คลิกฟังข่าว!!
กำลังโหลด
read
interview
18 เม.ย. 2562 | 12:26 น.
คุยกับนักแสดงและทีมงาน จากมิวสิคัล “เดอะ ไลอ้อน คิง” ละครเวทีที่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำ
เดอะ ไลอ้อน คิง มิวสิคัล (The Lion King) ละครเวทีจากการ์ตูนดังของดิสนีย์ เตรียมเปิดการแสดงสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทย ในเดือนกันยายนนี้ ณ โรงละครเมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์
เดอะ ไลอ้อน คิง ถือเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน ที่ครองใจคนทั่วโลกมาหลายทศวรรษ เรื่องราวการใช้ชีวิตของเหล่าสัตว์ป่า ถูกนำมาสะท้อนผ่านมุมมองของเจ้าป่าอย่าง “สิงโต” แน่นอนทุกคนคงคุ้นชินกับตัวละครอย่าง ซิมบ้า กับเรื่องราวการผจญภัยที่พาเขาไปค้นพบความจริงของชีวิตที่เต็มไปด้วยแง่คิดและความประทับใจมากมาย และในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ คนไทยจะได้มีโอกาสย้อนความหลังกับเรื่องราวของ เดอะ ไลอ้อน คิง อีกครั้ง ผ่านการถ่ายทอดในรูปแบบละครเวทีสุดอลังการ
เดอะ ไลอ้อน คิง มิวสิคัล เป็นมิวสิคัลที่มีโปรดักชั่นสุดยิ่งใหญ่ และกวาดรางวัลมามากมาย เสน่ห์และเอกลักษณ์ของละครเวทีเรื่องนี้อยู่ที่รูปแบบการแสดงที่ไม่เหมือนใคร แน่นอนท่าทางและเสียงร้องเสียงเพลงต่าง ๆ ล้วนแต่ถูกออกแบบและผ่านการคิดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์ต่าง ๆ ในเรื่อง แน่นอนงานศิลป์ของมิวสิคัลเรื่องนี้ยังได้รับการพูดถึงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฉาก เครื่องแต่งกาย ที่สื่อถึงทุ่งหญ้าสะวันนาอันกว้างใหญ่ของแอฟริกา
The People มีโอกาสนั่งคุยกับเหล่านักแสดงและทีมงานของ มิวสิคัล เดอะ ไลอ้อน คิง นำโดย จอร์แดน ชอว์ ผู้รับบทเป็น ซิมบ้า, อแมนด้า คูนินี่ (นาลา), ซอดว่า มราซี่ (ราฟิกิ) และ ไมค์ ชัปเปอร์เคล้าส์ (มิวสิคัล ไดเรคเตอร์) กับเบื้องหลังโปรดักชั่นสุดยิ่งใหญ่และเหตุผลที่ทุกคนต้องไปชมมิวสิคัลเรื่องนี้
The People : การแสดงในบทบาทของสัตว์ต่าง ๆ มีความยาก หรือท้าทายพวกคุณอย่างไร
ชอว์ :
คงไม่ทุกวันหรอกที่คุณจะเดินเข้าโรงละครและนั่งดูคนใส่หน้ากากสิงโตแสดงอะไรแบบนี้ ผมคิดว่าหน้าที่หลักของผมคือการทำให้สิ่งเหล่านี้ดูน่าเชื่อ ผมต้องทำอย่างไรก็ได้ให้คนดูลืมไปเลยว่ากำลังดูคนใส่หน้ากากแสดงอยู่
คูนินี่ :
สำหรับฉันนี่คือสิ่งที่ยากทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรับบทไหนที่ต้องอาศัยกำลังกายมากขนาดนี้ กระบวนการซ้อมกินเวลานานมาก ฉันต้องมาฝึกซ้อมเรื่องการใช้สมาธิบังคับร่างกายตัวเอง แม้กระทั่งตอนนี้ฉันก็ยังต้องเรียนรู้ที่จะใช้ร่างกายของตัวเองให้มากขึ้น ทั้งเรื่องการใช้ท่าทางต่าง ๆ และการกระโดด มันไม่ใช่แค่การเอาหน้ากากมาใส่แล้วแสดง เพราะนี่เป็นเรื่องของร่างกายด้วย เพราะฉะนั้นทุกท่าทางที่ฉันแสดงออกไปต้องไหลลื่น นอกจากนี้การแสดงเป็นนาลาทำให้ฉันต้องเรียนรู้ที่จะต้องทำเสียงที่แปลกไป ฉันต้องฝึกเสียงทุกวัน และเมื่อรวมกับการฝึกใช้สรีระที่ดีขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันมีความมั่นใจในการแสดงมากขึ้น ทั้งหมดอาจจะเป็นเพราะตัวละครที่ฉันเรียนรู้อยู่ทุกวันเป็นตัวละครที่กล้าหาญ แข็งแรง และมีความมั่นใจในตัวเอง
