ภาพยนตร์ If Cats Disappeared From the World: สิ่งที่หายไปไม่ใช่แค่ “แมว”

ภาพยนตร์ If Cats Disappeared From the World: สิ่งที่หายไปไม่ใช่แค่ “แมว”
If Cats Disappeared From the World (2016) ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจตั้งแต่ชื่อหนังที่ใช้ภาษาอังกฤษแบบ 2nd Conditional ซึ่งเป็นประโยคเงื่อนไขประเภทที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หรือสมมติขึ้นมาเพื่อที่จะตั้งคำถามว่า ถ้าไม่มีแมวขึ้นมาในโลกจริง ๆ แล้วชีวิตของตัวละครในเรื่องจะเป็นเช่นไร ชื่อเรื่องจึงคล้ายจะบอกใบ้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครในเรื่อง อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นความคิดของตัวละครที่เชื่อมโยงกับสิ่งรอบข้างในชีวิตของเขา ซึ่งไม่เพียงแต่ แมว เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งรอบข้างมากมายที่เป็นสายสัมพันธ์ระหว่างคน และโลกใบนี้ นี่คือประเด็นเด่นชัดที่สุดที่ภาพยนตร์ที่แสนอบอุ่นเรื่องนี้นำเสนอ If Cats Disappeared From the World เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากฉบับนิยาย ผลงานการเขียนของ เกนคิ คาวามุระ ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่ญี่ปุ่น แล้วถูกดัดแปลงมาเป็นมังงะและภาพยนตร์ตามลำดับ (ฉบับแปลบ้านเรา ใช้ชื่อว่า “ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว” ของสำนักพิมพ์ Maxx Publishing) พูดถึงเรื่องราวของบุรุษไปรษณีย์ (ทาเครุ ซาโต้) ที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเมื่อพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ที่เหลือเวลาที่อยู่บนโลกน้อยลงทุกที แล้วจู่ ๆ ตัวเขาอีกคน ที่ถูกเรียกว่า ปีศาจ ออกมายื่นขอเสนอว่า เขาจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ต่อไป 1 วัน แต่จะมีสิ่งหนึ่งหายไปจากโลกวันละสิ่ง ในตอนแรกบุรุษไปรษณีย์ รับข้อเสนอนี้ แล้วของในโลกก็หายไปทีละสิ่ง ไล่มาตั้งแต่ โทรศัพท์มือถือ, ภาพยนตร์, เวลา และอย่างสุดท้ายที่จะหายไปจากโลกก็คือ แมว ตัวหนังจังหวะดี ลำดับเวลาได้มีเสน่ห์ และเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจมาก เพราะการสร้างสถานการณ์ให้สิ่งของต่าง ๆ หายไปจากโลก สิ่งที่หายไปจริง ๆ นั่นก็คือความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่มันถูกผูกไว้กับสิ่งรอบข้างที่กำลังจะหายไป ภาพยนตร์ If Cats Disappeared From the World: สิ่งที่หายไปไม่ใช่แค่ “แมว” ในแง่นี้ โทรศัพท์จึงเหมือนกับเป็นตัวแทนของแฟนเก่าของเขา (นำแสดงโดย มิยาซากิ อาโออิ) เพราะมันทำให้เขาทั้งสองคนได้รู้จักกัน และยังเป็นสื่อสำคัญที่ทำให้บุรุษไปรษณีย์ใช้เป็นเครื่องมือผูกสายสัมพันธ์กับแฟนของเขา ภาพยนตร์ คือตัวแทนความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขา กับซึทาย่า – เพื่อนของเขาที่รู้จักกันผ่านการชมภาพยนตร์ ซึ่งในพาร์ตนี้กินใจคนรักหนังเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีหนังระดับ “ขึ้นหึ้ง” จำนวนมากที่ถูกอ้างอิง อย่างเช่น Metropolis(1927), When Harry Met Sally(1989), The Legend of 1900(1995), Happy Together (1997), The Legend of 1900(1998) และอีกมากมาย โดยเฉพาะกับฉากที่ซึทาย่า ให้พระเอกยืมแผ่นหนัง Happy Together (1997) มันเป็นฉากที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์โรแมนติกมาก ๆ เพราะภาพยนตร์ที่กำกับโดย Wong Kar-wai ผู้กำกับหนังชื่อดังชาวฮ่องกงเรื่องนี้ คือหนัง “ชายรักชาย” ความหมายระหว่างบรรทัดภายในฉากที่เหมือนกับจะบอกเราว่า มิตรภาพระหว่างเพื่อนผู้ชายด้วยกัน ก็มีความงดงาม (และเจ็บปวดแฝงอยู่) แม้ว่าจะไม่ได้สนทนาร่วมกันก็ตามที ในส่วนของ นาฬิกา ถูกอ้างอิงถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษปรษณีย์กับคุณพ่อ – ช่างซ่อมนาฬิกา ที่ดูเหมือนจะเฉยชากับลูกชายและภรรยา แต่ก็เป็นหัวหน้าครอบครัวที่เฝ้าดูและครอบครัวอยู่ที่มุมอันเงียบขรึมของตน และสุดท้าย แมว, เป็นเสมือนตัวแทนของแม่ ที่รับแมวจรมาเลี้ยงทั้งที่แพ้ขนแมว แต่ท้ายที่สุด แมวกลายเป็นสิ่งที่คุณแม่รักมากที่สุด โทรศัพท์, ภาพยนตร์, นาฬิกา และแมว จึงเป็นเหมือน “สิ่งของ และสัตว์” ที่คอยเชื่อมโยงตัวพระเอกกับสายสัมพันธ์รอบข้างที่งดงาม ถ้าขาดสิ่งรอบข้างเหล่านี้ไป มันก็เหมือนกับว่าคุณค่าที่ยืนยันการดำรงอยู่ของเขานั้นจะค่อย ๆ หายไปจนหมดสิ้น ทั้งแฟนและเพื่อน อาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้า ที่ไม่เคยรู้จักกับพระเอก และพ่อกับแม่ คงจะมีความทรงจำร่วมกันกับเขาในอีกแบบหนึ่ง หนังจึงค่อย ๆ ดึงเข้ามาสู่ปมขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดของเรื่อง นั่นก็คือ ทางเลือกของตัวพระเอกเอง ว่าจะเลือกรักษาชีวิตให้รอดตามที่สัญญาไว้กับปีศาจ โดยยอมให้ของสำคัญรอบตัวหายไปทีละชิ้น หรือจะยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อให้สิ่งของเหล่านี้คงอยู่ อันมาสู่คำถามใหญ่ที่ว่า หากเราเลือกที่จะทิ้งไว้เพียงร่างบนโลกนี้ จะมีใครจำเราได้ไหม? และหากเรายังมีชีวิตต่อไปโดยไม่มีสายสัมพันธ์ใดกับผู้คนรอบข้างเลย อะไรจะเป็นคุณค่าและความหมายของชีวิต? คำถามเหล่านี้ค่อนข้างแหลมคม เพราะมันเกี่ยวพันกับการดำรงอยู่ของเราบนโลกใบนี้ ซึ่งพระเอกของเรื่องนั้น เลือกที่จะ คงทุกสิ่งทุกอย่างไว้คงเดิม เพื่อให้สายสัมพันธ์ทุกอย่างคงอยู่ แม้ว่าตัวเองจะต้องจากโลกใบนี้ไป... สิ่งที่ตัวเอกเลือก คงจะตรงใจกับคนหลายคน จนนำมาสู่ความคิดที่ว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกหรอก ความหมายชีวิตของเราไม่ได้อยู่ที่การ “ดำรงอยู่” ของตัวเอง แต่มันคือการดำรงอยู่ของคนรอบข้างและความทรงจำที่เรามีร่วมกัน เพราะ If Cats Disappeared From the World นำพาหนังมาทิศทางนี้, คงไม่แปลกหรอก หากคนดูจะรักหนังและรักมนุษย์จากการเห็นมุมมองอันอบอุ่นผ่านหนังเรื่องนี้