ฮานส์ เอสติอัลโบ: Night Edge Pictures ค่ายหนังที่จะยกระดับ ความสยองขวัญ ในไทย

แม้ภาพยนตร์สัญชาติไทยที่ถูกผลิตออกมาหลาย ๆ ชิ้นนั้นวนเวียนอยู่กับเนื้อหาตลกและโรแมนติก แต่หากมองย้อนกลับไปแล้วเราจะพบว่าภาพยนตร์อีกหนึ่งแขนงที่ถือเป็นรสชาติจัดจ้านจนดังไกลไม่แพ้ใครทั่วโลกก็คือ ‘ภาพยนตร์สยองขวัญ’ 

.

ไม่ว่าจะเป็น ‘นางนาก (2542)’, ‘ชัตเตอร์ กดติดวิญญาน (2547)’, ‘ลัดดาแลนด์ (2554)’, และ ‘ร่างทรง (2564)’ ก็ถือเป็นหลักฐานที่บอกเราอย่างชัดเจนว่าเรื่องราวสยองขวัญในไทยยังคงมีศักยภาพที่จะทำให้ผู้ชม ‘กลัว’ เสมอ รอคอยเพียงแค่คนที่หยิบมันมาเล่าเพียงเท่านั้น

.

แม้ว่าภาพยนตร์สยองขวัญของไทยจะมีออกมาให้เราได้เชยชมอยู่เรื่อยมา แต่ ณ ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีโลโก้ของค่ายใดที่สร้างภาพจำให้แก่ผู้ชมได้ว่า หากมันปรากฎขึ้นมาก่อนภาพยนตร์ฉาย ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวทำให้ผู้ชมได้ ‘ระทึก’ ‘สยอง’ หรือ ‘เร้าใจ’ ไปกับมันได้อย่างแน่นอน

.

แต่ถึงกระนั้น มันก็กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งในวันนี้ The People จะพาผู้อ่านไปรู้จักกับชายผู้หลงใหลในความขนหัวลุกของหนังสยองขวัญ ‘ฮานส์ ออดริก บี. เอสติอัลโบ’ และค่ายหนังหน้าใหม่ ‘Night Edge Pictures’ ที่จะกลายมาเป็นคลื่นลูกใหม่แห่งภาพยนตร์สยองขวัญในไทยที่จะมาทำให้รสชาติของมัน ‘เข้มข้นขึ้น

ชายผู้หลงใหลในหนังสยองขวัญ

.

“ผมจำได้ว่าผมหลงรักหนังสยองขวัญก็จากเรื่อง Poltergeist (1982), The Exorcist (1974), และ The Shining (1980)”

.

‘ฮานส์ ออดริก บี. เอสติอัลโบ’ (Hans Audric B. Estialbo) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ หัวเรือใหญ่แห่ง Night Edge Pictures มีความรักและสนใจในภาพยนตร์สยองขวัญตั้งแต่สมัยที่การชมภาพยนตร์สักเรื่องต้องไปหาจากร้านเช่า VDO 

.

คุณฮานส์เติบโตขึ้นมาพร้อม ๆ กับการได้ดูภาพยนตร์สยองขวัญระดับขึ้นหิ้งกับแม่ของเขา และ ณ ช่วงเวลานั้นเองก็ทำให้เขาหลงรักการดูหนังสยองขวัญเป็นครั้งแรก แต่ถ้ากล่าวถึงเรื่องที่มีส่วนสำคัญจนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาหลงใหลความสยองขวัญอย่างจริงจังเมื่อเติบโตขึ้นมาก็คือ ‘Scream หวีดสุดขีด (1996)’

.

.

“คือในยุค 90s มันแทบไม่มีหนังไล่ฟันแบบนั้นเลย ผมถือว่าเรื่องนั้นเป็นผู้บุกเบิกวงการเลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่ได้มอบเราแค่ความระทึกขวัญจากการไล่ล่ากันเท่านั้น เพราะว่าเรื่องราวของมันที่ลึกลับซ่อนเงื่อนก็ยึดให้เราติดกับที่นั่งและอยากหาคำตอบให้พบ มันมีการหักมุมไปมาว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรตัวจริง หัวใจหลักของมันก็เรียบง่ายมาก ๆ เลย แต่ในขณะเดียวกันหนังมันก็ถูกนำเสนออย่างชาญฉลาดมากเช่นกัน”

.