มราซี่ :
สำหรับฉันไม่คิดว่านี่คือความท้าทายแต่อย่างใด แน่นอนฉันต้องมองและตีความตัวละครของตัวเอง ราฟิกิ เป็นใคร เขาคิดอะไรอยู่ นอกจากนี้ฉันต้องเรียนรู้ท่าทางของเธอใหม่ทั้งหมดภายในช่วงเวลาสองเดือน เพราะแน่นอนนี่คือท่าทางของลิงบาบู นอกจากนี้ฝ่ายคิดท่าทางก็ได้พัฒนาท่าเหล่านี้ตลอดเวลา เพราะตัวละครโตขึ้นทุกวัน และการพัฒนาก็ยิ่งทำให้เราได้ท่าที่งดงามมากขึ้น
The People : พวกคุณมองจุดเด่นและจุดแข็งของตัวละครเหล่านี้อย่างไร
ชอว์ :
จุดอ่อนของ ซิมบ้า คือ การไม่ชอบเผชิญหน้าและมักจะละเลยกับทุกสิ่งเสมอ เขาจะเป็นตัวละครที่แบบว่า เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งดราม่าตอนนี้ ไว้ก่อนได้ไหมขอฉันสนุกกับสิ่งนี้ก่อน เขามักจะเป็นตัวละครที่ต้องจัดการกับความสับสนของตัวเองเสมอ แต่ถ้าพูดถึงจุดแข็งของ ซิมบ้า คือเรื่องของแพสชั่น ตอนไหนที่เขาใช้แพสชั่นของตัวเองในการดำเนินชีวิต ตอนนั้นแหละจะเป็นตอนที่เขาเปลี่ยนแปลงบางสิ่งไป ยกตัวอย่างตอนที่ ราฟิกิ มาหา ซิมบ้า และเชื่อมเขาด้วยเรื่องราวของพ่อ มันเป็นเหมือนแรงผลักดัน เหมือนเป็นพลังพิเศษที่ทำให้เขากล้าไปเผชิญหน้ากับ สการ์ ซึ่งตอนนั้นเขายังเข้าใจอยู่เลยว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อตาย และแน่นอนตอนที่เขาจนมุม ความกลัวก็เข้ามาครอบงำอีกครั้ง ทันใดนั้นเองตอนที่ สการ์ พูดว่า ฉันนี่แหละที่ฆ่าพ่อของแก ตอนนั้นแหละที่ทำให้เขาฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง และเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้เลย
คูนินี่ :
สำหรับนาลา จุดอ่อนคือเรื่องของการแสดงออกให้เห็นว่าเธอทำอะไรได้บ้าง เธอคือตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงสภาวะการเป็นผู้นำตั้งแต่อายุยังน้อยก่อนหน้า ซิมบ้า เสียอีก เธอเป็นตัวละครที่มีเหตุผลมาก และความกล้าหาญของเธอก็แสดงถึงความแข็งแกร่ง เธอไร้ซึ่งความกลัว นั่นคือจุดเด่นของเธอ
มราซี่ :
การที่ ราฟิกิ เป็นตัวละครที่มองเห็นอนาคตได้ แต่ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ นั่นกลายเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับตัวเธอ เธอคือตัวละครที่มีความเข้มแข็ง มีหน้าที่ชี้นำทุกคนให้ใช้ชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง เธอฉลาดมากและมีทางที่จะทำให้ทุกคนสนใจเสมอ เธอรู้วิธีคุยกับทุกคนไม่ว่าจะทั้ง มูฟาซ่า, ซิมบ้า หรือ นาลา เช่นกันฉันที่ต้องเรียนรู้เธอในทุก ๆ วันเหมือนกัน
The People : ก่อนหน้านี้ดนตรีประกอบของ เดอะ ไลอ้อน คิง ได้รับรางวัลมากมาย แน่นอนด้วยการที่เป็นเรื่องราวของแอฟริกา จังหวะแบบแอฟริกันเข้ามามีบทบาทมาก ภาพรวมของมิวสิคัลเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
