สัมภาษณ์ Two Door Cinema Club มิตรภาพจากกีตาร์ร็อค, Nirvana และเกาะสมุย

สัมภาษณ์ Two Door Cinema Club มิตรภาพจากกีตาร์ร็อค, Nirvana และเกาะสมุย
       Two Door Cinema Club วงอินดี้ร็อคเลือดไอริช เจ้าของเพลงฮิตอย่าง ‘Come Back Home’, ‘What You Know’ และ 'Sleep Alone' กลับมาเยือนบ้านเราเป็นครั้งที่สอง จะว่าไป Two Door Cinema Club ถือเป็นอีกหนึ่งวงหัวขบถในวงการดนตรี พวกเขามักจะสร้างสรรค์งานที่แตกต่างอยู่เสมอ และมักจะมีแนวคิดที่ไม่เหมือนใครเลยเสียทีเดียว The People มีโอกาสนั่งคุยกับสมาชิกทั้งสามคน นำโดย อเล็กซ์ ทริมเบิล (ร้องนำ, กีตาร์), แซม ฮัลลิเดย์ (กีตาร์) และ เควิน แบร์ด (เบส) เกี่ยวกับหลายประเด็นทางด้านดนตรี ไล่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของตัวตนในวันนี้ จนไปถึงคำถามที่ว่าถ้าหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่พวกเขา พวกเขาจะทำอย่างไร The People: การค้นพบดนตรีสำคัญสำหรับคุณอย่างไร แล้วดนตรีแบบไหนที่เป็นแรงบันดาลใจให้พวกคุณเป็นศิลปินแบบที่เป็นตอนนี้ เควิน: เป็นคำถามที่ดีมากเลย ผมคิดว่าเราทุกคนโตมากับเพลงป๊อป ทั้งเพลงป๊อปคลาสสิกของเดวิด โบวี่ หรือ The Beatles อเล็กซ์: วง The Lighthouse แม่ผมชอบวงนี้มากเลย เควิน: เพลงพวกนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราในช่วงแรก ๆ แต่พอเราโตขึ้น เราก็เริ่มชอบเพลงร็อค แล้ว Nirvana ก็เป็นวงที่ทำให้เรา อยากลองเล่นกีตาร์ อเล็กซ์: Nirvana เป็นวงที่เปลี่ยนชีวิตผมเลย ถ้าไม่มีวงนี้ ผมคงไม่ได้จับกีตาร์หรือมาทำวงแบบนี้ ตอนผมอายุ 12 ผมอยากจะเป็นแบบเคิร์ท โคเบน ผมเลยขอกีตาร์จากพ่อ แล้วก็หัดเล่นเพลงทุกเพลงของ Nirvana ในห้องนอน นั่นคงเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเป็นผมแบบทุกวันนี้ The People: ความประทับใจแรกของเพื่อนในวงเป็นยังไง เควิน: เรารู้จักกันในหลายช่วงชีวิต เรามาจากเมืองเล็ก ๆ ในไอร์แลนด์ ก่อนที่เราจะมาเป็นเพื่อนกัน เราเป็นลูกเสือด้วยกันมาก่อน รู้สึกว่าเราจะรู้จักกันจากฟุตบอล หรือฮอกกี้ หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ พอเราอายุซัก 15 หรือ 16 เราก็กลายมาเป็นเพื่อนกันเฉย [caption id="attachment_11016" align="aligncenter" width="582"] สัมภาษณ์ Two Door Cinema Club มิตรภาพจากกีตาร์ร็อค, Nirvana และเกาะสมุย จากซ้าย อเล็กซ์, เควิน และแซม[/caption] The People: มิตรภาพของพวกคุณมีผลกับการทำเพลงไหม อเล็กซ์: มี มันมีช่วงหนึ่งที่ทุกอย่างแย่ไปหมด จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราอยากจะกลับมาทำวงด้วยกันอีกครั้งเพราะเราอยากทำเพลงด้วยกัน