น้ำเสียงและสายตาของคุณฮานส์ในขณะที่เขากล่าวถึงหนึ่งในงานมาสเตอร์พีซของผู้กำกับผู้มีคุณูปการต่อวงการภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง ‘เวส เครเวน’ (Wes Craven) ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความชอบและหลงใหลที่เขามีให้กับภาพยนตร์เรื่องนั้นจริง ๆ เขาบรรยายให้เราฟังถึงความเรียบง่ายแต่ชาญฉลาดในการ ‘Execute’ ของ Scream ที่เปลี่ยน เรื่องราวง่าย ๆ ให้กลายเป็นหนังสยองขวัญที่มีความลึกไปด้วยมิติต่าง ๆ

.

“คือตัวผมเองก็เป็นนักเขียนด้วยนะ แล้วพอผมดู Scream สิ่งแรกที่ผมคิดเลยคือ… ‘ทำไมผมนึกอะไรแบบนั้นไม่ออก’”

 

ถือกำเนิด Night Edge Pictures

.

“มันถือเป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากความรักและหลงใหลในภาพยนตร์สยองขวัญ มันคือการผสานรวมกันของทุกอย่างที่เราอยากทำกับภาพยนตร์ประเภทนี้

.

“เราอยากจะพาความตื่นเต้นเร้าใจกลับมาสู่โรงภาพยนตร์”

.

คุณฮานส์กล่าวตอบกับคำถามว่าเหตุใดเขาจึงอยากริเริ่มค่ายหนังหน้าใหม่อย่าง ‘Night Edge Pictures’ ที่จะเป็นผู้จัดจำหน่ายและผู้สร้างภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นไปที่แนว ‘สยองขวัญ’ (Horror) และ ‘ระทึกขวัญ’ (Thriller) โดยเฉพาะ แถมเขายังบรรยายต่อว่าสิ่งที่พวกเขาอยากมอบให้แก่ผู้ชมคือ “Blood, Sweat, and Thrills!” ซึ่งเป็นการถอดมาจากสำนวน “Blood, Sweat, and Tears” นั่นเอง ซึ่งหากจะแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ‘ความบันเทิงที่จะเขย่าขวัญที่จะทำให้คุณลุ้นนั่งไม่ติดที่นั่ง’ นั่นเอง

.

ถือเป็นค่ายหนังหน้าใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายที่ ‘ชัดเจน’ เป็นอย่างมาก อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าว่าในประเทศไทยยังไม่มีค่ายหนังที่มีความเฉพาะเจาะจงไปที่ภาพยนตร์สยองขวัญ คุณฮานส์จึงเป็นคนหนึ่งที่อยากสร้างค่ายหนังที่เป็นภาพจำและเป็นสัญลักษณ์เพื่อการันตีแก่ผู้ชมว่า ‘ถ้าโลโก้ของ Night Edge Pictures ปรากฎขึ้นมา เตรียมตัวหวีดแบบสุดขีดได้เลย’

.

ในส่วนแรกที่ Night Edge Pictures กำลังทำอยู่ ณ ขณะนี้คือการสรรหาภาพยนตร์สยองขวัญที่น่าสนใจนำมาฉายในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหนังแต่ละเรื่องจะถูกคัดสรรอย่างมีคุณภาพจากทั่วโลก เรียกได้ว่าถ้าใครเป็นคอหนังสยองขวัญตัวยงก็ต้องกำตังรอหนังที่มีโลโก้ Night Edge Pictures ได้เลย 

.

.

.

หลังจากที่ได้เขย่าขวัญผู้ชมชาวไทยกับภาพยนตร์ลำดับแรกที่ Night Edge Pictures ได้คัดสรรมาให้ชมอย่าง ‘You Are Not My Mother’ หรือ ‘มาร (ดา) จำแลง’ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พวกเขาจะไม่ได้หยุดเพียงแค่เท่านั้น เพราะในเดือนกันยายนก็มีภาพยนตร์สยองขวัญสัญชาติเนเธอร์แลนด์อย่าง ‘Moloch’ หรือ ‘อย่าขุดมันขึ้นมา’ ที่เตรียมเข้าฉายในวันที่ 22 กันยายนนี้ 

.

