สัมภาษณ์ หมาก-ปริญ ไสยศาสตร์ ความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงสังคม 

สัมภาษณ์ หมาก-ปริญ ไสยศาสตร์ ความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงสังคม 
เคยมีคนบอกว่า “ความเชื่อเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุด” หากเราเชื่อในสิ่งใดมากพอ ก็จะเกิดชุดความคิดที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ได้ ไสยศาสตร์ก็เป็นหนึ่งในความเชื่อที่แข็งแกร่งและอยู่คู่กับเมืองไทยมานาน ซึ่งมันได้สร้างการเปลี่ยนแปลงมากมายในสังคมไทย เช่นเดียวกับวงการบันเทิงที่มีการหยิบไสยศาสตร์มาเป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นละคร นิยาย หรือภาพยนตร์ อย่าง “จอมขมังเวทย์” ภาพยนตร์ดังเมื่อปี 2548 ที่พูดเรื่องการใช้ไสยศาสตร์มาแลกตัวตน เพื่อการมีพลังวิเศษคนเหนือคน โดยในปี 2562 นี้กำลังจะมีภาคต่อ “จอมขมังเวทย์ 2020” ที่มี หมาก-ปริญ สุภารัตน์ นักแสดงคุณภาพมารับบทนำ  The People จึงชวนเขาคุยเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ความเชื่อ และการมีพลังวิเศษ ซึ่งเขาบอกกับเราว่า “ผมอยากมีพลังเปลี่ยนแปลงสังคม”   [caption id="attachment_13559" align="alignnone" width="1200"] สัมภาษณ์ หมาก-ปริญ ไสยศาสตร์ ความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงสังคม  หมาก-ปริญ สุภารัตน์[/caption]   The People: ได้ชม “จอมขมังเวทย์” ภาคแรกไหม ปริญ: ได้ดูครับ ชอบมากนะ ดูแล้วเชื่อเลยว่ามีของแบบนั้นมีอยู่จริง รวมไปถึงมุมกล้อง ซาวนด์ และการแสดงของพี่กอล์ฟ (อัครา อมาตยกุล) และพี่นก (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ที่เล่นไว้แบบ... โห สุดมากเลย ใครดูก็ต้องอึ้ง เพราะว่ามุมกล้องแปลกใหม่ดีครับ    The People: คิดว่าเสน่ห์ของภาคแรกคืออะไร ปริญ: ความดิบและความเรียลมาก ๆ เลย แล้วก็ความน่ากลัวของการเล่นของ ผมชอบซีนนั้นมาก ๆ ซีนที่พี่กอล์ฟตื่นมาบนเตียง แล้วกล้องเลื่อนลงมาใต้เตียงเห็นเป็นรอยเลือดที่เขียนอักขระเอาไว้ โห... ซีนนั้นดูแล้วขนลุก   The People: “จอมขมังเวทย์ 2020” สานต่อเรื่องราวจากภาคแรกอย่างไร ปริญ: หนังจะมีจอมขมังเวทย์รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่มาเจอกัน แอ็กชันเดือดมาก เรียลมาก มีความล้ำทันสมัยของสเปเชียลเอฟเฟกต์ และทำให้เห็นถึงความเป็นปัจจุบันว่า ยังมีคนเล่นของอยู่ แม้เราจะอยู่ในความเป็นเมืองสมัยใหม่ แต่เวทมนตร์ของขลังยังมีอยู่ ของมันก็ต้องมี ภาคนี้ผมรับบทเป็น “วิน” เป็นวัยรุ่นที่ชอบการต่อสู้ ใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อ แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปสู่ในโลกไสยศาสตร์เพื่อล้างแค้นแทนคุณพ่อ ทำให้เขาเจอองค์กรใหม่ที่รับบทโดยพี่นก-สินจัย (เปล่งพานิช) แล้วก็มีพี่ก๊อต (จิรายุ ตันตระกูล) ปรากฏตัว ภาคนี้จะมีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมา แล้วเชื่อมเรื่องราวบางส่วนจากภาคเดิมตรงที่พี่นก (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) เข้ามาด้วย เรื่องราวอื่น ๆ ผมยังไม่อยากบอก ต้องรอชมกันเอง โดยคาแรกเตอร์วินจะเป็นวัยรุ่นใจร้อน และไม่เชื่อในไสยศาสตร์ แต่ก็ต้องก้าวเข้าไปสู่สังคมไสยศาสตร์เต็มตัว   The People: ส่วนตัวคุณเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ไหม ปริญ: 50-50 เพราะวันก่อนเพิ่งไปขับรถของคุณแม่ที่มีพระมาเจิมเพื่อขอให้โชคดี ขอให้ปลอดภัย แล้วเราก็เคยเห็นรถบางคันมีสายสิญจน์คล้องอยู่ตรงพวงมาลัย หรือขับรถผ่านศาลเจ้า ขับผ่านอะไรต่าง ๆ แล้วเห็นคนถือธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไหว้สิ่งที่เขาเชื่อ สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อที่อยู่มานานแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ครับ แล้วก็อยู่ใกล้ตัวเรามาก ๆ เลย ในที่นี้มีใครห้อยพระไหม? ผมว่ามีเกือบทุกคน    The People: แสดงว่าไสยศาสตร์อยู่รอบตัวเราอยู่แล้ว? ปริญ: ใช่ครับ เช่น เวลาเราทำอะไรก็ตามก็จะมีพิธีกรรม หรือว่าการทำบุญอะไรต่าง ๆ มันก็ถือเป็นเรื่องเดียวกันอยู่แล้ว ก่อนถ่ายหนังก็ยังต้องมีการบวงสรวงเลย    [caption id="attachment_13558" align="alignnone" width="1200"] สัมภาษณ์ หมาก-ปริญ ไสยศาสตร์ ความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงสังคม  หมาก-ปริญ สุภารัตน์[/caption]   The People: ทราบมาว่าคุณชอบนวนิยาย “เพชรพระอุมา” ซึ่งเป็นเรื่องที่มีไสยศาสตร์แฝงอยู่ในนั้นด้วย? ปริญ: ใช่ครับ ตัว “รพินทร์ (ไพรวัลย์)” เขาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะ เขาจะบอกตลอดเวลาว่า ทุกคนมีของหมดแหละ อยู่ที่ว่าคุณจะปฏิบัติกับมันยังไง คุณจะห้อยพระหรือไม่ห้อย บางคนห้อยเพราะว่ามีของ แต่บางคนไม่ห้อยแล้วบอกว่าของอยู่ที่ใจ อย่างเวลารพินทร์จะทำอะไร เขายังเพ่งจิตเลย   The People: มองไสยศาสตร์เป็นเรื่องแฟนตาซีไหม ปริญ: ก็เป็นนะ แล้วแต่จินตนาการของคน แต่ถ้าพูดถึงความเป็นแฟนตาซี “จอมขมังเวทย์ 2020” คุณจะเห็นเป็นแฟนตาซีมาก เพราะหนังจะมีสัตว์เวทย์แบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน เวลาเกิดเหตุคับขัน ตัวละครวินจะมีสัตว์เวทย์อยู่ตัวหนึ่งคือ “มอม” (ราชสีห์ผสมมังกร) ถ้าใครสังเกตทางเข้าประตูวัดหรือวิหารจะเห็นตัวมอมคาบครึ่งหนึ่งของตัวพญานาคอยู่ นั่นเป็นสัตว์เวทย์ของตัวละครเรา ขณะที่พี่ก๊อตก็จะมีสัตว์เวทย์อีกตัว ทำให้หนังภาคนี้มีความแฟนตาซีมาก มีเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ทำให้หนังสนุก   The People: คิดว่าอะไรคือเส้นกั้นระหว่าง “ความเชื่อ” กับ “ความงมงาย” ปริญ: อย่างที่บอก มันคือจินตนาการ มันคือความคิด เราไปบังคับให้คนอื่นเชื่อไม่ได้ แต่หนังเรื่องนี้จะพยายามทำให้สิ่งที่ทีมงานจินตนาการ กลายเป็นภาพให้ทุกคนได้เห็น เล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง วันก่อนผมนั่งกินข้าวกับพี่คนหนึ่ง แล้วอยู่ดี ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า เพิ่งไปหาพระอาจารย์คนหนึ่งแล้วบอกว่าเขาโดนทำของใส่ ตอนแรกผมก็ทำหน้าแบบนี้ (ทำหน้าสงสัยแล้วหัวเราะ) เพราะพี่คนนี้ไม่ใช่คนขี้โม้ไง อยู่ดี ๆ เขาก็มาเล่าให้เราฟัง เขาเล่าว่าตอนพระอาจารย์รูดของออก ร่างกายเขาผิดปกติไป เนี่ย! มันเป็นเรื่องที่บอกไม่ถูก บางคนอาจไม่เคยเจอ บางคนก็เคยเจอแต่เขาไม่พูดก็มี   The People: เคยผ่านการบวชมาแล้ว ได้คุยเรื่องนี้กับพระอาจารย์ถึงเรื่องนี้ไหม ปริญ: ไม่ได้คุยครับเพราะกลัว (หัวเราะ)    The People: ทำไมไสยศาสตร์ถึงผูกกับความกลัวจังเลย ปริญ: (หัวเราะ) มันมีให้เลือกอยู่ไม่กี่ทาง (หัวเราะ) แต่มันก็เป็นเรื่องที่พูดยากเหมือนกันเนอะ   [caption id="attachment_13555" align="alignnone" width="1200"] สัมภาษณ์ หมาก-ปริญ ไสยศาสตร์ ความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงสังคม  หมาก-ปริญ สุภารัตน์[/caption]   The People: ถ้าคุณมีพลังวิเศษ อยากมีพลังแบบไหน ปริญ: ผมไม่ชอบความไม่ยุติธรรมครับ ผมอยากให้พลังที่เกิดผลดีต่อคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม (หัวเราะ) ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกพลังนั้นว่าอะไรหรือทำยังไง แต่อยากมีไว้เพื่อแก้ไขสังคม อยากจะให้คนที่คิดไม่ดีกลับกลายเป็นคนที่มีความคิดที่ดี    The People: หนังพูดถึงเรื่องไสยศาสตร์อาคมในยุคดิจิทัลด้วย ส่วนตัวมองปรากฏการณ์กลุ่มลัทธิต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในยุคนี้อย่างไรบ้าง ปริญ: หนังเรื่องนี้จะพูดถึงความเชื่อใหม่ ว่าเป็นเรื่องของกลุ่มคนหนึ่งที่สร้างความเชื่อนี้ขึ้นมา เช่น ถ้าคิดว่าเราดีก็จะดี ถ้าคิดว่าเรารวยก็จะรวย หรือถ้าคิดว่าเราจะประสบความสำเร็จก็จะประสบความสำเร็จ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ผิด แต่ว่าเราต้องซื่อสัตย์กับคนที่เข้ามาในองค์กรนั้นด้วย แล้วลัทธินั้นมีเจตนาดีจริงไหม ซึ่งในหนังเรื่องนี้มีเบื้องหลังของลัทธิที่ทำธุรกิจมืดอยู่ครับ   The People: ทำไมคนเราต้องมีความเชื่อด้วย ปริญ: มันเป็นการยึดเหนี่ยวจิตใจ แล้วความเชื่อต่าง ๆ จะสร้างพลังให้เราไปถึงจุดจุดหนึ่งที่เป็นเป้าหมายได้ ผมเชื่อว่าทุกความเชื่อมีพลัง ถ้าคุณเชื่อว่ามีก็จะมี