แล้วเราก็ตกลงว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกันเพื่อที่จะทำงานด้วยกัน เราแค่ต้องทำผลงานออกมาให้สำเร็จร่วมกัน แต่พอเวลาผ่านไป เราก็กลับมาเป็นเพื่อนกันอีก ซึ่งมันทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมาก ผมรู้สึกว่าเราเล่นได้ดีขึ้น ทำเพลงดีขึ้น แล้วก็รู้สึกดีขึ้นด้วย ผมเลยมองว่ามิตรภาพมันสำคัญมาก ๆ The People: พูดถึงอัลบั้มล่าสุด “False Alarm” มีการทดลองเอาเสียงสังเคราะห์กับอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปผสานด้วย อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณเอาดนตรีสไตล์นี้ผสมเข้าไปในอัลบั้ม อเล็กซ์: เพราะมันน่าตื่นเต้นดี เหมือนกับที่เควินบอก ตอนเราเจอกัน เราสนใจในกีตาร์กับวงร็อค ซึ่งเราก็ยังรักมันอยู่ แต่พอเราโตขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ฟังเพลงเยอะขึ้น เราก็อยากเอาสิ่งที่เราชอบใส่ลงไปในเพลง มันเลยทำให้พวกเราอยากทดลองอะไรใหม่ ๆ เพื่อที่จะได้เอาจุดเล็ก ๆ พวกนี้เสริมเข้าไปในเพลง พอเราทำเพลงไปหลาย ๆ ปี วงเราก็เริ่มหลากหลายขึ้น พวกเรามีแนวดนตรีที่สนใจไม่เหมือนกัน อย่างผม โดยส่วนตัวผมคลั่งไคล้ดนตรีสังเคราะห์มาก แรงบันดาลใจมันเลยมาจากหลายอย่างมาก The People: พวกคุณไม่ใช่วงที่จะออกอัลบั้มทุกปี อยากรู้ว่าปกติใช้เวลาเท่าไหร่ในการออกอัลบั้ม ได้ยินว่าอัลบั้มนี้ใช้เวลาถึง 18 เดือนเลยทีเดียว แซม: มันเกี่ยวกับการรักษาสมดุลมากกว่า เพราะว่าคนฟังเขาเห็นแต่ผลงานที่ออกมา แต่สำหรับเรา เราใช้เวลาเกือบปีหรือมากกว่านั้นในการทำอัลบั้ม วิดีโอ แล้วก็ภาพประกอบ มันเลยใช้เวลาถึง 18 เดือน เราทำงานติด ๆ กันมาเกือบ 2 ปีกับอีกปีครึ่ง เพื่อที่เราจะได้พักผ่อนและเจอครอบครัวกับเพื่อนฝูงหลังจากนั้น หลังพักไปได้ 2-3 เดือน เราก็มาเริ่มทำทุกอย่างใหม่อีกรอบ มันเลยใช้เวลาถึง 2 หรือ 3 ปีระหว่างอัลบั้ม แต่เราก็ทำงานอย่างเต็มที่ในทุกอัลบั้ม สัมภาษณ์ Two Door Cinema Club มิตรภาพจากกีตาร์ร็อค, Nirvana และเกาะสมุย The People: คุณเชื่อไหมว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาแทนที่นักดนตรีในอนาคต เควิน: ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ ถึงมันจะมีหลายคนที่ทดลองใช้อัลกอริทึ่มในการทำเพลงออกมา แต่ผมรู้สึกว่าสุดท้ายมันก็ยังเป็นมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ แล้วผมก็รู้สึกว่าดนตรีมันมีค่ามากกว่าการคำนวณว่าเพลงแบบไหนคนจะชอบ ดนตรีสามารถทำในสิ่งที่หนังหรือนิยายทำได้ภายในเวลาแค่ 3 ถึง 4 นาที ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่อัลกอริทึ่มไม่สามารถลอกเลียนได้ The People: การสตรีมเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องปกติสำหรับสมัยนี้ คุณคิดว่ามันจะมีผลกระทบกับวงการเพลงไหม อเล็กซ์: เราไม่ได้ตกใจอะไรที่สตรีมมันเป็นที่นิยมขึ้นมา เราทำเพลงมา 12 ปี ตอนนั้นยังไม่มีการสตรีม คนยังซื้อแผ่นเสียงกันอยู่ สื่อโซเชียลก็มีแต่ Myspace แต่เรารู้ว่าเดี๋ยวมันจะต้องเปลี่ยนไป ซึ่งตอนนี้ยอดขายแผ่นก็ตกลงเพราะทุกคนฟังเพลงกันผ่านอินเทอร์เน็ต ทุกคนเลยกังวลว่าจะหารายได้จากตรงไหน จะมีรายได้พอไหม แต่สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ สุดท้ายมันก็สามารถเป็นประโยชน์ได้ทั้งกับคนฟัง ศิลปิน แล้วก็บริษัท ถึงสมดุลมันจะเสียไปหน่อย แต่ทุกอย่างก็เวิร์ค แล้วเราก็ยังมีรายได้ ถึงจะไม่ได้เยอะอะไรแต่มันก็ดีแล้ว The People: ช่วงที่คุณเปลี่ยนแนวเพลง มีทั้งกระแสตอบรับที่ดีและไม่ดี คุณมีวิธีจัดการกับกระแสทางลบยังไง เควิน: แค่อย่าไปฟังมันไม่ว่ามันจะเป็นความเห็นด้านบวกหรือด้านลบ มันอาจจะฟังดูแย่ แต่สุดท้ายผมไม่ได้ทำเพลงเพื่อให้คนมาชื่นชม ผมว่าถ้าคุณทำเพลงเพื่อให้คนชื่นชม คุณก็จะต้องการมันอีกเรื่อย ๆ ซึ่งมันจะทำให้คุณไม่มีความสุข แล้วเรื่องแบบเดียวกันก็จะเกิดขึ้นกับความเห็นที่แย่ จนถึงทุกวันนี้ พวกเรายังทำเพลงด้วยสาเหตุเดียวกันกับตอนที่เราทำมันสมัยยังเด็ก คือเพื่อความสุขโดยที่ไม่ได้สนว่าจะมีคนฟังเป็นล้านคนหรือไม่มีใครฟังเลย ทุกคนมีความเห็นต่างกันแล้วทุกคนก็พูดไปตามสิ่งที่คิด เราเลยทำเพื่อตัวเองแค่นั้น สัมภาษณ์ Two Door Cinema Club มิตรภาพจากกีตาร์ร็อค, Nirvana และเกาะสมุย The People: นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่พวกคุณมาประเทศไทย ครั้งนี้มีความแตกต่างกับครั้งแรกไหม แซม: มี ผมว่าครั้งที่แล้วเราเหนื่อยกันมาก ครั้งนี้เราเพิ่งมาถึงตอนบ่าย เลยยังไม่ได้ออกไปทำอะไร แต่ครั้งที่แล้วก่อนสัมภาษณ์เราไปนั่งรถตุ๊กตุ๊กชมเมืองกัน พอถึงเวลาสัมภาษณ์ก็เลยเหนื่อยมาก พรุ่งนี้เราจะไปโตเกียวกัน จะบินออกจากไทยพรุ่งนี้เช้า มันน่าเสียดายที่เราได้แค่มาเล่นโชว์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เราก็หวังว่ามันจะเป็นโชว์ที่สุดยอด อเล็กซ์: แต่ครั้งที่แล้วที่มา ผมประทับใจมาก ผมได้กลับมาเที่ยวที่ไทยด้วยตัวเองด้วยอีกครั้ง รวมถึงประเทศใกล้เคียงด้วย ผมไปที่เกาะสมุย เกาะหลีเป๊ะ แล้วก็เกาะอื่นอีกนิดหน่อย ผมอยู่ที่นี่ประมาณ 2-3 อาทิตย์แล้วผมก็ชอบมากเลย The People: ดนตรีมีความหมายกับคุณอย่างไร อเล็กซ์: มันคือทุกอย่าง มันคือทั้งชีวิตของผม และผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงถ้าไม่มีมัน มันสำคัญกับผมมาก   ร่วมสัมภาษณ์: ศมวฤณ วิชิตกุล ขอขอบคุณทีมผู้จัด Be Hear Now และ Teenage Dream Corporation สำหรับการอำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครั้งนี้