ชัปเปอร์เคล้าส์ :
สกอร์เพลงของมิวสิคัลเรื่องนี้มีความหลากหลายในเรื่องจังหวะและรสชาติมาก ในฐานะที่เป็นมิวสิคัล ไดเรคเตอร์ นี่เป็นเรื่องท้าทายอย่างมากที่จะต้องผสมผสานความหลากหลายนี้ไปสู่คนดูให้ได้ การควบคุมวงออร์เคสตราโดยเน้นเรื่องจังหวะเป็นหลัก มันจะเป็นอะไรที่ให้พลังไปอีกแบบ นั่นเป็นสิ่งที่ผมพยายามจะทำในโชว์นี้
The People : มองเสน่ห์ของดนตรีแอฟริกัน ที่เปรียบเหมือนกับเป็นต้นกำเนิดของดนตรีหลาย ๆ ชนิดในโลกอย่างไร
ชัปเปอร์เคล้าส์ :
ตอนที่ทุกคนเป็นเด็ก ทุกคนล้วนแต่เคยตีสิ่งโน้นสิ่งนี้หรือส่งเสียงน่ารำคาญเสมอ สำหรับผมกรู๊ฟคือจังหวะของชีวิต ดนตรีแอฟริกันเป็นดนตรีที่มีสัดส่วนเยอะมาก และตอนนี้มันปะปนอยู่ในงานโปรดักชั่นทั่วโลก ผมยกตัวอย่างลองให้พวกเขาร้องเพลงแฮปปี้ เบิร์ธเดย์ สิ มันจะเป็นอะไรที่แตกต่างไปเลย มันน่าทึ่งมาก
The People : ครั้งแรกที่คุณได้ชม เดอะ ไลอ้อน คิง ความประทับใจแรกของพวกคุณคืออะไร
ชอว์ :
ผมได้ชม เดอะ ไลอ้อน คิง ผ่านภาพยนตร์แอนิเมชั่นในวัยเด็ก ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นรู้สึกอย่างไร แต่จำได้แม่นว่าผมชอบหนังเรื่องนี้เลย ผมรู้สึกเข้าถึงและเชื่อมถึงมันได้ทันทีหลังจากที่ดูครั้งแรก
คูนินี่ :
ครั้งแรกที่ฉันได้ดู เดอะ ไลอ้อน คิง ตอนนั้นฉันอยู่เกรด 6 และกำลังเรียนวิชาดนตรีอยู่ เรากำลังเรียนเพลง “The Circle of Life” จากในหนัง และต่อมามันก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในช่วงชีวิตวัยรุ่นของฉันเลย นับตั้งแต่ฉันอายุ 11-16 ฉันดูหนังเรื่องนี้และมันเปลี่ยนชีวิตฉัน การได้มาเป็นส่วนหนึ่งที่ได้แสดงบนเวทีนี้ผ่านเรื่องราวของ เดอะ ไลอ้อน คิง มันเป็นเหมือนความฝันเลย
มราซี่ :
ครั้งแรกที่ฉันดู เดอะ ไลอ้อน คิง มันเข้าถึงฉันหนักมาก ยิ่งฉากที่มูฟาซ่าตาย และ ซิมบ้าในวัยเด็กร้องไห้หนักมาก มันกลายเป็นซีนที่ฉันยังร้องไห้ตามอยู่จนถึงทุกวันนี้ ฉากนั้นเป็นฉากที่มีความเป็นเรื่องจริงสูงและเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับทุกคนได้ เดอะ ไลอ้อน คิง เป็นเรื่องราวที่งดงามและทุกคนสามารถเข้าถึงมันได้ การได้มามีส่วนในมิวสิคัลเรื่องนี้ และได้เห็นซีนนั้นมันเหมือนกับว่าฉันใจสลายตามจริง ๆ
ชัปเปอร์เคล้าส์ :
ตอนนั้นผมแสดงกับ Aida ตอนที่ เดอะ ไลอ้อน คิง กำลังจะเตรียมโปรดักชั่นในเนเธอร์แลนด์ ทามทีมงานก็ขอให้ผมเล่นในมิวสิคัลครั้งนั้นด้วย แต่ผมเป็นคนที่จะตอบรับก็ต่อเมื่อเชื่อมั่นว่าผมจะสามารถทำสิ่งนั้นได้ ผมจึงตัดสินใจบินไปดูที่ฮัมบูร์ก สิ่งที่ผมจำได้ในตอนนั้นคือมันเป็นอะไรที่เต็มเปี่ยมมาก ๆ ทั้งเรื่องของเพลงและสิ่งต่าง ๆ ส่วนลึกของผมในฐานะศิลปิน ผมสัมผัสได้ว่านี่จะเป็นอะไรที่เปลี่ยนชีวิตผมไปเลย และจากวันนั้นก็มาถึงวันนี้ที่กรุงเทพฯ
The People : ความโดดเด่นของ เดอะ ไลอ้อน คิง ที่ทุกคนต้องมาดู
ชอว์ :
