซูเปอร์คาร์ที่มีสมรรถนะเหนือกว่า Ferrari ให้ได้ กลายเป็นจุดกำเนิด Lamborghini ซูเปอร์คาร์สายเลือดอิตาเลียนชั้นนำระดับโลก ที่เป็นเสมือนไม้เบื่อไม้เมาและคู่ปรับตลอดกาลของ Ferrari มาถึงทุกวันนี้ เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี (Ferruccio Lamborghini) เกิดในปี 1916 ในครอบครัวเกษตรกรทำไร่องุ่นในเรนาซโซ เมืองเซนโต เขาชื่นชอบเรื่องเครื่องยนต์กลไกมาตั้งแต่เด็ก ว่าง ๆ ก็ใช้เวลาไปกับการซ่อมรถแทรกเตอร์ของพ่อ พอวัยรุ่นก็เข้าเรียนโรงเรียนเทคนิคในเมืองโบโลญญา ชีวิตเหมือนจะสงบสุข กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น ลัมโบร์กีนีต้องไปเป็นช่างยนต์ในกองทัพอากาศอิตาลีซึ่งเป็นฝ่ายอักษะ (ทีมเดียวกับประเทศหลัก ๆ อย่างเยอรมนีและญี่ปุ่น) แต่ต่อมาพลาดท่าถูกจับเป็นนักโทษสงครามในกองทัพสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร ที่ให้เขาทำงานในแผนกเครื่องยนต์ กลายเป็นโอกาสในวิกฤตที่ทำให้ลัมโบร์กีนีได้ฝึกทักษะการซ่อมและดูแลรถยนต์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบสิ้น ลัมโบร์กีนีโชคดีได้กลับบ้านเกิด เขาเห็นว่าหลังสงครามต้องมีการฟื้นฟูการเกษตรและอุตสาหกรรมขนานใหญ่ เลยเอาความถนัดของตัวเองเรื่องเครื่องยนต์กลไกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในปี 1947 ลัมโบร์กีนีใช้โรงรถเล็ก ๆ ของเขาเป็นโรงงานผลิตรถแทรกเตอร์ ใช้อะไหล่ส่วนเกินที่หลงเหลือจากกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรและชิ้นส่วนรถถังเยอรมันที่ไม่ใช้แล้วมาประกอบเป็นรถแทรกเตอร์ขายให้เกษตรกรในพื้นที่ รถแทรกเตอร์ของลัมโบร์กีนีใช้การได้ดีเลยทีเดียว เกิดการบอกกันปากต่อปาก กิจการของเขาจึงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนปี 1949 เขาก็ก่อตั้งโรงงานผลิตรถแทรกเตอร์ Lamborghini Trattori ที่คราวนี้ใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ผลิตใหม่โดยเฉพาะ ธุรกิจของลัมโบร์กีนีขยายตัวตามอุตสาหกรรมการเกษตร และนั่นก็ทำให้ในช่วงต้นทศวรรษ 1960s เขากลายเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งของอิตาลี นอกจากจะรักรถแทรกเตอร์ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้แล้ว ลัมโบร์กีนียังรักซูเปอร์คาร์เป็นชีวิตจิตใจ เขามีรถเหล่านี้ไว้ในครอบครองหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz, Jaguar, Maserati รวมทั้ง Ferrari ซูเปอร์คาร์แสนรักของเขาที่ต่อมาจะกลายเป็นแรงแค้นที่ผลักให้ลัมโบร์กีนีสร้างรถที่ดีกว่าขึ้นมาให้โลกได้ทึ่ง วาเลนติโน บัลโบนี (Valentino Balboni) นักทดสอบรถที่ทำงานใกล้ชิดกับลัมโบร์กีนีมานาน เล่าถึงตำนานบันลือโลกเรื่องนี้ว่า รถแบรนด์โปรดของลัมโบร์กีนีคือ Ferrari ซึ่งเขามีคันสีขาวไว้สำหรับตัวเอง ส่วนคันสีดำซื้อให้ภรรยาไว้ขับเล่น และทุกครั้งที่มีลูกค้าคนสำคัญมาเซ็นสัญญาที่บริษัทรถแทรกเตอร์ ลัมโบร์กีนีก็มักจะขับ Ferrari พาลูกค้าไปกินข้าวที่ร้านอาหารอยู่เสมอ เรื่องคงจะไม่เกิดขึ้นถ้า Ferrari ของลัมโบร์กีนีไม่เกิดอาการคลัทช์ไหม้อยู่หลายครั้ง แรก ๆ ลัมโบร์กีนีก็คิดว่าเป็นเพราะฝีมือการขับรถของเขาเองนั่นแหละที่แย่ เลยพารถคันโปรดไปเข้าโรงงาน Ferrari เพื่อเปลี่ยนอะไหล่แบบไม่คิดอะไรมาก แต่หลังจากครั้งที่สามหรือครั้งที่สี่ผ่านไป จิตวิญญาณความเป็นช่างเครื่องของลัมโบร์กีนีก็กลับมา เขาตัดสินใจเปลี่ยนคลัทช์รถ Ferrari ที่โรงงานรถแทรกเตอร์ของเขาให้รู้แล้วรู้รอด หลังจากรื้อ ๆ แงะ ๆ อยู่สักพัก ลัมโบร์กีนีก็พบว่าคลัทช์ที่ใช้ในรถยนต์ Ferrari มันช่างคล้ายคลึงกับคลัทช์ที่ใช้ในรถแทรกเตอร์คันเล็กของโรงงานเขาเสียเหลือเกิน “มันเป็นคลัทช์ที่ใช้กันทั่วไปนี่แหละ ใช้ได้ทั้ง Maserati, Ferrari แล้วก็รถสปอร์ตทั้งหลายในยุคนั้น” บัลโบนีเล่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลัมโบร์กีนีโมโหมาก “เขาบอกว่า ‘ผมจ่ายเงิน 10 ลีราเพื่อชิ้นส่วนนี้ในรถแทรกเตอร์ของตัวเอง แต่จ่าย 1,000 ลีราให้ชิ้นส่วนเดียวกันใน Ferrari เนี่ยนะ’” บัลโบนีย้อนเหตุการณ์ วันหนึ่งเมื่อลัมโบร์กีนีมีโอกาสพบ เอ็นโซ เฟอร์รารี (Enzo Ferrari) ผู้ก่อตั้ง Ferrari ลัมโบร์กีนีจึงถามอีกฝ่ายว่า “คุณสร้างรถสวย ๆ พวกนี้ด้วยชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์ของผมเหรอ” ซึ่งเฟอร์รารีก็สวนกลับทันควันว่า “คุณมันก็พวกคนขับรถแทรกเตอร์ เป็นแค่พวกชาวไร่เท่านั้นแหละ อย่ามาบ่นเรื่องรถของผมดีกว่า เพราะมันเป็นรถที่เยี่ยมที่สุดในโลก” เจอแบบนี้เข้าก็ยิ่งเหมือนราดน้ำมันในกองไฟ ลัมโบร์กีนีโมโหสุดขีด “เออ! ข้ามันชาวไร่ แต่เดี๋ยวชาวไร่นี่แหละจะทำรถสปอร์ตเจ๋ง ๆ ให้ดูเป็นขวัญตาโว้ย!” เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ (ลัมโบร์กีนีไม่ได้บอก) หลังจากโดนเจ้าของรถยนต์คันโปรดพูดตอกหน้าอย่างไม่ให้เกียรติ ลัมโบร์กีนีก็ตัดสินใจแทบจะในวินาทีนั้นว่า เขาจะสร้างซูเปอร์คาร์ที่ดีที่สุดในโลกขึ้นมาให้ได้ เมื่อข่าวแพร่สะพัด หลายคนหาว่าลัมโบร์กีนีบ้าไปแล้ว ทำรถแทรกเตอร์อยู่ดี ๆ ริจะไปต่อกรกับซูเปอร์คาร์ชื่อดังแห่งยุค ใช่ว่าลัมโบร์กีนีไม่รู้ว่ามันยากขนาดไหน แต่เขาก็ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อเดิมพันครั้งนี้ ลัมโบร์กีนีเริ่มโครงการสร้างซูเปอร์คาร์ในปลายปี 1962 ซื้อที่ดินผืนใหญ่ในซานตากาตา โบโลเญเซ ห่างจากตัวเมืองโบโลญญาไปราว 25 กิโลเมตร เพื่อเป็นที่ตั้งโรงงานแห่งความฝันของเขา จากนั้นในเดือนพฤษภาคม ปี 1963 ลัมโบร์กีนีก็ก่อตั้ง Automobili