นอกจากนั้นก็ยังเตรียมฉลองเดือนแห่งฮาโลวีนด้วยภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องถัดไปอย่าง ‘Speak No Evil’ ที่ส่งตรงจากประเทศเดนมาร์ก และ ‘Nocebo’ ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่นำแสดงโดยดาราชื่อดังอย่าง อีวา กรีน (Eva Green) และ มาร์ค สตรอง (Mark Strong) ในเดือนพฤศจิกายน

.

ไม่เพียงแค่จะมีภาพยนตร์สยองขวัญลำเลียงตามกันมาให้คอหนังสยองขวัญอย่างไม่หยุดยั้งเท่านั้น เพราะในเดือนตุลาคมแห่งฮาโลวีน Night Edge Pictures ที่ร่วมมือกับ Lido Connect และ Major Cineplex ก็เตรียมจัด Halloween Mini Marathon ที่นำเอาหนังสยองขวัญแต่ละเรื่องมาเขย่าขวัญผู้ชมกันแบบ non-stop ให้อิ่มจุใจในค่ำคืนฮาโลวีนกันไปเลย

.

.

“เราอยากเป็นพื้นที่ให้นักทำหนังไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ คนเขียนบท หรือผู้ผลิต ได้ทำไอเดียของเขาให้ออกมาเป็นจริง เราอยากทำหน้าที่เป็นพื้นที่แห่งโอกาสที่จะเป็นอีกแรงหนึ่งในการยกระดับภาพยนตร์สยองขวัญในไทยให้ดุเดือดและดียิ่งขึ้นไปอีก”

.

คุณฮานส์ได้เล่าให้เราฟังต่อว่าเขาไม่เพียงแต่จะนำหนังเข้ามาฉายเท่านั้น แต่พวกเขาอยากจะมุ่งผลิตและสร้างสรรค์หนังดี ๆ เข้าสู่อุตสาหกรรมด้วย นอกจากมีไอเดียมากมายที่รอเก็บเกี่ยวแล้ว เขาเชื่อว่ายังมีอีกหลายไอเดียที่รอการเล่าขาน นั่นก็คือเรื่องราวจากนักทำหนังอีกหลายคนที่อยากเล่าแต่ยังมีพื้นที่ไม่มากพอ

.

แต่คุณฮานส์ไม่ได้มองเพียงแค่เป้าหมายระยะสั้นในการนำเข้า-ส่งออกและผลิตภาพยนตร์สยองขวัญเท่านั้น แต่ในอนาคตเขาอยากจะสร้าง ‘Ecosystem’ ของหนังสยองขวัญที่จะเป็นวงจรที่วนเวียนซัพพอร์ตกันไปมาในระบบและใช้ศักยภาพที่มีไปให้สุดเพดาน

.

ในวันเปิดตัว Night Edge Pictures คุณฮานส์ก็ยังได้เผยถึงพันธมิตรมากมายหลายชื่อที่จะมาร่วมสรรค์สร้างและผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์สยองขวัญให้ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งก็มีทั้งบริษัทชื่อดังผลงานคุ้นหูและชื่อใหม่ไฟแรง

.

เริ่มจาก ‘Fusee’ สตูดิโอและทีมโปรดัคชั่นจากสหรัฐอเมริกาที่เป็นส่วนหนึ่งในของภาพยนตร์ตัวเต็งรางวัลคานส์อย่าง ‘Plan 75’ ตามมากับ ‘Always Imagine’ บริษัทด้านวิดีโอเกมส์จากสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้นก็ยังมี Benetone Films และ ก้องเกียรติ โปรดักชั่น ที่จะมาร่วมดูแลด้านการผลิต และปิดท้ายด้วยบริษัทที่ปรึกษาด้านบล็อคเชนอย่าง Futario

.

