21 ต.ค. 2562 | 17:22 น.
OneRepublic วงป๊อปร็อกชื่อดังจากโคโลราโด เจ้าของเพลงฮิตอย่าง ‘Apologize’, ‘Rescue Me’ หรือ ‘Counting Stars’ เพิ่งจะมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งที่สองในบ้านเราเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในงาน “Spotify On Stage”
โดยก่อนหน้านี้ 4-5 วัน OneRepublic ที่นำทีมโดยนักร้องนำของวง ไรอัน เท็ดเดอร์ รวมถึงสมาชิกในวงประกอบด้วย แซ็ค ฟิลกินส์, เบรนท์ คุตซิล, ดรูว์ บราวน์, เอ็ดดี้ ฟิชเชอร์ และ ไบรอัน วิลแลต ก็เพิ่งจะหนีพักเบรกไปพักผ่อนที่จังหวัดภูเก็ต เป็นการชาร์จพลังและหาแรงบันดาลใจก่อนมาแสดงในงานนี้ด้วย ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะชื่นชอบประเทศไทยเป็นพิเศษ สังเกตได้จากอินสตาแกรมของหนุ่ม ไรอัน ที่ขยันลงภาพความประทับใจในความสวยงามของทะเลภูเก็ต และโดยเฉพาะวัฒนธรรมแบบ Thailand Only ที่มีเฉพาะประเทศไทยเท่านั้นอย่าง “ตุ๊กตุ๊ก” หรือ การล่องเรือชมน้ำดำ...เฮ้ย ชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยายามเย็น
เมื่อ OneRepublic สนทนากับสื่อประเทศไทย เกี่ยวกับหลายประเด็นทางดนตรี ทั้งชีวิตระหว่างทัวร์, อัลบั้มใหม่ล่าสุด Human, สตรีมมิ่ง และความสำคัญของ Google Translate ที่ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ The People จึงไม่พลาดนำบทสนทนาสนุก ๆ ของพวกเขามาถ่ายทอด
พวกคุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง หลังเคยมาทัวร์ในประเทศไทยเมื่อปี 2017
ไรอัน: เรารักที่นี่เลยครับ หลังจากที่เราเล่นงานรักบี้ Super Bowl ที่ซิดนีย์และเมลเบิร์น พวกเรามีเวลาพัก 5 วันก่อนที่จะต้องมาที่กรุงเทพฯ เราเลยมาดูแผนที่ว่าจะไปไหนกันดี พวกเราเห็นว่ามีประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ แต่สุดท้ายก็ตกลงกันว่าจะเที่ยวประเทศไทย ทุกอย่างสุดยอดมาก สวยงาม เราได้ผ่อนคลายและชิมอาหารที่ดีที่สุดในโลก ได้พบกับผู้คนที่ใจดีที่สุดในโลก ได้ลองต่อยมวยไทยด้วย เราตื่นเต้นมากที่ได้มาที่นี่ พวกเราใช้เวลาพัก 1 สัปดาห์ทำงาน แต่งเพลง อัดเพลง แล้วก็สนุกไปพร้อม ๆ กัน พวกเราตื่นเต้นมากตอนที่เขาขอให้เราแสดงในงานระดับโลกของ Spotify พวกเราดีใจมาก เราไปมาทั่วโลกแล้ว แต่เราชอบที่นี่มากที่สุดตั้งแต่ทัวร์มา การได้มาแสดงที่นี่เลยเหมือนเป็นการฉลองคริสมาสต์สำหรับพวกเรา
อะไรที่พวกคุณต้องพกติดตัวไปด้วยเวลาออกทัวร์
ไรอัน: สายชาร์จ
แซค: ไอแพด, ยานอนหลับ
ไรอัน: ใช่ ผมพก เมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นยานอนหลับแบบธรรมชาติ รวมถึงถุงเท้าและกางเกงในจำนวนมาก เพราะถ้าคุณไปถึงโรงแรมแล้วไม่มีเสื้อผ้า คุณก็ต้องส่งซัก และพวกเขาจะคิดเงินคุณ 50,000 บาท ซึ่งนั่นมันแพงมาก
ดรูว์: บางครั้งผมเอาอุปกรณ์ซักผ้าไปด้วย เพราะว่าบางทีเราสามารถซักเองได้ในอ่างล้างมือ ซึ่งนั่นทำให้สะดวกขึ้นมาก ถ้าคุณไปต่างประเทศสัก 2 สัปดาห์