Ferruccio Lamborghini อุดจุดอ่อนและข้อบกพร่องทั้งหลายที่เขาเจอจากบริษัทอื่น ด้วยการสร้างโรงงานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ออกแบบอาคารให้ทีมบริหารสามารถมองเห็นไลน์การผลิตได้อย่างชัดเจน เพราะถ้าเจอข้อผิดพลาดเมื่อไหร่ก็จะได้รีบแก้ไขก่อนลูกค้าจะเห็น ขาดไม่ได้คือทีมนักออกแบบรถและวิศวกรมือทองที่จะปั้นรถของเขาให้เหนือกว่า Ferrari ให้ได้ ไวปานกามนิตหนุ่ม ปีเดียวกับที่ก่อตั้ง “กระทิงดุ” Lamborghini เขาก็เปิดตัวรถสปอร์ต Lamborghini 350 GTV (เป็นต้นแบบให้รุ่นต่อมาอย่าง Lamborghini 350 GT) ในตูริน มอเตอร์ โชว์ ด้วยรูปลักษณ์แบบรถคูเป้ซึ่งมี 2 ประตู เครื่องยนต์ V12 เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าคนมีเงินและคนรักรถจำนวนมาก จากนั้นอีกสองสามปี Lamborghini ก็เรียกเสียงว้าวจากคนในแวดวงซูเปอร์คาร์ได้อีกรอบด้วยรุ่น Miura ที่สามารถทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาไม่ถึง 7 วินาที ความที่ Lamborghini ออกแบบมาโดยอุดข้อบกพร่องที่ซูเปอร์คาร์อื่น ๆ มี พร้อมกับเน้นประโยชน์ใช้สอยที่มาพร้อมรูปลักษณ์สวยงามและเครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพ ทำให้สิ้นทศวรรษ 1960s Lamborghini ก็ขึ้นแท่นเป็นซูเปอร์คาร์ที่มหาเศรษฐีและเซเลบริตีทั่วโลกต่างอยากจะมีไว้ในคอลเล็กชันไปแล้วเรียบร้อย ช่วงต้นทศวรรษ 1970s ธุรกิจของลัมโบร์กีนีเริ่มประสบปัญหา Lamborghini Trattori เจอลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศยกเลิกการผลิตและนำเข้ารถแทรกเตอร์ด้วยสาเหตุภายในประเทศนั้น ๆ นำสู่การขายหุ้นในบริษัทรถแทรกเตอร์ จากนั้นในปี 1973 เขาก็ขายหุ้นใน Automobili Ferruccio Lamborghini แล้วหันไปใช้ชีวิตใน “ลา ฟิออริตา” ไร่ขนาด 3 ตารางกิโลเมตรที่โอบล้อมด้วยทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติ ปลูกองุ่น บ่มไวน์ และหันไปทำธุรกิจอื่น ๆ กระทั่งจากโลกนี้ไปในปี 1993 “กระทิงดุ” จะเอาชนะ “ม้าลำพอง” ได้หรือไม่ เป็นเรื่องของคนภายนอกที่จะมองและตัดสิน เพราะเราต่างให้คุณค่าต่อแต่ละแบรนด์แตกต่างกันไป แต่สำหรับเฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี อย่างน้อยเขาก็ประสบความสำเร็จแล้วกับการสร้างซูเปอร์คาร์ระดับตำนานซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมาถึงทุกวันนี้   ที่มา https://www.lamborghini.com/en-en/brand/people/ferruccio-lamborghini https://www.britannica.com/biography/Ferruccio-Lamborghini http://www.lambocars.com/lambonews/ferruccio_lamborghini_a_biography.html https://www.caranddriver.com/features/a25169632/lamborghini-supercars-exist-because-of-a-tractor/