ย้อนต้นกำเนิด ‘ตุ๊กตายาง’ (Sex doll) ถูกมนุษย์ใช้บำบัดอารมณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ เริ่มจากใคร

ย้อนต้นกำเนิด ‘ตุ๊กตายาง’ (Sex doll) ถูกมนุษย์ใช้บำบัดอารมณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ เริ่มจากใคร

ต้นแบบ ‘ตุ๊กตายาง’ (Sex doll) เกิดขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 17 แต่รู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนแรก? ที่นำผ้าและหนังมาขึ้นรูปเป็นหุ่นเลียนแบบผู้หญิง เอาไว้บำบัดอารมณ์ทางเพศ ก่อนจะพัฒนาไปไกลถึงขั้นสามารถตอบโต้กับมนุษย์ได้ ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

  • ลูกเรือชาวดัตช์เป็นผู้คิดทำต้นแบบ ‘ตุ๊กตายาง’ ขึ้น เพื่อสนองความต้องการทางเพศ ในระหว่างที่ต้องเดินทางในทะเลเป็นเวลานาน
  • ช่วงก่อนปี 2014 ตุ๊กตายางเป็นสินค้าสำหรับคนรวยเท่านั้น เพราะมีค่าตัวค่อนข้างแพง กระทั่งชนชั้นกลางในจีนเริ่มขยายตัว แบรนด์เซ็กส์ทอยราคาถูกจึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด 

ข่าวที่ชายหนุ่มใช้ชีวิตกับ ‘ตุ๊กตายาง’ (Sex doll) เริ่มปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย ที่ล่าสุดมีชายอายุ 54 ปี ใน จ.นนทบุรี เปิดใจว่าอยู่กินกับตุ๊กตายางมานานกว่า 4 ปีแล้ว หลังจากเลิกรากับภรรยา 

ชายผู้นี้ไม่ได้มีตุ๊กตายางไว้เพียงแก้เหงา แต่เขายังผูกพันถึงขั้นตั้งชื่อให้เธอว่า ‘น้องเพลง’ แถมยังดูแลทะนุถนอมอย่างดี ทั้งเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ปฏิบัติกับเธอไม่ต่างจากผู้หญิงคนหนึ่ง

เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้มีผิวเป็นยางทั้งตัว มีเหล็กอยู่ด้านใน และมีหน้าตาจิ้มลิ้มตรงสเปกหนุ่ม ๆ หลายคน แตกต่างจากต้นแบบตุ๊กตายางในยุคแรก ๆ ที่มีหน้าที่เพียงสำเร็จความใคร่ ไม่มีอะไรดึงดูดให้ตกหลุมรัก

ต้นแบบตุ๊กตายางในศตวรรษที่ 17 

แนวคิดเรื่องการใช้วัตถุหรือสิ่งของเพื่อความสุขทางเพศมีมานานโข เช่น ในยุคกรีกโบราณ ที่มีบันทึกว่าผู้ชายบางคนตกหลุมรักรูปปั้นถึงขั้นแบกไปไหนต่อไหนด้วย เหตุเพราะช่างยุคนั้นเก็บรายละเอียดส่วนเว้าส่วนโค้งของสตรีได้อย่างสมจริง 

แต่ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นต้นแบบหรือที่มาของตุ๊กตายางในปัจจุบัน เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็น ‘ยุคแห่งการสำรวจ’ หรือ ‘ยุคแห่งการค้นพบ’ โดยในเวลานั้น ชาวยุโรปจะออกเดินทางสำรวจทะเลเพื่อหาตลาดใหม่ ๆ สำหรับการค้าขาย  

แน่นอนว่าการเดินทางบนเรือเป็นเวลานาน ๆ หันไปทางไหนก็เจอแต่ฟ้าเจอแต่ทะเล ย่อมทำให้หนุ่ม ๆ ลูกเรือเกิดความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว ลูกเรือชาวดัตช์จึงได้คิดค้นวิธีสนองความใคร่ ด้วยการนำผ้าและหนังมาทำเป็นตุ๊กตาเลียนแบบผู้หญิง