ไรอัน: สิ่งที่สำคัญมากสำหรับผม โดยเฉพาะตอนไปต่างประเทศคือ Google Translate เพราะผมเคยให้คนขับตุ๊กตุ๊กหรือคนขับแท็กซี่ดูแผนที่แล้วบอกว่า ผมอยากไปตรงนี้นะ ไปไชน่าทาวน์ ไปวัด ไปร้านอาหาร พวกเขาจะจ้องแผนที่แบบไม่รู้เลยว่าผมอยากไปที่ไหน แต่ตอนนี้ผมแค่ให้ Google Translate พูดเป็นภาษาไทย เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว สัญญาณอินเทอร์เน็ตยังไม่เร็วพอที่จะใช้ Google Translate ได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก ขอบคุณ Google จริง ๆ
[caption id="attachment_13201" align="aligncenter" width="1080"] ไรอัน โพสต์ภาพหลังไปเยี่ยมถนนเยาวราช[/caption]ซิงเกิลใหม่ของพวกคุณ ‘Wanted’ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไร
ไรอัน: ผมคิดว่าทุกเพลงในอัลบั้ม “Human” อัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกในปี 2020 เกี่ยวกับความรู้สึกของมนุษย์ที่ไม่ซับซ้อนแต่ลึกซึ้ง พวกเราไม่เคยร้องเพลงเกี่ยวกับผู้หญิง แฟน หรือการไปเที่ยวผับเลย ซึ่งเพลงพวกนั้นมีเยอะแล้ว พวกเราจึงพยายามจะสร้างดนตรีที่ต่างออกไปเกี่ยวกับความรู้สึกในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง สำหรับ ‘Wanted’ ผมคิดว่าคนในโลกนี้มี 7.5 ล้านคน เรื่องเงิน อาหาร ที่อยู่ เป็นเรื่องที่สำคัญทั้งหมด แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เราต่างรู้สึกเหมือนกันคือ เราต้องการที่จะเป็นที่ต้องการของใครสักคน
คุณคิดว่าเทคโนโลยีอย่างการสตรีมมิ่งทำให้กระบวนการทำเพลง หรือปล่อยเพลงเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
ไรอัน: ทุกอย่างเปลี่ยนไปมากเพราะว่าสมัยก่อนที่ไม่มีสตรีมมิ่ง สิ่งที่คุณทำคือคุณปล่อยซิงเกิลแรก ซิงเกิลที่สอง และตัวอัลบั้ม แล้วหลังจากที่ปล่อยอัลบั้มออกไปแล้ว คุณยังสามารถปล่อยเพลงในอัลบั้มได้อีก 2-3 เพลง โดยที่คนฟังยังรู้สึกเหมือนเพลงนั้นเป็นเพลงใหม่ ถ้าพวกเขาไม่ได้ซื้ออัลบั้ม แต่เมื่อมีสตรีมมิ่ง ทุกคนสามารถฟังเพลงทั้งอัลบั้มในรวดเดียว ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคืออัลบั้มของคุณจะอยู่ใน Spotify ไปตลอดกาล โดยไม่จำเป็นต้องซื้อแผ่นซีดี ทุกคนสามารถเข้าถึงเพลงได้จากทุกมุมโลกขอเพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือ ส่วนข้อเสียคือคุณไม่สามารถทำเหมือนว่าคุณมีเพลงใหม่อยู่เรื่อย ๆ กลายเป็นว่าเมื่อปล่อยอัลบั้มไปแล้ว ทุกคนฟังหมดแล้ว แฟน ๆ จะอยากได้เพลงใหม่ ๆ ทำให้ศิลปินต้องแต่งเพลงมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน
ตั้งแต่ Spotify มี New Music Friday ทำให้สัปดาห์หนึ่งก็จะมีเพลงใหม่ออกมาเป็นจำนวนมาก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากี่เพลง มันทำให้เกิดการแข่งขันสูงขึ้นกว่าสมัยก่อน แต่อีกด้านหนึ่ง สตรีมมิ่งทำให้เราไม่ต้องกังวลกับซิงเกิลแรกเท่าเดิมอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ สำหรับนักร้องที่มีชื่อเสียงอย่าง ไมเคิล แจ็กสัน, เคที เพอร์รี, โคลด์เพลย์ หรือพวกเรา มักจะมีแรงกดดันมากว่าซิงเกิลแรกควรจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว พวกเราเครียดน้อยลง กลายเป็นเราสามารถปล่อยเพลงทุก 3-4 เดือนแทน และรู้ว่าเพลงของพวกเราจะเข้าถึงแฟนเพลงได้ บางครั้งอาจจะเข้าถึงคนทั่วโลก บางครั้งอาจจะแค่บางส่วนของโลก ซึ่งจะเป็นแบบไหนผมโอเคหมด