ถ้าเชื่อว่าไม่มีก็จะไม่มี   The People: คิดว่าการเป็นดารานักแสดงเหมือนมีพลังวิเศษที่สร้างความเชื่อให้กับแฟนคลับไหม ปริญ: อาจไม่ได้เรียกว่าพลัง มันไม่ใช่สิ่งวิเศษอะไรเลย แต่มันอาจเป็นความสามารถที่ทำให้คนเชื่อได้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร (หัวเราะ) แต่ไม่ใช่พลังหรอกครับ ทุกวันนี้ผมทำเรื่องทั่ว ๆ ไป อย่างการพูดเรื่องออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ แฟนคลับก็เชื่อเพราะเราทำให้เห็น เป็นตัวอย่างที่ถูกต้องครับ   [caption id="attachment_13557" align="alignnone" width="1200"] สัมภาษณ์ หมาก-ปริญ ไสยศาสตร์ ความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงสังคม  หมาก-ปริญ สุภารัตน์[/caption]   The People: มีความเชื่ออะไรที่เปลี่ยนชีวิตคุณบ้าง ปริญ: มีครับ เมื่อก่อนผมไม่เชื่อว่าจะเล่นละครได้ วันหนึ่งอยู่ดี ๆ ผมอยากทำได้ อยากเล่นละครให้ดี ก็ตั้งใจทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด เพราะฉะนั้นผมจะต้องมีความเชื่อว่า “ผมทำได้” แล้วหลังจากนั้นผมก็ไปอ่านหนังสือ ดูหนัง ทำการบ้านที่เกี่ยวกับบทที่ได้รับมากขึ้น แต่สุดท้ายมันก็เป็นวิธีธรรมชาติอยู่แล้วที่เวลาคนเราอยากทำอะไรก็ตาม ก็ต้องมุ่งเน้นทำสิ่งนั้นให้ได้ ก็เหมือนเป็นความเชื่อที่ต้องบอกตัวเองว่า เฮ้ย! เราต้องทำได้    The People: แสดงว่าคุณก็เชื่อว่า “พลังความเชื่อเปลี่ยนแปลงความคิดคนได้” ปริญ: ใช่ครับ ทุกอย่างอยู่ที่นี่ (ชี้ที่ศีรษะ) อยู่ที่มายด์เซ็ต อยู่ที่ความเชื่อว่าเราจะมุ่งไปทางไหน มันเป็นเรื่องธรรมชาติมาก ๆ ถ้าเราจะมุ่งไปในทางที่ดี หรือบางคนอาจมุ่งไปทางที่มันไม่ดี อยู่ที่ว่าเราจะเลือกไปทางไหนแค่นั้นเอง น่าเสียดายที่บางคนไม่ได้เลือกเอง แต่สิ่งแวดล้อมมันพาไป ฉะนั้นถ้าอะไรที่มันไม่ดี ก็อย่าไปทำ (ยิ้ม)   The People: คนดูจะได้เห็นอะไรใน “จอมขมังเวทย์ 2020” บ้าง ปริญ: ภาคนี้จะเน้นแอ็กชันครับ ได้เห็นความเชื่อที่ยังอยู่รอบตัวคุณ และได้เห็นความแฟนตาซี ซึ่งผมภูมิใจและดีใจมากที่ได้มาอยู่ในภาคต่อหนังในตำนานเรื่องนี้ ต้องฟิตร่างกายมาก ๆ เพราะเรื่องนี้บู๊หนักมาก ส่วนเรื่องการแสดงหนังจะเรียลกว่า ได้ทำอะไรเยอะกว่า และสนุกมาก ๆ ที่ได้เปลี่ยนลุค ต้องสักทั้งตัวเลยครับ แถมทุกคิวรอยสักต้องเหมือนกันอีก เรียกว่าความเนี้ยบที่มีหายไปหมดเลยครับ ทั้งความหน้าใส ทรงผม คาแรคเตอร์ สายตา เปลี่ยนไปหมดเลย อยากให้มาดูการแสดงเรื่องนี้กันด้วยนะครับ สัมภาษณ์ หมาก-ปริญ ไสยศาสตร์ ความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงสังคม  หมาก-ปริญ สุภารัตน์  ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ: The Bazaar Hotel Bangkok ถนนรัชดาภิเษก