แม้หน้าตาของตุ๊กตาจะไม่ได้ชวนให้มีอารมณ์สักเท่าไหร่ เพราะทำมาจากวัสดุเท่าที่พอหาได้บนเรือ แต่ก็พอใช้สนองความต้องการทางเพศได้

พวกเธอเหล่านี้ไม่ได้มีชื่อที่เฉพาะเจาะจง แต่ถูกเรียกด้วยชื่อที่ต่างกันออกไปในแต่ละภาษา เช่น ‘Dame de yogaye’ ในภาษาฝรั่งเศส หรือ ‘Dutch wives’ ในภาษาอังกฤษ และ ‘Dama De Vinje’ ในภาษาสเปน 

ตุ๊กตาสวาทที่บรรดาลูกเรือวัยกลัดมันใช้ระบายอารมณ์ เริ่มขยายเข้าสู่เอเชีย เมื่อลูกเรือชาวดัตช์ขายพวกนางให้กับชาวญี่ปุ่น จึงเป็นเหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นบางคนยังเรียกตุ๊กตายางว่า ‘Dutch wives’ (ภรรยาชาวดัตช์) 

มาถึงตรงนี้จึงพอสรุปได้ว่า ลูกเรือชาวดัตช์เป็นคนกลุ่มแรกที่ประดิษฐ์ต้นแบบตุ๊กตายางขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่หลับนอนกับวัตถุที่มีหน้าตาคล้ายผู้หญิงก็ตาม

ตุ๊กตา ‘อัลมา มาห์เลอร์’ 

ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ความนิยมในตุ๊กตาสวาทก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีความพยายามทำให้ตุ๊กตาใกล้เคียงกับผู้หญิงมากขึ้น

ในปี 1916 จิตรกรชาวออสเตรียชื่อ ‘ออสการ์ โคคอชกา’ ได้สั่งให้ช่างชื่อ ‘เฮอร์ไมน์ มูส์’ ทำตุ๊กตาเลียนแบบหน้าตาของ ‘อัลมา มาห์เลอร์’ อดีตคนรักของเขาที่หนีไปแต่งงานกับชายอื่น

ผ่านไป 6 เดือน ตุ๊กตาอัลมาก็เสร็จสมบูรณ์ แต่กลายเป็นว่ามันออกมาไม่เหมือนกับที่ออสการ์จินตนาการไว้ เพราะช่างทำตุ๊กตาดันเอาขนนกมาทำเป็นผิวตุ๊กตา จนออสการ์ถึงกับออกปากว่า “นี่มันพรมหมีขั้วโลกชัด ๆ”

ถึงกระนั้น เขาก็พยายามจับตุ๊กตาอัลมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสวย ๆ แล้วจับให้โพสต์ท่วงท่าต่าง ๆ เพื่อเป็นแบบให้เขาวาดภาพ บางครั้งเขาก็พาตุ๊กตาอัลมานั่งรถม้าไปไหนต่อไหน แถมยังพาเธอไปชมโอเปร่าด้วย

ตุ๊กตาสวาทยุคสงครามโลกครั้งที่ 2

ตุ๊กตาสวาทที่ใกล้เคียงกับมนุษย์จริง ๆ ถูกสร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

มีการอ้างว่าผู้ที่สั่งให้สร้างตุ๊กตาสวาทหน้าตาเหมือนผู้หญิงจริง ๆ คือ ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ที่ต้องการป้องกันไม่ให้ทหารนาซีเยอรมันไปติดโรคทางเพศสัมพันธ์จากผู้หญิง ทว่าไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่า ข้อกล่าวอ้างนี้เป็นเรื่องจริง

