Foo Fighters - Everlong: เพลงปิดท้ายคอนเสิร์ตหลังนิวยอร์กเลิกล็อกดาวน์ เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าหลังพายุฝนซา ฟ้าจะสวยงามเสมอ

Foo Fighters - Everlong: เพลงปิดท้ายคอนเสิร์ตหลังนิวยอร์กเลิกล็อกดาวน์ เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าหลังพายุฝนซา ฟ้าจะสวยงามเสมอ
เมดิสัน สแควร์ การ์เดน, นิวยอร์ก, 20 มิถุนายน 2021 โดยไร้หน้ากากอนามัย ไร้การเว้นระยะห่างทางสังคม ชาวเมืองนิวยอร์กและเมืองข้างเคียงกว่า 18,000 ชีวิตกำลังร่วมร้องเพลง ‘Everlong’ ไปกับ ‘เดฟ โกรฮ์ล’ (Dave Grohl) นักร้องนำวง ‘Foo Fighters’ วงดนตรีที่คืนชีวิตให้กับสนามกีฬาและโรงเพลงที่ร้างไร้เสียงดนตรีมามากกว่าหนึ่งปี นับจากมีนาคม 2020 หลังการระบาดของโควิด-19 กลอง เบส และกีตาร์ รวมเป็นดนตรีที่ประสานกันเพื่อสร้างช่วงเวลาที่ระบายด้วยรอยยิ้ม - เหมือนฟ้าหลังพายุฝนพัดผ่าน ผู้คนที่ล้วนได้รับวัคซีนครบกำหนดทั้งหมดต่างสวมกอด คล้องแขนบนคออีกฝ่าย กระโดดให้สุดแรง และตะโกนให้สุดเสียงไปพร้อมกับเพลงสุดท้ายของค่ำคืน ‘Everlong’ ที่ถูกบรรเลงขึ้นนั้นราวถ้อยคำที่รวมใจผู้คนเป็นหนึ่ง ผ่านท่อนร้อง ‘If everything could ever feel this real forever’ ที่ถูกเขียนขึ้นเมื่อ 25 ปีที่แล้ว จากช่วงเวลาที่ฝนฟ้าแห่งความผิดหวัง ไม่ต่างจากสถานการณ์ ‘COVID-19’ กำลังระบาด ซัดกระหน่ำในใจของเดฟ โกรฮ์ล ผู้แต่งและร้องมัน   พายุแห่งการร้างรา และช่วงเวลาใกล้ปิดฉากวงดนตรี ‘Everlong’ เป็นเพลงดังของ Foo Fighters ที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเดฟ โกรฮ์ล ประพันธ์มันให้กับ ‘เคิร์ต โคเบน’ (Kurt Cobain) อดีตเพื่อนร่วมวงครั้งเดฟยังเป็นมือกลองของวง Nirvana โดยเกี่ยวเนื่องกับการจากไปของเขา แต่ที่จริงแล้วเรื่องราวในเพลงนี้เกิดขึ้นหลังจากนั้น และเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเดฟในคืนคริสต์มาส ปี 1996 หลังการจากไปของเคิร์ตและการยุบวง Nirvana เดฟ โกรฮ์ลที่อยากเดินทางต่อด้วยเสียงดนตรีได้ก่อตั้ง ‘Foo Fighters’ ขึ้นในปี 1994 ไล่เลี่ยกับการแต่งงานระหว่างเขาและช่างภาพสาว ‘เจนนิเฟอร์ ยังบลัด’ (Jennifer Youngblood) ความรักและวงดนตรีของเขาไปได้ดี จนกระทั่งปี 1996 ที่ทุกอย่างค่อย ๆ พังทลายลง หลังจากร่วมชีวิตกันได้เพียงสองปี เจนนิเฟอร์หย่ากับเดฟ การหย่าร้างครั้งนั้นส่งผลให้เขาแทบจะกลายเป็นคนไร้บ้าน และไม่สามารถใช้เงินในบัญชีธนาคารของตัวเองได้ หนำซ้ำวงดนตรีของเขาก็มาถึงจุดใกล้แตกหัก เมื่อ ‘วิลเลียม โกลด์สมิท’ (William Goldsmith) มือกลองลาออกจากวง ส่วนมือกีตาร์ที่เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ Nirvana อย่าง ‘แพต สเมียร์’ (Pat Smear) ก็อยู่ในช่วงพักเบรกว่าจะไปต่อกับวงหรือไม่ เดฟ โกรฮ์ล ที่สิ้นเนื้อประดาตัวหอบถุงนอนเก่า ๆ ไปอาศัยพื้นห้องนั่งเล่นในบ้านเพื่อนสักคนแทนเตียงและหมอน ท่ามกลางบรรยากาศที่ทั้งอบอุ่นและยะเยือกหนาวในค่ำคริสต์มาส เดฟที่ดีดกีตาร์และพึมพำทำนองดนตรีเพื่อคลายความเหงา ได้เขียนเพลง ‘Everlong’ ที่ผู้คนมากมายรักด้วยเวลาเพียง 45 นาที   / Hello I’ve waited here for you Everlong /   ครั้งแรกที่เวอร์ชันเดโมของเพลงนี้ถูกบันทึกเสียงจนเสร็จ โดยเดฟเล่นเครื่องดนตรีทุกชิ้นด้วยตัวเอง เขากลับรู้สึกว่า ‘Everlong’ ที่ออกมาฟังคล้ายดนตรีจาก ‘Sonic Youth’ จนเกินไป จึงเก็บมันเข้ากรุและไม่ได้คิดจะบรรจุใน ‘The Colour Ant The Shape’ อัลบั้มชุดที่สองที่ Foo Fighters กำลังง่วนทำอยู่ แต่เมื่อเขามีโอกาสได้เล่นมันให้ ‘คิม กอร์ดอน’ และ ‘เธอร์สตัน