ด้วยความร่วมมือจากบริษัทมากหน้าหลายแขนงเช่นนี้ แน่นอนว่า Night Edge Pictures จะไม่หยุดการเขย่าขวัญผู้ชมเพียงแค่ภาพยนตร์ภายในโรงอย่างแน่นอน

.

.

“ผมคิดว่าภาพยนตร์แนวสยองขวัญมันเป็นแนวที่เราต้องไป ‘ประสบ’ กับมัน ก็คือถ้าคุณจะทำหนัง VR ขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง แนวสยองขวัญก็น่าจะเป็นแนวที่เหมาะสมที่สุดแล้ว 

.

“นอกจากนั้นเราก็ยังวางแผนไว้ว่าเราอยากจะทำโทเค่นที่ผู้คนสามารถร่วมลงทุนกับภาพยนตร์ของเราได้อีกด้วย”

.

วิสัยทัศน์ของพวกเขามองไกลและกว้างไปถึงแนวทางการผลิตที่หลากหลายขึ้น รวมถึงช่องทางที่สามารถเปิดให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมและสนับสนุนอุตสาหกรรมให้ครึกครื้นมากขึ้น โดยเขาได้มีการพันธมิตรกับบริษัทหลากหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นโปรดัคชั่นผลิตภาพยนตร์ บริษัทผลิตเกมส์ รวมถึงบริษัทบล็อคเชนอีกด้วย

.

ถือเป็นการมองภาพและตีความอุตสาหกรรมภาพยนตร์สยองขวัญที่ไปไกลมากกว่าการผลิตภาพยนตร์มาฉายในจอ แต่ Night Edge Pictures ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของสิ่งที่มีอยู่แล้วนำมันไปใช้อย่างเต็มขั้นและคุ้มค่าที่สุด ถือเป็นการมองภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมด้วยแพสชันและความรักจริงเข้าไปอย่างปฏิเสธไม่ได้

 

.

มองหนังผีมุมต่าง

.

ก่อนจะจบบทสัมภาษณ์ The People จึงเอ่ยถามคำถามง่าย ๆ ว่า 

.

“คุณคิดอย่างไรกับภาพยนตร์สยองขวัญ?”

.

“ในหลาย ๆ ครั้งเวลาเราดูหนังเราก็จะเห็นว่าตัวละครผีหรือฆาตกรที่ไล่ฟันนั้นเป็นตัวร้ายล่าเหยื่อ แต่ผมมักจะมองตัวละครเหล่านั้นเป็นเหยื่อนะ ผมมองพวกเขาเหมือนใครสักคนที่ต้องพบเจอกับอะไรสักอย่างมาที่แปรเปลี่ยนเขาให้เป็นเขาในเวอร์ชั่นนั้น ซึ่งเวลาหนังจบ ตัวละครเหยื่อก็หลุดรอดไปแล้วจบ แต่ผมเป็นคนที่สงสัยต่อว่า ‘แล้วอะไรทำให้ตัวร้ายเหล่านั้นเป็นอย่างที่เขาเป็น?’ เหมือนอย่าง Jason Voorhees จากเรื่อง Friday 13th”

.

“บางทีผมก็มองว่าพวกเขาก็เป็นใครสักคนหนึ่งที่หลงทาง ใครสักคนที่มีเบื้องหลังที่เปลี่ยนเขาจากคนธรรมดาเป็นอสูรกาย ดังนั้นเบื้องหลังที่มาของตัวละครจึงเป็นสิ่งที่ผมอยากค้นหาเสมอมา”

.

“ผมเชื่อว่าเราทุกคนต้องมีสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด ต้องมีสักครั้งที่ผู้คนรอบกายไม่เข้าใจเรา เพราะอย่างนั้นมั้งที่ทำให้ผมรู้สึกเข้าถึงตัวละครเหล่านั้นได้ในบางมุม มันทำให้ผมอยากดูภาพยนตร์เหล่านี้ ไม่ได้เพราะแค่อยาก ‘กลัว’ หรือ ‘ระทึก’ แต่ผมอยากหาคำตอบเบื้องหลังตัวตนในแบบที่เขาเป็น และผมก็คิดว่านี่ก็เป็นความน่าสนใจหนึ่งของภาพยนตร์สยองขวัญนะ”

.