และก็เป็นช่วงทศวรรษ 1930 อีกเช่นกัน ที่นักเขียนดัง ‘แอนโทนี เฟอร์กูสัน’ ประเมินว่า นี่คือช่วงเวลาที่ศิลปินแนวเซอร์เรียลชาวเยอรมันอย่าง ‘ฮานส์ เบลล์เมอร์’ เป็นผู้ประดิษฐ์ตุ๊กตาสวาทที่มีหน้าตาทันสมัยยิ่งขึ้น 

แอนโทนีเขียนในหนังสือเรื่อง Sex Doll: A History เมื่อปี 2010 ว่า ตุ๊กตาที่มีหน้าตาน่าอัศจรรย์และกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ประดิษฐ์ขึ้นโดยเบลล์เมอร์ในช่วงทศวรรษ 1930 ซึ่งแตกต่างจากตุ๊กตาที่พอใช้การได้ ตรงที่ไม่มีช่องสำหรับการสอดใส่ โดยส่วนที่เป็นช่องหรือรูเพิ่งมามีเมื่อช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมกับการประดิษฐ์ตุ๊กตาเป่าลม

ยุคเปลี่ยนผ่านของตุ๊กตาสวาท

เมื่อความต้องการตุ๊กตาสวาทพุ่งขึ้น โรงงานต่าง ๆ พากันครุ่นคิดถึงวิธีที่จะทำให้ตุ๊กตามีหน้าตาคล้ายมนุษย์มากขึ้น พวกเขาจึงผุดไอเดียเปลี่ยนวัสดุในการทำตุ๊กตา จากที่เคยใช้ผ้า โรงงานในญี่ปุ่นก็หันไปใช้พลาสติกไวนิลหรือไม่ก็ซิลิคอน (วัสดุคล้ายยาง) 

ไม่เพียงแต่เปลี่ยนวัสดุในการทำตุ๊กตาเท่านั้น พวกเขายังเพิ่มขนาดของตุ๊กตาเพื่อทำให้พวกนางมีความใกล้เคียงมนุษย์มากยิ่งขึ้น

ยุคแห่งการโฆษณาตุ๊กตายาง

ช่วงทศวรรษ 1960-1980 เป็นช่วงเวลาที่ความต้องการในตุ๊กตายางพุ่งถึงขีดสุด มีการนำตุ๊กตายางไปลงโฆษณา เนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือดจากหลายบริษัท 

ประมาณปี 1986 ในสหรัฐฯมีการโฆษณาตุ๊กตายางในหนังสือโป๊ครั้งแรก หลังจากที่ตุ๊กตายางสามารถจำหน่ายได้อย่างถูกกฎหมาย 

ตุ๊กตายางบูมในยุคอินเทอร์เน็ต 

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อินเทอร์เน็ตได้อุบัติขึ้นในโลก ภายในเวลาไม่กี่เดือน ความนิยมในการใช้อินเทอร์เน็ตก็ขยายตัว และในเวลาเพียง 1-2 ปี เว็บออนไลน์ก็เกิดขึ้นตามมา 

โรงงานผลิตตุ๊กตายางจึงหันมาใช้เว็บออนไลน์เพื่อจำหน่ายตุ๊กตายาง ซึ่งทำให้การหาซื้อตุ๊กตายางกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและรวดเร็ว ผู้คนจากทุกมุมโลกเริ่มสั่งซื้อตุ๊กตายางจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯ

เซ็กส์ทอยช่วยกระตุ้นตลาด

ในปี 2010 แบรนด์เซ็กส์ทอย (Sex toy) ที่ชื่อว่า ‘DS Doll’ ได้ถือกำเนิดขึ้นในจีน และต่อมาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ผู้คนจากประเทศอื่น ๆ จึงเริ่มสั่งชุดอุปกรณ์สำเร็จความใคร่จากจีน จากนั้นแบรนด์อุปกรณ์ที่มุ่งให้ลูกค้าได้สำเร็จความใคร่ก็ทยอยเปิดตัวในยุโรป ด้วยความคึกคักของตลาด ส่งผลให้ราคาตุ๊กตายางพุ่งสูงตามไปด้วย 