มันคือของแท้ และมีความเป็นเรื่องราวจริง ๆ เรื่องราวของตัวละครเหล่านี้เป็นอะไรที่เหมือนกับโครงสร้างการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน อีกทั้งเรื่องชุด รูปแบบการแสดง และเพลงประกอบ จะเป็นอะไรที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันมาก่อน สำหรับใครที่ไม่เคยดูมิวสิคัลเรื่องนี้หรือไม่เคยก้าวเข้ามาดูที่โรงละครเลย นี่จะเป็นอะไรที่ทำให้คุณร้องว้าว! ตอนเดินเข้ามาแน่นอน
คูนินี่ :
เดอะ ไลอ้อน คิง มีความแตกต่างและได้รับความนิยมมากกว่าเรื่องอื่น ๆ เพราะมันเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าถึงครอบครัวและความท้าทายในชีวิต ทุกคนไม่ว่าจะเป็นวัยไหนก็สามารถชมได้ นอกจากนี้เรายังมีหน้ากากที่สวยมาก และมีชุดที่สื่อถึงภาพของทุ่งหญ้าสะวันนาอันกว้างใหญ่ของแอฟริกาอีกด้วย
มราซี่ :
ละครเวทีเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดนตรี ภาษา และศิลปะของชาวแอฟริกัน คุณจะได้เห็นเหล่านักแสดงที่มากความสามารถอยู่บนเวทีและแสดงเป็นสัตว์มากกว่า 25 ชนิด เนื้อเรื่องของโชว์ก็ยังสะท้อนถึงชีวิต เสียงคอรัสที่เป็นเสียงร้องแบบแอฟริกา รวมถึงเพลงทั้งหมดเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยอารมณ์มาก มันจะเป็นโชว์ที่น่าทึ่งมาก
ชัปเปอร์เคล้าส์ :
ทุกอย่างในโชว์นี้มีความสมบูรณ์แบบอย่างมาก ทั้งเรื่องราวและรวมถึงดนตรีของโชว์นี้ ทุกอย่างสามารถเล่าเรื่องของตัวมันเองได้ ผมคิดว่านี่เป็นอะไรที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ของ เดอะ ไลอ้อน คิง
The People : ฝากถึงคนที่กำลังจะไปดู เดอะ ไลอ้อน คิง
ชอว์ :
ผมรู้จักคนไทยจำนวนหนึ่ง พวกเขาบอกผมเสมอว่าคนไทยมีความเข้าถึงศิลปะมากขนาดไหน นี่จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่มากที่ได้มีโอกาสนำโชว์แบบนี้มาแสดงที่ประเทศไทย เพราะเรารู้ว่าทุกคนที่อยู่เบื้องหลังนี้ทำงานหนักขนาดไหนเพื่อให้ได้โชว์ที่ดีแบบนี้ ผมตื่นเต้นเหลือเกินที่จะได้เจอทุกคน และแสดงให้กับคนที่อยากดูโชว์จริง ๆ
คูนินี่ :
เราตื่นเต้นมากที่จะนำโลกของเรามามอบให้กับพวกคุณ
มราซี่ :
สำหรับคนที่กำลังจะมาดู เดอะ ไลอ้อน คิง มันไม่ใช่เป็นแค่เพียงมิวสิคัล นี่คือเรื่องราวที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณไปเลย มันจะเป็นอะไรที่ระทึกสุด ๆ
ชัปเปอร์เคล้าส์ :
เราตื่นเต้นมากที่จะได้เจอทุกคน เราสัญญาว่าจะทำงานอย่างเต็มที่และดีที่สุดในทุกคืน เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะไม่ลืมเลือนเลย และมันจะเป็นอะไรที่ไม่เหมือนกับการได้ดูบรอดเวย์เลย
เดอะ ไลอ้อน คิง มิวสิคัล ในประเทศไทยครั้งนี้ จะเริ่มแสดงตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน เป็นต้นไป บัตรเข้าชมการแสดงราคาเริ่มต้นที่ 1,500 บาท เปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคมเป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งใหญ่ขณะอายุน้อย บารมีมาก เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด
15 ก.ย. 2566
3123
แท็กที่เกี่ยวข้อง
Interview
Lion King
ไลอ้อน คิง