มัวร์’ สองนักดนตรีจาก Sonic Youth ฟัง พวกเขาชอบมันและบอกกับเดฟว่า “ทำไมเพลงนี้ถึงเป็นแค่เดโมล่ะ มันควรได้อยู่ในอัลบั้มนะ”   ร้องเพลงรักครั้งใหม่ ‘Everlong’ เป็นเพลงร็อกที่แต่งขึ้นเพื่อเล่ารัก และในช่วงเวลาดังกล่าว เดฟ โกรฮ์ล แทบจะไม่เหลือรักให้เจนนิเฟอร์แล้ว ดังนั้นเพลงนี้จึงน่าจะเกี่ยวกับเธอน้อยกว่าที่เกี่ยวกับผู้หญิงอีกคน อย่าง ‘ลุยซ์ โพสต์’ (Louise Post) นักดนตรีสาวที่เป็นรักครั้งใหม่ของนักร้องนำวง Foos “เพลงนี้เกี่ยวกับผู้หญิงที่ผมตกหลุมรัก” เดฟเคยเล่าไว้แบบนั้น “เมื่อคุณรู้สึกเข้ากันได้กับใครสักคนมาก ๆ คุณจะไม่ได้รักเขาแค่เรือนร่างหรือจิตวิญญาณ แต่รักนั้นเล่าผ่านเสียงดนตรี เมื่อคุณร้องเพลงพร้อมกับคนเหล่านั้นก็จะกลายเป็นท่วงทำนองที่ไพเราะและสวยงาม”   บทเพลงและผู้คน หลังจาก ‘Everlong’ ถูกปล่อยออกมา มันก็พาชื่อของ ‘Foo Fighters’ ให้ทะยานขึ้นประกบชาร์ตเพลง พร้อมด้วยการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเพลงร็อกที่ดีที่สุดจากยุค 90s นอกจากนั้นยังเป็นเพลงที่วงดนตรีวงนี้หยิบมาร้องบนเวทีบ่อยที่สุดเพลงหนึ่งด้วย มากกว่า 1,000 เวทีที่เดฟ โกรฮ์ล ยืนอยู่บนนั้นและเปล่งเสียงผ่านไมโครโฟนว่า ‘และเพลงต่อไป Everlong ครับ’ ตามด้วยดนตรีที่ดังขึ้น - บางครั้งเป็นดนตรีร็อกเต็มวง บางครั้งเป็นอะคูสติกที่มีเพียงเสียงกีตาร์คลอเคล้า แต่ไม่ว่าเพลงนี้จะถูกเล่นในเวอร์ชันไหน สิ่งที่มั่นใจได้คือเมื่อเดฟเอ่ยร้องท่อนแรกของเพลงนี้ออกไป จะมีเสียงร้องรับมากมายดังกลับมาจากฝูงชน   / And I wonder When I sing along with you If everything could ever be this real forever If anything could ever be this good again /   หลังมรสุมชีวิตผันผ่าน เดฟ โกรฮ์ลหยัดยืนได้อีกครั้ง วง Foo Fighters ยังดำรงอยู่ได้หลังสมาชิกเปลี่ยนตัวอยู่หลายหน ผู้คนก็ยังรักเพลงจากพวกเขา แม้ว่าวงดนตรีวงนี้ (และวงอื่นทั่วโลก) จะต้องห่างหายจากเวทีไปชั่วคราวในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญวิกฤต เมดิสัน สแควร์ การ์เดน, นิวยอร์ก ปี 2021 เมื่อเสียงกีตาร์ไฟฟ้า เบส กลอง ดังขึ้นผ่านเครื่องขยายเสียง เดฟ โกรฮ์ล ร้อง ‘Times Like These’ เพลงแรกในเซตลิสต์ด้วยท่าทางอย่างคนกระหายดนตรี เช่นเดียวกับผู้คนที่ร่วมร้องและโลดเต้นไปกับเขาจนถึงเพลงสุดท้าย ‘Everlong’ ปิดจบค่ำคืนนั้นได้อย่างสวยงามที่สุดสำหรับผู้มีโอกาสได้อยู่ในสถานที่นั้น และคงสวยงามสำหรับนักดนตรีผู้บรรเลงมันออกมาด้วยเช่นกัน เมื่อได้เห็นชาวนิวยอร์กพร้อมใจกันร้องเพลงร็อกเนื้อหารักให้ดังลั่น พลันพาผู้เขียนให้รู้สึกว่า พลังในดนตรีนั้นเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ และนึกเห็นด้วยกับเดฟในข้อที่ว่า เมื่อเรารู้สึกผูกสัมพันธ์กับใคร เสียงดนตรีที่เราและพวกเขาร่วมร้องจะฟังไพเราะเป็นพิเศษ  หลังจากได้ดูวิดีโอที่ใครสักคนอัดไว้ขณะที่เพลงดังกล่าวกำลังบรรเลงเล่น ผู้เขียนก็อดคาดหวังไม่ได้ว่าสถานการณ์ในไทยจะคลี่คลาย จนผู้คนสามารถมีช่วงเวลาที่ร้อยเรียงด้วยเสียงดนตรีเช่นเดียวกันนั้นได้ในสักวัน   / If everything could ever feel this real forever If anything could ever be this good again The only thing I’ll ever ask of you You’ve got to promise not to stop when I say when /   เรื่อง: จิรภิญญา สมเทพ ที่มา: https://www.openculture.com/?p=1088687 https://nerdist.com/article/dave-grohl-everlong-foo-fighters-backstory-performance/ https://www.songfacts.com/facts/foo-fighters/everlong (Photo by Kevin Mazur/Getty Images for FF)