ชนชั้นกลางกับความนิยมในตุ๊กตายาง 

ก่อนปี 2014 ตุ๊กตายางเป็นสินค้าสำหรับคนรวยเท่านั้น เพราะค่าตัวที่ค่อนข้างแพง ทำให้ชนชั้นกลางได้แต่เก็บเอาไปฝัน กระทั่งชนชั้นกลางในจีนเริ่มขยายตัว แบรนด์เซ็กส์ทอยราคาถูกจึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด

‘WM Dolls’ เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่บุกเบิกตลาดชนชั้นกลาง โดยเริ่มขายตุ๊กตายางในราคาเป็นมิตรกับคนงบน้อย

ภายใน 1 ปี WM Dolls ก็เป็นที่รู้จักในตลาดชนชั้นกลางของจีน ความสำเร็จของบริษัททำให้โรงงานอื่น ๆ มองเห็นช่องทางในการจำหน่ายตุ๊กตายางราคาย่อมเยา หลายบริษัทอย่างเช่น ‘Z-One doll’ และ ‘6Ye Premium Doll’ จึงเริ่มผลิตตุ๊กตายางราคาถูกออกมาจำหน่าย

เมื่อตุ๊กตายางราคาถูกขายกันเกลื่อน หลายบริษัทในยุโรปจึงพากันขาดทุนมหาศาล

วิวัฒนาการจาก Sex doll เป็น Sexbot

จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โรงงานผลิตตุ๊กตายางกำลังพยายามใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Aritficial Intelligence) ในตุ๊กตายางของตัวเอง เพราะเห็นว่าลูกค้าเริ่มเบื่อหน่ายตุ๊กตายางที่ไม่สามารถขยับได้ แต่ต้องการเห็นตุ๊กตายางที่มีนวัตกรรม ที่ถึงแม้จะมีราคาแพงขึ้นก็พร้อมสู้ 

ในยุคนี้เราจึงมีโอกาสได้เห็นการก้าวกระโดดของตุ๊กตายางสู่ ‘เซ็กส์บอต’ (sexbot) ที่สามารถพูดคุยโต้ตอบกับมนุษย์ สบตา กระพริบตา แสดงสีหน้า บางตัวไปไกลถึงขั้น “ถึงจุดสุดยอด” ได้ 

Sex in Space

ก่อนหน้านี้ นาซาเคยออกมาระบุว่า ไม่มีนักบินอวกาศคนไหนที่เคยมีเซ็กส์ขณะอยู่บนอวกาศ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากจากอิทธิพลของสภาวะไร้น้ำหนัก แต่นาซากำลังหาทางแก้ปัญหานี้อยู่

อีกด้านหนึ่ง บริษัทเซ็กส์ทอยสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Tenga เคยประกาศว่าจะส่งเซ็กส์ทอยขึ้นไปยังอวกาศ โดยจะยิงจรวดที่บรรจุเซ็กส์ทอยจากฐานยิงจรวดในฮอกไกโด ซึ่งจะเป็นการร่วมมือกับบริษัทการบินอวกาศพลเรือนของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Interstellar Technologies 

การส่งเซ็กส์ทอยขึ้นไปอวกาศมีวัตถุประสงค์เพื่อหาวิธีทำให้เซ็กส์ทอยสามารถใช้งานได้ในสภาวะไร้น้ำหนัก

แม้จะมีต้นกำเนิดจากกลางทะเล แต่มาถึงยุคนี้ก็น่าลุ้นว่า ‘ตุ๊กตายาง’ จะได้ไปไกลถึงอวกาศหรือไม่?

 

อ้างอิง:

medium

indy100

lewisartcafe

world-today-news