ช่วยเล่าเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ให้พวกเราฟังสักหน่อยได้ไหม
ไรอัน: พวกเราทัวร์ไม่หยุดมา 10 ปี หลังจากอัลบั้มที่แล้ว พวกเราจึงตัดสินใจพักไป 2 ปีเลยเพื่อที่จะได้แต่งเพลงอย่างที่เราอยากแต่งไม่ต้องฝืนธรรมชาติเพราะปกติแล้วเมื่อพวกเราทำอัลบั้มปล่อยอัลบั้มออกทัวร์ค่ายเพลงก็จะให้พวกเราแต่งเพลงต่อแต่เพลงที่ดีจริงๆแล้วต้องมาจากเรื่องราวความเป็นมนุษย์ดังนั้นพวกเราจึงต้องกลับบ้านและทำตัวให้เหมือนมนุษย์ทั่วไปบ้างไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ออกทัวร์อยู่ตลอด
อัลบั้มนี้จึงเป็นการรวบรวมเพลงที่พวกเราแต่งตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา พวกเราคิดว่าเพลงในอัลบั้มที่พวกเราได้รวบรวมมา เป็นคอลเลกชันที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา ผมคิดว่าการได้ออกไปใช้ชีวิต ออกไปเที่ยว โดยไม่ได้พยายามฝืนแต่งเพลง ช่วยผมในการทำงานได้มากทีเดียว ผมรู้สึกว่าการแต่งเนื้อเพลงตอนที่ผมไม่ได้อยู่บ้าน อย่างตอนอยู่ที่ประเทศไทย พวกเราแต่งเพลงในภูเก็ต หรือตอนอยู่ยุโรป บราซิล สมองของผมทำงานคนละแบบเลย
หวังว่าพวกคุณจะได้เจอแรงบันดาลใจดี ๆ ในประเทศไทย
ไรอัน: แน่นอนครับ อย่างเพลงที่ 2 ของอัลบั้มนี้ผมจะตั้งชื่อเพลงว่า “ตุ๊กตุ๊ก”
มีเพลงที่พวกคุณอยากเล่นในคอนเสิร์ตแต่ว่าไม่เคยมีใครขอเพลงนั้นไหม
ไรอัน: ถ้าถามว่าเรามีเพลงที่อยากเล่นไหม.. หรือว่าเราจะเล่นเพลงที่แฟน ๆ ขอไหม จริง ๆ คนที่มาสัมภาษณ์พวกเราเมื่อวานที่โรงแรมเดอะสยาม เขาขอให้เราร้องเพลง ‘Mercy’ จากอัลบั้มแรกเหมือนกัน ถ้าเป็นเพลงที่พวกเรารู้จักและพวกเรายังจำได้ พวกเราโอเคแน่นอน แต่ถ้าสมมติว่ามีคนมาบอกว่า ‘ขอเพลงที่ 9 จากอัลบั้มแรก เมื่อ 12 ปีที่แล้วหน่อย’ ผมคงต้องบอกว่า ‘ขอโทษครับ ผมเล่นไม่ได้จริง ๆ’
ถ้าเปรียบเทียบอัลบั้มใหม่นี้เป็นคน คนคนนั้นจะเป็นใคร
ไรอัน: ถ้าอัลบั้มนี้เป็นคน.. โอ้โห มีแต่คำถามดี ๆ ในประเทศไทย เมื่อวานผมโดนสัมภาษณ์ไป 4 ชั่วโมงครึ่ง คำถามเมื่อวานก็ดีเหมือนกัน ผมอึ้งมาก พวกคุณควรไปสอนสื่อต่างประเทศให้ไม่ถามคำถามซ้ำซากบ้าง
เบรนท์: เป็นเพื่อนบ้าน
ไรอัน: ไม่เอา คิดถึงนักปรัชญาสิ
ดรูว์: ผมคิดว่าน่าจะเป็น เมอรีล สตรีป เพราะว่าเธอสุดยอดมาก จิตใจดี มีความเป็นมนุษย์ และทุกคนรักเธอ
ไรอัน: ตอนแรกผมกำลังจะเลือกนักปรัชญาสักคนอย่าง มหาตมะ คานธี เพราะว่าสิ่งที่เขาทำขับเคลื่อนด้วยมนุษย์และความรัก
ดรูว์: นั่นเป็นพาดหัวข่าวล่อคนเข้ามาอ่านได้เลยนะ นักร้องนำวง OneRepublic เปรียบอัลบั้มของเขากับคานธี
ไรอัน: โอเคไม่เอาดีกว่าเมอรีลสตรีปแล้วกัน